Cartier เผยโฉมเหล่าเรือนเวลารุ่นคลาสสิกในดีไซน์ใหม่ปี 2023 เข้าบูติกแล้ว!
ผลงานเรือนเวลาใหม่ชั้นเยี่ยมทั้ง 7 รุ่นของ Cartier เชื่อมระหว่างห้วงประวัติศาสตร์ที่ก้าวสู่อนาคต
ในงาน Watches and Wonders ประจำปี 2023 ที่จัดขึ้น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คาร์เทียร์เปิดตัวคอลเล็กชั่นนาฬิกา 7 รุ่นคลาสสิกในโมเดลใหม่ล่าสุดที่เชื่อมโยงระหว่างประวัติศาสตร์และอนาคตเข้าด้วยกัน โดดเด่นทั้งลูกเล่นในด้านดีไซน์และการเสริมฟังก์ชั่นการใช้งานให้หลากหลายสำหรับทุกเพศและทุกโอกาส รวมถึงนำเสนอความล้ำลึกของการสร้างสรรค์เรือนเวลาผนวกเข้ากับจิวเวลรีได้อย่างไร้รอยต่อ โว้กพาทุกคนเดินทางทำความรู้จักกับคอลเล็กชั่นนาฬิกาประจำปีนี้ทั้ง 7 รุ่นของคาร์เทียร์ที่มาพร้อมเรื่องราวอันน่าประทับใจ
TANK FRANÇAISE
เรือนเวลารถถังในตำนานที่เป็นสัญลักษณ์ของการฉลองชัยให้ฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยในคอลเล็กชั่นปี 2023 นี้สะท้อนความเชื่อมั่นในเชิงสร้างสรรค์เฉกเช่นการค้นพบเนื้อแท้ที่ยังไม่ผ่านการขัดเกลาของอัญมนีที่เจียระไนแล้ว โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดประดับเพชรบนตัวเรือนสตีลและปรับสายหลักให้มีความสมบูรณ์แบบอย่างลงตัว
TANK AMÉRICAINE
กลับมาอีกครั้งสำหรับเรือนเวลาตระกูล Tank Cintrée พร้อมกับกลไกคาลิเบอร์ในรุ่น 1899 MC สอดรับกับดีไซน์ตัวเรือนที่บางขึ้นแต่ยังคงต้นฉบับและรูปทรงโค้งมนเหมือนเคย เพิ่มความพิเศษให้หน้าปัดเรียวยาวและโค้งมนรับกับข้อมือมากขึ้น มาพร้อมกับตัวเรือนและสายหลากหลายดีไซน์ ทั้งตัวเรือนสตีลมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน ตัวเรือนทองคำกุหลาบสายหนังจระเข้สีน้ำตาล และตัวเรือนทองคำกุหลาบหน้าปัดประดับเพชรสายหนังจระเข้สีแดง ที่ออกแบบมาสำหรับ TANK AMÉRICAINE โดยเฉพาะ
WATCH
SANTOS-DUMONT
เรือนเวลารูปทรงหน้าปัดสี่เหลี่ยมจัตุรัสขอบโค้งมนสุดคลาสสิก นำเสนอ 5 รูปแบบใหม่ หน้าปัดแกะสลักตัวเลขอักษรโรมันและขยายให้ชัดเจนขึ้นลงบนแจสเปอร์ หยก และดูมอร์เทอไรต์ อย่างประณีต โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ตัวเรือนแพลทินัม ทองคำกุหลาบ และทองคำเหลือง มีทั้งสายหนังและสตีล และอีก 2 รูปแบบ ตัวเรือนสีเทาและทองคำเหลืองตัดด้วยสีน้ำเงินของสายหนังจระเข้อย่างลงตัว รวมถึงตัวเรือนแบบสเกเลตัน ที่เผยให้เห็นกลไก 9629 MC ถูกพัฒนาออกมาให้มีองค์ประกอบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
BAIGNOIRE DE CARTIER
