Monsieur FRED Ideal Light งานอีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ เพื่อฉลองให้กับจิวเวลรีชั้นสูง ณ เกาหลีใต้

     “เราผลักดันและพยายามสร้างนวัตกรรมที่ก้าวล้ำนำหน้าอยู่เสมอ แต่สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มต้นด้วยงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม เพราะมันคือการสร้างสมดุลระหว่างงานฝีมือดั้งเดิมกับการสร้างนวัตกรรม และเราไม่เคยสร้างนวัตกรรมเพื่อนวัตกรรมได้ แต่เราสามารถสร้างนวัตกรรมเพื่อต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ได้ และนั่นคือแก่นของเฟร็ด จิวเวลรี”

     ช่วงหนึ่งจากบทสนทนาสั้นๆ ระหว่างโว้กประเทศไทยกับ Valerie Samuel ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์คนปัจจุบันและทายาทสายตรงของ Fred Samuel ผู้ก่อตั้งเมซงที่อธิบายแก่นของแบรนด์ด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศสพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตรในอิเวนต์ดังกล่าว คอลเล็กชั่นเครื่องประดับจิวเวลรีชั้นสูงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวัยเยาว์ของเฟร็ด ซามูเอล ผสมผสานเข้ากับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากแสงที่ส่องสว่างในบ้านเกิดของเขาที่ประเทศอาร์เจนตินา ดินแดนที่มีแต่ความสุขและทิวทัศน์อันน่าจดจำ แต่งแต้มสีสันในเฉดสีสดใส จนเกิดเป็นคอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงเปล่งประกายที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์ทางอารมณ์และพาทุกคนก้าวสู่โลกแห่งสีสันและแสงสว่าง ณ จุดบรรจบระหว่างความฝันกับความจริง

     วาเลอรี ซามูเอลหลานสาวของผู้ก่อตั้งเมซงอธิบายเพิ่มเติมว่า “คอลเล็กชั่นนี้เราใช้ชื่อว่า Ideal Light ซึ่งไม่เพียงต้องการแสดงศักยภาพของงานสร้างสรรค์ของเมซงเท่านั้น แต่ยังเป็นการรำลึกถึงช่วงเวลาวัยเยาว์ของคุณปู่ของฉันที่เหมือนเป็นจุดกำเนิดเมซงเฟร็ด จิวเวลรีแห่งนี้ ท่ามกลางครอบครัวที่ฟูมฟักคุณปู่ให้เติบโตมาตามวิถีของคนฝรั่งเศสทั่วไป ฉันคิดว่าวัยเยาว์ของคุณปู่คงได้รับความรักจากครอบครัวไม่น้อย บวกกับภูมิประเทศที่สวยงามในอาร์เจนตินา ไม่สงสัยเลยว่าทำไมชีวิตวัยเด็กของท่านจึงมีความสุขเหลือเกิน

     “คุณรู้ไหมว่ามีคำพูดหนึ่งในบันทึกของคุณปู่บอกว่า Ideal Light คือวัยเยาว์ของท่าน มันเลยทำให้ฉันอยากะตีความและนำเสนอออกมาผ่านคอลเล็กชั่นนี้ ยิ่งตอนจินตนาการถึงการเดินทางของชีวิตในอาร์เจนตินาแล้ว ฉันก็ยิ่งอยากจะเป็นส่วนหนึ่งบนเส้นทางวัยเยาว์ของท่านเหลือเกิน เพราะนี่คือการย้อนกลับไปสู่รากเหง้าของแบรนด์อย่างแท้จริง” วาเลอรี ซามูเอลเล่าพร้อมกับเปิดหนังสือเล่มหนาที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลของแบรนด์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันที่เฟร็ด จิวเวลรีกลายเป็นตำนานให้เราดู

     การนำแรงบันดาลใจจากรากเหง้าของแบรนด์กลับมาในครั้งนี้วาเลอรีบอกว่ามีความซับซ้อนมาก โดยเฉพาะเรื่องของวิถีการสร้างสรรค์ เพราะสำหรับเธอแล้ว “มรดกตกทอด” นี่แหละคือแหล่งรวมแรงบันดาลใจชั้นเยี่ยมที่เป็นจุดตั้งต้นให้เธอนำไปต่อยอดอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่คอลเล็กชั่นนี้ที่เธอเลือกหยิบเรื่องราวของคุณปู่มาเล่าแบบร่วมสมัย แต่ยังรวมไปถึงกิจวัตรประจำวันของเธอที่ชอบถ่ายรูปงานศิลปะ สถาปัตยกรรม และเครื่องเพชรเก็บเอาไว้ เพื่อที่ว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสนำภาพเหล่านี้มาสร้างแรงบันดาลใจบ้าง “ไม่เชื่อถามดีไซเนอร์ของฉันสิ เธอคงชินแล้วแหละ” วาเลอรีแซวดีไซเนอร์ประจำแบรนด์ที่นั่งอยู่ข้างๆ

     คอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงนี้แบ่งออกเป็น 4 คอนเซปต์คือ Blazing Audacity เป็นการรวมตัวกันของสปิเนลสีแดง สเปสซาไทต์สีส้ม และรูเบลไลต์สีชมพู, Bright Vitality โดดเด่นด้วยมรกตโคลอมเบีย, Exalting Joy และ Endless Horizon ในเฉดสีฟ้าและน้ำเงินที่เกิดจากการผสมผสานกันของโอปอจากออสเตรเลีย ทัวร์มาลีน และเทอร์คอยส์ ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรม ศิลปะ การเดินทาง ตลอดจนธรรมชาติรอบตัวที่เกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์การเดินทางของผู้ก่อตั้งเมซง วาเลอรียืนยันว่าเธอตั้งใจออกแบบมาให้สวมได้ทุกเพศและทุกโอกาส ตามรสนิยมและการสไตลิ่งของแต่ละคน ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิงหรืองานสังคมชั้นสูงเท่านั้น ดูอย่างโททัลลุคของ Jin ศิลปินหนุ่มจากวง BTS ที่เป็นแบรนด์แอมแบสซาเดอร์ระดับโลก เขาปรากฏตัวในชุดสูทเบลเซอร์ปักเลื่อมแมตช์กับสร้อยคอ Bright Vitality โดดเด่นจนเรียกแสงแฟลชตลอดทั้งงาน