WATCHES & JEWELLERY
โว้กพาสัมผัสโลกอันน่าค้นหาแห่งจิวเวลรีชั้นสูงจากการนำเสนอประจำปี 2024 ณ กรุงปารีสรายละเอียดการนำเสนอจิวเวลรีชั้นสูงจากแบรนด์ชั้นนำ อัดแน่นด้วยองค์ประกอบหลากหลาย นำมาสู่ประสบการณ์ที่จะได้รับสัมผัสที่มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ |
#VOGUESCOOP ครั้งนี้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งจิวเวลรีชั้นสูงกับฤดูกาลแห่งการนำเสนอคอลเล็กชั่นใหม่ประจำปีของเหล่าแบรนด์ชั้นนำ ณ กรุงปารีส ล้อไปกับช่วงเวลาการนำเสนอคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ของโลกแฟชั่นพอดิบพอดี ทริปการเดินทางสู่เมืองหลวงด้านแฟชั่นและจิวเวลรีจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อสัมผัสประสบการณ์อันยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเผยโฉมจิวเวลรีที่โดดเด่นด้วยคาแร็กเตอร์อันมีเอกลักษณ์ของแต่ละเมซง พร้อมถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ด้วยรากฐานแรงบันดาลใจหยั่งรากลึกไปในทิศทางที่แตกต่างแต่เพียบพร้อมด้วยความสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกันทั้งหมด
- INTO THE HERITAGE
เจาะลึกความพิเศษไปกับ Van Cleef & Arpels ผ่านมิติการนำเสนอคอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงที่พาย้อนกลับสู่ความยอดเยี่ยมของเมซงตั้งแต่อดีต เลียนล้อไปกับการตีพิมพ์หนังสือ “The Van Cleef & Arpels Collection (1906-1953)” ที่พาทุกคนท่องไปในโลกอดีตของเมซงอันเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ ไล่เรียงระดับตั้งแต่การสร้างอัตลักษณ์ผ่านชิ้นงานอันเลอค่า การรับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมต่างถิ่น โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย ซึ่งปรากฏอย่างเด่นชัดในจิวเวลรีชั้นสูงที่มีรายละเอียดของการผสมผสานของศิลปวัฒนธรรมจาก 2 ซีกโลก เรื่อยไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางความสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์การเดินทางสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ เราจึงเห็นเส้นทางการเดินทางของเมซงที่เล่าเรื่องจากหน้าประวัติศาสตร์ได้อย่างมีมิติน่าสนใจ นอกจากนี้แบรนด์ยังมีการเผยโฉมจิวเวลรีชิ้นประวัติศาสตร์สุดพิเศษสำหรับโว้กประเทศไทย ทั้งสร้อยคอจากปี 1965, ผลงานกำไลจากยุค ‘Art-Deco’ เฟื่องฟู และ เข็มกลัดใบไม้ไอคอนิกจากปี 1948
- RICH-HISTORY PRESENTATION
สำหรับโลกแห่งจิวเวลรีชั้นสูง ประวัติศาสตร์ถือเป็นเรื่องสำคัญ นำมาสู่การจัดนิทรรศการเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเมซงอย่างเด่นชัด การออกแบบนิทรรศการเลียนล้อไปกับการเผยโฉมคอลเล็กชั่นและหนังสือของ Van Cleef & Arpels สร้างบรรยากาศแห่งความหรูหราและเปี่ยมด้วยเรื่องราวโดยแท้จริง แน่นอนว่าการจัดแสดงเต็มไปด้วยชิ้นงานที่ปรากฏขึ้นอย่างโดดเด่นในยุคสมัยต่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือการจำลองภาพองค์ประกอบของผู้สวมใส่ ซึ่งสะท้อนไลฟ์สไตล์อันบ่งบอกถึงวิถีชีวิต ฐานะทางสังคม และความทันสมัยในช่วงยุคต่างๆ ในขณะเดียวกันแบรนด์อีกหลายแบรนด์ก็พร้อมหยิบยื่นวิถีแห่งความดั้งเดิมผ่านการจัดแสดงนิทรรศการอันเรียบง่าย เช่นการสะท้อนภาพความหรูหราผ่านงานศิลปะแบบของ Piaget หรือจะเป็นการเล่าเรื่องราวสู่รากฐานแรงบันดาลใจแบบเจาะลึกของ Cartier เป็นต้น
WATCH
- LUXURY ATMOSPHERE
