พาย้อนเวลาไปเจาะลึกประวัติและที่มาของเทรนด์จิวเวลรีแต่ละยุคในช่วงกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันกับ Bijoux Over The Century เพราะหลักฐานสำคัญที่ทำให้เราสามารถค้นพบร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไม่ได้มีเพียงแค่ในรูปแบบศิลาจารึก ภาพเขียนสีตามฝาผนัง ประติมากรรมรูปปั้น จิตรกรรมภาพวาด คัมภีร์ สมุดบันทึก หรือภาพถ่ายเพียงเท่านั้น เครื่องประดับอัญมณีหรือจิวเวลรีก็สามารถสะท้อนเรื่องราวในอดีตได้อย่างแจ่มชัดโดยไม่ต้องอาศัยตัวอักษรหรือภาพเขียน นอกจากนี้จิวเวลรียังเป็นเหมือนดัชนีบ่งชี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาร่วมสมัยอีกด้วย รวมถึงดีไซน์อันงดงามที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรม บรรทัดฐานความงาม และกระแสนิยมในสังคมแต่ละยุค ซึ่งรูปแบบและสไตล์ของจิวเวลรีมักจะเติบโตและเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกๆ สิบปี มาดูกันว่าผลงานจากอดีตจะมีอิทธิพลต่อจิวเวลรีในปัจจุบันและทิศทางในอนาคตอย่างไร

1 / 2

2 / 2

Freedom (1970s-1980s): ช่วงต้นทศวรรษ 1970s สาวกจิวเวลรีเก็บจิวเวลรีดีไซน์ใหญ่โตอลังการเข้ากล่องและหันมาสวมจิวเวลรีสไตล์มินิมัลมากขึ้น นำกระแสนิยมนี้ด้วยผลงานจากคอลเล็กชั่น Alhambra จาก Van Cleef & Arpels กับจิวเวลรีนำหินสีเลอค่ามาเจียระไนและประดับเป็นจี้รูปทรงดอกไม้สี่กลีบเหมาะสวมเป็นไอเท็มที่สะท้อนถึงความมีเอกลักษณ์ในชีวิตประจำวันได้อย่างสง่างาม แม้แต่เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโกก็เป็นแฟนตัวยงของผลงานดีไซน์นี้ รวมถึงความมาแรงของนาฬิกาข้อมือรุ่น Limelight Gala จาก Piaget ที่นำหินสีมาประดับเป็นหน้าปัดเรือนเวลาสุดชิค ทำให้เกิดเป็นนาฬิกาข้อมือที่เป็นเสมือนเครื่องประดับอัญมณีให้ผู้หญิงสวมอย่างเปิดเผย เนื่องจากในยุคนั้นมีขบบธรรมเนียมที่ไม่นิยมให้เหล่าสุภาพสตรีดูเวลาอย่างเปิดเผยในขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงสังสรรค์เพราะจะแลดูไม่งามถ้าต้องกังวลเรื่องเวลา ซึ่งทั้งหมดเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอิสรภาพของผู้หญิงจนถึงช่วงปี 1980s กับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ด้วยจิวเวลรีสไตล์โมเดิร์นจาก Tiffany & Co. อันเป็นฝีมือการออกแบบของ Elsa Peretti กับดีไซน์ที่มอบความอิสระในการเคลื่อนไหวในรูปทรงออแกนิก พร้อมนำเสนอความเรียบโก้แบบไม่เอกเกริก

สามารถติดตามอ่านประวัติเทรนด์จิวเวลรีในยุคอื่นๆ ตั้งแต่ช่วงยุค 1910s จนถึงถึง 2010s และปัจุบันได้ต่อที่ Vogue.co.th โดยค้นหาคำว่า Bijoux Over The Century

กราฟิก: จินาภา ฟองกษีร

เรื่องและเรียบเรียง: คอลิน ณ ตะกั่วทุ่ง