เป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกปีที่แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์จะส่งท้ายปีเก่าด้วยการเล่านิทานน่ารักๆ ผ่านอัญมณี ซึ่งส่วนใหญ่เมซงจะเลือกหยิบคอลเล็กชั่นดอกไม้ที่มีคุณค่าทางใจมารังสรรค์เป็นชิ้นงานใหม่ แล้วส่งต่อให้ศิลปินอนาคตไกลที่ได้รับคัดเลือกมานำไปรังสรรค์เป็นงานศิลปะด้วยเทคนิคส่วนตัวอีกทอดหนึ่ง และคราวนี้ก็ถึงเวลาที่ Lotus Collection จะออกมาเผยเสน่ห์บ้างหลังจากที่ดอกไม้ตระกูลอื่นออกมาอวดโฉมกันไปแล้ว 

ป่าสนที่ปกคลุมด้วยหิมะคือแรงบันดาลใจหลักของ Céline Thibault และ Géraud Pellottiero

 

คอลเล็กชั่นดอกบัวซึ่งเป็นธีมประจำปีนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปลายทศวรรษ 1920 ว่าด้วยเรื่องราวความงดงามของดอกบัวในฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยเพชรหิมะสไตล์แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ และสื่อถึงวัฏจักรแห่งชีวิต คติความเชื่อในพุทธศาสนานิยมใช้ดอกบัวสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์จึงเลือกดอกบัวบานสะพรั่งมาต้อนรับฤดูหนาวประจำปีนี้เพื่อเป็นการปลอบประโลมทุกคนที่ต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่แห่งปี 

ภาพร่างแบบดอกไม้บนกระเป๋าราตรีในคลังของเมซงช่วงปี 1920

ผลงานของ Kim Haddou และ Florent Dufourcq คู่หูสถาปนิกจาก Studio Haddou/ Dufourcq

 

ชิ้นใหม่ประจำคอลเล็กชั่นประกอบด้วยแหวนระหว่างนิ้ว ตุ้มหู สร้อยคอ และสร้อยข้อมือ ตัวเรือนเป็นทองคำขาวทั้งหมด ประดับเพชรน้ำงามพราวระยับ เป็นช่อบัวบานที่หรูหราที่สุด ส่วนรายชื่อศิลปินมือรางวัลประจำปีนี้ที่เมซงคัดเลือกมาร่วมงานด้วยก็คือ Helen Amy Murray, Fideli Sundqvist, Erik Madigan Heck, คู่ศิลปิน Kim Haddou & Florent Dufourcq และ Céline Thibault & Géraud Pellottiero เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความหลากหลายของเนื้องาน เชื้อชาติ และแนวคิด เพราะมีทั้งสถาปนิก ช่างภาพ นักออกแบบศิลปะจัดวาง และศิลปินคอลลาจจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมกันรังสรรค์ Diamond Breeze ในแบบของตนเอง    

ประติมากรรมงานฝีมือจากหนังกลับและผ้าไหมโดย Helen Amy Murray

 

เลื่อนชมจิวเวลรีชิ้นไฮไลต์จากคอลเล็กชั่น Lotus ของ Van Cleef & Arpels ได้ในแกลเลอรี่ด้านล่างนี้

1 / 6

2 / 6

3 / 6

4 / 6

5 / 6

6 / 6