การนำเสนอจิวเวลรีชั้นสูงสิ่งสำคัญไม่แพ้ชิ้นงานอันเลอค่าคือบรรยากาศการนำเสนอที่ต้องเชื่อมสัมพันธ์กับมิติความหรูหราอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ละแบรนด์จึงพร้อมนำเสนอคอลเล็กชั่นภายในสถานที่ที่ทำให้ผู้ชมได้รับมนต์เสน่ห์ของจิวเวลรีชั้นสูงอย่างเต็มที่ สำหรับแบรนด์อย่าง Chaumet เปิดบ้านเลขที่ 12 Place Vendôme อันเต็มไปด้วยความหรูหราทั้งจิตรกรรมฝาผนัง การตกแต่งภายใน และการจัดวางเปียโน มาพร้อมจิวเวลรีชั้นสูงคออลเล็กชั่น ‘en Scène’ ผสมผสานจนเกิดรสชาติแห่งความหรูหราและเปี่ยมด้วยเรื่องราวอย่างกลมกล่อม ส่วน Cartier นำเสนอคอลเล็กชั่น ‘Libre Tutti Tutti’ ภายในงานบรรยากาศของโรงแรม Ritz Paris สุดยอดโรงแรมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ขยับมาอีกนิดกับพื้นที่ Place Vendôme กับอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวที่ Piaget นำจิวเวลรีชั้นสูงมาจัดแสดงราวกับกำลังเปิดบ้านรับแขกด้วยความหรูหราแต่เรียบง่าย แน่นอนว่าอีกหลายแบรนด์ก็สะท้อนภาพนิทรรศการด้วยความหรูหราที่มีเอกลักษณ์ภายในเวิร์กช็อปหรือเมซงอย่างโดดเด่นเช่นเดียวกัน แม้แต่ Dior ที่นำเสนอคอลเล็กชั่น Diorama ก็จัดในอาคารเดียวกับพื้นที่ Dior Café ซึ่งคละคลุ้งไปด้วยบรรยากาศความหรูหราที่ผสมผสานกับความอบอุ่นน่ารักได้เป็นอย่างดี
- ON MODEL
ประสบการณ์การชมจิวเวลรีชั้นสูงนั้นมีปัจจัยหลากหลายรูปแบบที่ทำให้ผู้รับรู้ถึงความงดงามของคอลเล็กชั่นต่างๆ ในรูปแบบที่มีมิติน่าสนใจ โดยปกติแบรนด์มักนำเสนอผ่านการเซ็ตติ้งสร้างบรรยากาศดั่งนิทรรศการหรืองานศิลปะ ทว่า Boucheron กลับนำเสนอจิวเวลรีชิ้นสำคัญในคอลเล็กชั่น ‘Carte Blanche’ ประจำปี 2024 ภายใต้ชื่อ ‘Or Bleu’ ด้วยรูปแบบผสมผสาน ทั้งการจัดเซ็ตติ้งและบอกเล่าเรื่องราวผ่านแรงบันดาลใจเบื้องหลังของสายธารธรรมชาตจากดินแดนไอซ์แลนด์ สู่การเผยโฉมจิวเวลรีชิ้นสำคัญบนเรือนร่างของเหล่านางแบบ-นายแบบ สร้างภาพความคุ้นเคยในการสวมใส่จริง แสดงเอฟเฟกต์ของอัญมณีเลอค่า รวมถึงเผยให้เห็นถึงการออกแบบที่สะท้อนภาพความเนี้ยบประณีตที่สัดส่วนเพื่อการสวมใส่บนเรือนร่างได้อย่างงดงามที่สุด
- BEAUTIFUL ON HANDS
คงไม่มีประสบการณ์ใดมีคุณค่าเหนือระดับเท่ากับการได้สัมผัสจิวเวลรีชั้นสูงด้วยมือ หรือเห็นชิ้นงานสำคัญพลิ้วไหวไปตามการสัมผัสอย่างอิสระ แบรนด์อย่าง Cartier ที่นำเสนอคอลเล็กชั่น ‘Libre Tutti Tutti’ ผ่านการโอบอุ้มจิวเวลรีหลายชิ้นด้วยฝ่ามือ เผยให้เห็นความงามตระการตาเมื่อแสงตกกระทบจากต่างเหลี่ยมต่างมุม อีกทั้งยังเห็นความพลิ้วไหวจากรูปทรงที่สามารถไต่ล้อไปกับการสัมผัส โดยจิวเวลรีบางชิ้นเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิตชีวา มากไปกว่านั้นยังสร้างเสียงที่บ่งบอกถึงการรังสรรค์อัญมณีล้ำค่าให้กลายเป็นจิวเวลรีชั้นสูงอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์และฝีมือการรังสรรค์อย่างแท้จริง
- CULTURE-ORIENTED COLLECTION
เมื่อพูดถึงรูปแบบการนำเสนออันหลากหลายแล้ว เราจึงเข้ามาเจาะลึกเกี่ยวกับการชิ้นงานออกแบบจิวเวลรีชั้นสูงแบบจริงจังกันบ้าง สำหรับคอลเล็กชั่นปี 2024 แต่ละแบรนด์หยิบยกคอนเซปต์ที่น่าสนใจมาเป็นรากฐานของการรังสรรค์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นและน่าสัมผัสคือเรื่องวัฒนธรรมและศิลปะ อย่าง Chaumet ที่มาพร้อมคอลเล็กชั่น ‘en Scène’ ก็เลือกหยิบยกเรื่องของดนตรีและมายากล ถ่ายทอดออกมาเป็นจิวเวลรีชั้นสูงหลายเซ็ตที่ออกแบบผ่านการเปรียบเปรย ไม่ว่าจะเป็นความพลิ้วไหวและมีจังหวะจะโคนราวกับเสียงดนตรี สร้อยแห่งการประพันธ์เพลง เรื่อยไปจนถึงมิติการเสกสร้างจิวเวลรีอันซับซ้อนราวกับนักมายากล แบรนด์อย่าง Piaget ก็ชูความหรูหราด้วยมิติแห่งความสร้างสรรค์ที่สรรสร้างผ่านมิติด้านงานศิลป์เต็มรูปแบบ การผสมผสานอัญมณีเข้ากับวัสดุหลายประเภท การออกแบบรูปทรง การเลือกใช้สี ทั้งหมดสะท้อนภาพของการสร้างงานศิลปะควบคู่ไปกับความละเอียดชนิดทุกกระเบียดนิ้วของช่างทำจิวเวลรีชั้นสูง
