Cartier นำเหล่านาฬิการุ่นคลาสสิกมาพัฒนาเป็นผลงานที่มีดีไซน์เหนือชั้นในคอลเล็กชั่น Novelties 2023
นาฬิกาข้อมือจากทั้ง 6 ตระกูลของคาร์เทียร์ถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นผลงานดีไซน์ใหม่ที่มีพัฒนาการแบบเหนือขั้น ทว่ายังคงกลิ่นอายความคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลา
เข็มเวลาหมุนไปจนถึงช่วงเวลาเปิดซีซั่นของอุตสาหกรรมเรือนเวลาอีกครั้ง กับเทศกาล Watches & Wonders ประจำปี 2023 งานนิทรรศการจัดแสดงผลงานนาฬิกาและจิวเวลรีที่ถูกจัดขึ้นในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทุกปี พร้อมกับการประชันเปิดตัวผลงานชิ้นเด็ดและคอลเล็กชั่นใหม่ของแบรนด์ระดับโลกมากมาย ปีนี้คาร์เทียร์ได้ทำการปล่อยเหล่าผลงานจากคอลเล็กชั่น Novelties ประจำปี 2023 ในงานตัวเปิดเทศกาลวันแรก ซึ่งได้สร้างเสียงฮือฮาให้กับสาวกเรือนเวลาเป็นอย่างมาก เพราะคาร์เทียร์นำนาฬิกาจาก 6 ตระกูลสุดคลาสสิกของแบรนด์มาสร้างสรรค์ใหม่ เป็นผลงานที่มีคาแร็กเตอร์สไตล์คลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละเรือน ที่ถูกนำมาพัฒนาให้แลดูโมเดิร์นอยู่เหนือขอบเขตของกาลเวลา จะมีรุ่นไหนบ้างมาดูกัน
1 / 6
TANK NORMALE
นาฬิกาข้อมือเรือนเดียวที่ถูกรังสรรค์โดย Louis Cartier เมื่อปี 1917 ถูกนำกลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้ง พร้อมตัวเลือกตัวเรือนและสายหลายรูปแบบ ซึ่งไฮไลต์รุ่นตัวเรือนและสายแพลทินัมในโทนสีเงินเมทัลลิก ขับเคลื่อนด้วยกลไก Complication 24 ชั่วโมงแบบสเกเลตัน โดยการบอกเวลาช่วงกลางวันจะอยู่ช่วงครึ่งบนของหน้าปัด ในขณะที่การบอกเวลากลางคืนจะอยู่ช่วงครึ่งล่าง มีจำนวนเพียง 50 เรือนที่มีตัวเลขสลักบอกจำนวนทุกเรือน
2 / 6
TANK AMÉRICAINE
คาร์เทียร์นำเสน่ห์ของนาฬิกาข้อมือตระกูล Tank Cintrée จากปี 1989 กลับมาอีกครั้ง ซึ่งปีนี้คาร์เทียร์ได้ปรับรูปแบบให้มีความโค้งมนมากกว่าเดิม ไฮไลต์คือรุ่นตัวเรือนทองคำกุหลาบเชื่อมกับสายหนังจระเข้ได้อย่างไร้ที่ติและรอยเชื่อม ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ที่บางขึึ้นอย่างรุ่น 1899 MC มาพร้อมกับตัวเลือกในสีและวัสดุอื่นๆ ได้แก่ตัวเรือนและสายทองคำเหลืองอร่ามทั้งเรือน หรือ รุ่นทองคำกุหลาบฝังเพชรสายหนัง
3 / 6
SANTOS-DUMONT
เรียกเสียงฮือฮาภายในงาน Watches & Wonders และในโซเชียลมีเดียไม่น้อย กับนาฬิกาข้อมือรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขอบโค้งมน ที่เป็นมรดกด้านดีไซน์ดั้งเดิมจากปี 1904 เพิ่มความพิเศษแบบแปลกตาด้วยการอวดการขับเคลื่อนของกลไก 9629 MC ผ่านหน้าปัดแซปไฟร์ใสโปร่ง ซึ่งใช้ระยะเวลาพัฒนานานถึง 2 ปี โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองคำเหลืองที่ตัดกับโทนสีน้ำเงินของสายหนังจระเข้ แมตช์เข้ากับเม็ดมะยมอัญมณีคาร์โบชงอันเป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์
4 / 6
THE NEW BAIGNOIRE WATCH
ตัวเรือนรูปทรงวงรีสองวงทับซ้อนกันเพื่อเพิ่มมิติให้กับนาฬิกาข้อมือที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1912 เพิ่มขนาดตัวเลขโรมันให้ชัดเจนขึ้น เน้นความเย้ายวนด้วยความเงาและความโค้งมนของตัวเรือนและสายที่เหมือนกำไลข้อมือที่รังสรรค์ด้วยทองคำ กับตัวเลือกทั้งทองคำเหลือง ทองคำกุหลาบ รวมถึงรุ่นที่ฝังเพชรทั้งตัวเรือนและหน้าปัด เป็นการเชิดชูวัสดุเลอค่าด้วยความเรียบง่ายของดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร
5 / 6
THE CLASH [UN]LIMITED
หลังจากคาร์เทียร์นำกลับมาขึ้นแคมเปญตลอดทั้งปี 2022 นาฬิกาข้อมือจากคอลเล็กชั่นพี่น้องของ Clash de Cartier อย่างรุ่น The Clash (Un)limited ก็ได้ถูกเรียกร้องให้นำกลับมาสร้างสรรค์อีกครั้ง เป็นเรือนเวลาในรูปแบบกำไลข้อมือจิวเวลรีชั้นสูง ด้วยการขัดเงาและเจียระไนตัวเรือนทองคำเป็นรูปทรงเหลี่ยมปิโกต์ คูล คาร์เร พร้อมกระจกเจียระไน 16 เหลี่ยมเพื่อเพิ่มเสน่ห์อันล้ำลึกใ่ห้กับเรือนเวลา พร้อมประดับด้วยอัญมณีหลายชนิด สาวกนาฬิกาจิวเวลรีห้ามพลาดที่จะคว้ามาครอบครอง
6 / 6
LA PANTHÈRE DE CARTIER
ความสง่างามอันดุดันของคาร์เทียร์ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านนาฬิการุ่น Le Panthère de Cartier กับการนำเสือแพนเตอร์ สัตว์สัญลักษณ์ที่สื่อถึงจิตวิญญาณของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี มาสร้างสรรค์เป็นนาฬิกาข้อมือในรูปทรงกำไลข้อมือสไตล์แบงเกิล ที่ต้องอาศัยความชำนาญในการรังสรรค์ตัวเรือนรูปทรงหัวเสือแพนเตอร์ทั้งดีไซน์ที่ประดับด้วยโอนิกซ์และโซโวไรต์ หรือตัวเรือนทองคำขาวที่ประดับเพชรทั้งเรือนที่ฝังมรกตไว้บริเวณตาของเสือแพนเตอร์ เป็นเรือนเวลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเหลือล้นจนไม่อาจละสายตา
WATCH