เรือนเวลาที่มีเสน่ห์ในรูปแบบการวางซ้อนกันของวงรี BAIGNOIRE DE CARTIER รังสรรค์ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1912 ถูกปรับเปลี่ยนทั้งในแง่ขนาดและกลไกการทำงานของเรือนเวลาสะท้อนความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุด ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้ได้ปรับรูปแบบขอบทองเหนือหน้าปัด ตัวเลขโรมันมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังคงรูปทรงขอบหน้าปัดเอกลักษณ์เฉพาะตัว BAIGNOIRE มาใช้กับขอบตัวเรือน และสายกำไลข้อมือทองคำที่มีตัวเลือกในหลายเฉด อาทิ ทองคำกุหลาบ ทองคำเหลือง นอกจากนี้ยังมีรุ่นฝังเพชรที่ตัวเรือนและหน้าปัด รวมถึงสายหนังที่มีหลากสีให้เลือกสำหรับสาวกนาฬิกาหลายสไตล์
CLASH [UN]LIMITED
แรงบันดาลใจจากคอลเล็กชั่น Clash De Cartier มาในรูปทรงเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ CLASH [UN]LIMITED มาในดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา ตัวเรือนรังสรรค์ด้วยทองคำหลายเฉดสี ได้แก่ ทองคำเหลือง ทองคำกุหลาบ และทองคำประกายม่วงซึ่งเป็นเฉดสีใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับคาร์เทียโดยเฉพาะ พร้อมกระจกเจียระไน 16 เหลี่ยม ประดับด้วยหินล้ำค่าและอัญมณี ชวนสัมผัสสุนทรียะแนวอุตสาหกรรมของลูกปืนที่กลายเป็นความหรูหราบนข้อมือของผู้สวม
PASHA DE CARTIER
เรือนเวลาที่เสมือนมรดกล้ำค่า อย่าง PASHA DE CARTIER ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นในปี 1985 ดีไซน์สะดุดตาที่ไม่เหมือนใคร มีเอกลักษณ์ของเม็ดมะยมสีแดงที่ร้อยเข้ากับตัวเรือนทองคำชมพูและสายหนังจระเข้สีแดงได้อย่างลงตัว ในปีนี้ มาพร้อม Grid หรือหน้าปัดเส้นลายตารางที่สามารถถอดเข้าออกได้ตามความต้องการเพื่อเปลี่ยนลุคให้ดูสนุกสนานขึ้น เป็นไอเท็มยูนิเซ็กซ์ยกระดับความสง่างามด้วยหน้าปัดฝังเพชรขนาด 35 มม. รวมถึงสามารถสวมใส่ในวันสบายๆ ได้ มาพร้อมกับหน้าปัดสีน้ำเงิน สีแซลมอน ขนาด 35 มม. และ 41 มม. ผสานฟังก์ชั่นโครโนกราฟ
BALLON BLEU DE CARTIER
เรือนเวลาทรงกลมมนที่เพิ่มความซับซ้อนของวงกลมที่มีมิติ จนไปถึงเม็ดมะยมแซปไฟร์สีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทีย ที่เจียระไนเป็นทรงกลมเช่นกัน ล้อไปกับเพชรทรงกลมที่ถูกนำมาประดับบนหน้าปัดล้อมเพชร สามารถสวมในชีวิตประจำวันเข้ากับหลายลุคได้อย่างง่ายดาย ครั้งนี้มาพร้อมตัวเลขโรมันขนาดโอเวอร์ไซซ์ ที่บอกเวลา 12 นาฬิกาเพียงตัวเดียวบนหน้าปัดซันเรย์ เพิ่มเอฟเฟกต์ความเปล่งประกายทวีคูณ
ทั้งหมดนี้คือที่สุดของเรือนเวลาแห่งปี จาก Cartier ส่งตรงจากงานเทศกาล Watches and Wonders ที่คุณสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเองแล้ววันนี้ที่บูติก และสามารถติดตามข่าวสารของคาร์เทียร์ได้ทาง Line Official: @CartierTH หรือ Website: www.cartier.com/th-th
WATCH