- NATURE-ALIGNED MASTERPIECES
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธรรมชาติคือแรงบันดาลใจหลักของการออกแบบจิวเวลรีให้มีชีวิตีวาและสร้างภาพความงดงามที่น่าประทับใจ ในคอลเล็กชั่นประจำปี 2024 แบรนด์อย่าง Boucheron ที่ Claire Choisne เลือกนำแรงบันดาลใจมาจากสายธารธรรมชาติแห่งดินแดนไอซ์แลนด์ นำมาสู่การออกแบบจิวเวลรีชั้นสูงที่ทั้งยิ่งใหญ่อลังการ หรูหรา และจำลองธรรมชาติได้อย่างงดงามในเวลาเดียวกัน ประกอบด้วยสร้อยระย้าที่ใช้เวลารังสรรค์นานกว่า 3,000 ชั่วโมง การสร้างสรรค์จิวเวลรีจำลองพื้นผิวน้ำเมื่อถูกกระทบจากหยดน้ำที่ใช้เวลาบรรจงสรรสร้างอย่างประณีตร่วม 5,050 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการจำลองรูปแบบน้ำตามธรรมชาติออกมาเป็นชิ้นงานอันเลอค่าหลากหลายรูปแบบ เช่นพื้นผิวที่กำลังเคลื่อนไหวของน้ำสีโทนเข้มในพื้นที่ไอซ์แลนด์ โฟมคลื่นริมชายหาด ก้อนน้ำแข็ง เกลียวคลื่นขนาดใหญ่ น้ำตกที่ฟุ้งกระจาย น้ำแข็งย้อย เรื่อยไปจนถึงการสาดกระจายของน้ำ นับเป็นชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซที่สวยสะกดตาตั้งแต่แรกเห็นและยังทิ้งมนต์เสน่ห์ให้หวนนึกถึงทุกช่วงเวลา
- FASHION OF HIGH JEWELLERY
ปัจจุบันโลกของจิวเวลรีชั้นสูงไม่ได้จำกัดอยู่แค่เมซงจิวเวลรีเก่าแก่ดั้งเดิมเท่านั้น เพราะแบรนด์แฟชั่นชั้นนำก็ล้วนก้าวลงสนามนี้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน แบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Chanel ก็เผยโฉมคอลเล็กชั่น ‘Sport Haute Joaillerie’ ในปี 2024 นี้ ซึ่งชิ้นงานเต็มไปด้วยรากฐานแรงบันดาลใจจากเกมกีฬา ในขณะเดียวกันก็รักษามาตรฐานความหรูหราจนเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างวิถีแนวคิดแบบแฟชั่นและการรังสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงที่มีมุมมองแนวทางการทำงานที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับ Dior กับคอลเล็กชั่น Diorama ประจำปีนี้ที่ขนเอารายละเอียดของชิ้นงานรูปแบบต่างๆ มารวมกันอย่างครบถ้วน ตั้งแต่เซ็ตติ้งเพชร การสร้างรูปทรง การจัดเรียงอัญมณี เรื่อยไปจนถึงผลงานนาฬิกาชั้นสูงที่อัดแน่นด้วยกลไกและการสร้างความสวยงามด้วยเทคนิคชั้นครู นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ต่างๆ อีกหลายต่อหลายแบรนด์ที่พร้อมนำเสนอความโดดเด่นด้านนี้อย่างถึงที่สุด Gucci เองก็เป็นอีกแบรนด์ที่ก้าวลงสู่สนามพร้อมเอกลักษณ์ความโดดเด่ดอันเต็มเปี่ยม
ทั้งหมดคนี้คือช่วงเวลาไฮไลต์กลางปีที่เหล่าแบรนด์ชั้นนำจะเผยคอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงกันอย่างพร้อมเพียงกัน นำมาสู่ประสบการณ์เหนือระดับที่เปี่ยมด้วยความหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องแนวทางการนำเสนอ แรงบันดาลใจเบื้องหลัง บรรยากาศ ชิ้นงานสำคัญ เรื่อยไปจนถึงความประทับใจหลังสัมผัสประสบการณ์อันน่าทึ่งจากแต่ละเมซง ใครเป็นสาวกจิวเวลรีรับรองว่าจะต้องถูกใจทุกรายละเอียดที่แบรนด์พร้อมนำเสนอเพื่อส่งเสริมจิวเวลรีชั้นสูงให้โดดเด่นและน่าประทับใจที่สุด
WATCH