
WATCHES & JEWELLERY
VOGUE HISTORY | เมื่อเครื่องเพชรปลอมของ Marilyn Monroe เจิดจ้ากว่าของจริงและกลายเป็นภาพจำ!เบื้องหลังเครื่องประดับเพชรสุดไอคอนิกของ Marilyn Monroe ในฉาก “Diamonds Are a Girl’s Best Friend” ที่แม้จะไม่ใช่เพชรแท้ แต่กลับเปล่งประกายจนกลายเป็นตำนานของฮอลลีวู้ดยุคทอง ด้วยความเข้าใจแสงกล้องอย่างลึกซึ้ง |
ในยุคทองของฮอลลีวู้ด ทุกเฟรมของฟิล์มต้องถูกคิดและออกแบบอย่างประณีต ความงามของนักแสดงจึงไม่ได้เกิดจากแค่ใบหน้าหรือการแสดง แต่รวมถึงองค์ประกอบของแฟชั่นและเครื่องประดับที่สวมใส่ และไม่มีฉากไหนที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความเย้ายวนใจในระดับไอคอนิกได้เท่ากับฉากที่ Marilyn Monroe สวมเดรสซาตินสีชมพูสด พร้อมสร้อยเพชรวิบวับ ร้องเพลง 'Diamonds Are a Girl’s Best Friend' ใน Gentlemen Prefer Blondes (1953) ฉากที่ไม่เพียงแต่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม แต่ยังนิยามภาพของ 'ผู้หญิงผู้มีอำนาจในเสน่ห์ของตนเอง' ให้กับโลกใบนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Howard Hawks และสร้างจากนิยายของ Anita Loos เล่าเรื่องของสองโชว์เกิร์ลชาวอเมริกัน Lorelei Lee และ Dorothy Shaw ที่เดินทางจากนิวยอร์กสู่ปารีสเพื่อตามหารักแท้ ท่ามกลางบริบทที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน การเสียดสีสังคม และบทสนทนาที่เฉียบแหลม Gentlemen Prefer Blondes เป็นมากกว่ามิวสิคัลเบาสมอง แต่ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่วางรากฐานให้กับแนวคิดเรื่องอำนาจของผู้หญิง ความทะเยอทะยาน และการใช้เสน่ห์เป็นเครื่องมืออย่างชาญฉลาด ผ่านฉาก เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับที่กลายเป็นมรดกของภาพยนตร์แฟชั่นยุคคลาสสิกมาจนถึงทุกวันนี้
เบื้องหลังของเครื่องเพชรที่แวววาวสะกดตาผู้ชมนั้นมักถูกเข้าใจผิดกันมาเสมอว่าจะต้องเป็นเครื่องเพชรราคาแพงจากแบรนด์จิวเวลรีชั้นนำระดับโลกอย่าง Cartier หรือ Tiffany & Co. อย่างที่หลายคนคาดคิด แต่ความเป็นจริงแล้วเครื่องเพชรชุดนี้กลับเป็นผลงานของ Joseff of Hollywood แบรนด์เครื่องประดับคอสตูมผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของโรงถ่ายฮอลลีวู้ดตั้งแต่ยุค 1930s โดย Eugene Joseff ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ไม่ได้เป็นแค่ช่างทำเครื่องประดับ แต่เป็นนักคิดผู้เข้าใจการทำงานของกล้อง ไฟ และเงา เขาจึงสามารถออกแบบเครื่องเพชรที่ไม่ได้สวยเพียงต่อหน้าต่อตา แต่ยังสวยในทุกมุมกล้อง จากเทคนิคที่เขาคิดค้นที่เรียกว่า 'Russian Gold' การเคลือบโลหะด้วยโทนทองอุ่นเพื่อลดแสงสะท้อนที่จ้าเกินไป ทำให้เพชรปลอมดูหรูหราอย่างมีมิติและสมจริงบนฟิล์ม โดยไม่กลบเงาบนใบหน้าของนักแสดง งานฝีมือที่ประณีตนี้ทำให้เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเครื่องเพชรในหนังชื่อดังอย่าง Cleopatra, Gone with the Wind, และ Breakfast at Tiffany’s
สำหรับ Marilyn ในบทของ Lorelei Lee การเลือกเครื่องประดับของ Joseff ไม่ใช่เพียงเพื่อตกแต่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของ 'ภาษาการเล่าเรื่อง' ที่เธอสวมใส่ ตัวละครของเธออาจถูกมองว่าเป็นหญิงสาวผู้หลงใหลในเพชร ทว่าผ่านการจัดวางองค์ประกอบที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอทรงระย้า ต่างหูหยดน้ำ หรือกำไลข้อมือประดับแวววาวเครื่องประดับเหล่านี้กลับเสริมพลังให้เธอกลายเป็นภาพแทนของ 'ผู้หญิงที่ใช้เสน่ห์อย่างมีไหวพริบ' และเข้าใจดีว่าความมั่นใจและภาพลักษณ์เป็นเครื่องมือทางสังคมที่ทรงพลังไม่แพ้เพชรจริง
ความสำเร็จของลุคนี้ยังสะท้อนผ่านการลอกเลียนซ้ำในวัฒนธรรมป๊อปหลายทศวรรษถัดมา ทั้ง Madonna ที่ลุคนี้กลับมาในมิวสิกวิดีโอ Material Girl (1985), Nicole Kidman สวมลุคใกล้เคียงกันใน Moulin Rouge และศิลปินหญิงรุ่นใหม่อย่าง Ariana Grande หรือ Doja Cat ต่างก็เคยสวมลุคสีชมพูและเพชรแบบเดียวกันเพื่อสื่อสารพลังแห่งความเป็นผู้หญิง ในขณะที่ Joseff of Hollywood เองก็กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอีกครั้งในหมู่แฟชั่นกูตูร์และนักสะสมจิวเวลรี เมื่อบริษัทเริ่มเปิดประมูลคอลเล็กชั่นเครื่องประดับจากกองถ่ายฮอลลีวู้ดในยุคคลาสสิกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สุดท้าย แม้เครื่องเพชรเหล่านั้นจะไม่ได้ขุดจากเหมืองหรือประเมินค่าได้ด้วยราคาประมูลระดับมหาศาลแบบเพชรแท้ แต่พวกมันกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าของจริง เพราะมันไม่เพียงแต่เป็นประกายแห่งแสงไฟในโรงถ่าย แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งยุคที่ผู้หญิงเริ่ม 'นิยามคุณค่าของตนเอง' ผ่านคุณค่าที่แท้จริงในตนเอง ที่เพชรแท้เม็ดใดก็ไม่สามารถแทนสิ่งนั้นได้
(สามารถอ่านเรื่อง ย้อนดูเหตุการณ์ใจกล้าของ Marilyn Monroe สาวขบถผู้แหวกทุกขนบของฮอลลีวู้ด ได้ที่นี่)
WATCH