ขอต้อนรับสู่โลกแห่งนวนิยายแวร์ซาย (ภาคต่อ) จาก Dior อีกครั้ง แต่ทว่าหนนี้ Victoire de Castellane เติมความน่าตื่นเต้นลงไปมากขึ้น เพราะนี่คือการผจญภัยที่ประกอบไปด้วยพระราชวังสวย ห้องหับลับๆ อัญมณีเลอค่า และเหล่าภูตผีปีศาจ!

ย้อนความไปเมื่อปีก่อน...วิกทัวร์พาเราไปชมสวนสวยประจำวังแวร์ซายผ่าน Dior à Versailles: Côté Jardins คอลเล็กชั่นเครื่องประดับชั้นสูงที่รังสรรค์ขึ้นด้วยแมกไม้อัญมณี มาปีนี้เธอตัดสินใจบุกเข้าวังฝ่ายใน แต่ไม่ใช่ในฐานะแขกนะ นี่คือการลักลอบเข้าชมพระราชฐานสไตล์นิยายแฟนตาซี ลองนึกถึงอลิซในดินแดนมหัศจรรย์ แต่ที่นี่ไม่มีอลิซ และดินแดนแห่งนี้ก็คือ ราชสำนักแวร์ซายอันโด่งดัง

“ฉันจินตนาการถึงจิตวิญญาณและบรรยากาศโดยรอบของพื้นที่ลับๆ ที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน รวมถึงอารมณ์โรแมนติกที่ได้ประสบพบเจออะไรแบบนั้น มันคือไอเดียของของกระจุกกระจิก ที่ถูกซ่อนไว้และเหล่าภูตผีจากอดีต” วิกทัวร์อธิบายที่มาของ Dior à Versailles: Pièces Secrètes คอลเล็กชั่นจิวเวลรีชั้นสูงภาคต่อที่ได้แรงบันดาลใจจากทางเดินและห้องลับต่างๆ ที่เหล่าชนชั้นปกครองแอบสร้างไว้ในพระราชวังแวร์ซายเพื่อแอบไปหาชู้รัก รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สไตล์โบราณที่มักมีกลไกเอาไว้ซ่อนโน่นซ่อนนี่ บางทีบรรดาภูตผีปีศาจอาจจะแอบไปหลบอยู่ในนั้นก็ได้!

แค่พลอตเรื่องก็กินขาดแล้ว ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์จิวเวลรีแห่งบ้านดิออร์ วิกทัวร์ไม่ได้มีดีแค่จินตนาการอันบรรเจิดแต่เธอยังสามารถรังสรรค์ชิ้นงานออกมาได้สวยหยดไม่แพ้กัน “ตุ้มหูนี่อย่างกับถูกดึงออกมาจากปลายโคมไฟระย้า แหวนนั่นก็ดูเหมือนลายบาโร้กบนเสาเตียงของพระเจ้าหลุยส์ ยังไม่นับกลไก ‘เปิด ปิด บิดได้’ ของสร้อยพิศวงนั่นอีก” เหล่านี้คือความรู้สึกเมื่อแรกเห็นจิวเวลรีคอลเล็กชั่นที่กุมความลับของวังแห่งนี้ ไว้ หากสังเกตให้ดีบางชิ้นจะมีเหล่าวิญญาณคอยปกปักพิทักษ์สมบัติอยู่ ดังเช่นตุ้มหู Vanité Pierre de Lune ที่ล้อมหินมูนสโตนด้วยเพชรและเหล่าแซปไฟร์สีชมพู-น้ำเงิน ต้องลองมองอย่างตั้งใจถึงจะเห็นว่ามูนสโตนเหล่านั้นถูกแกะสลักให้เหมือน หัวกะโหลก สร้อยคอเพชรล้วน Vanité Diamant และแหวน Vanité Miroir ก็เช่นกัน เมื่อบิดสร้อยและเปิดแหวนออก เราจะเห็นโมทีฟรูปหัวกะโหลกเด่นหรา

เมื่อเปิดแหวน Vanité Miroir ขึ้น จะเห็นเงาสะท้อน บนกระจกเป็นรูป หัวกะโหลก

ส่วนผลงานชิ้นเล็กน่ารักกระจุ๊งกระจิ๊ง (และปราศจากวิญญาณ) วิกทัวร์นำเสนอแหวนเพชรสีเหลืองเม็ดงาม Volupté Diamant Jaune ซึ่งหากบิดออกมาจะเห็นทับทิม เม็ดจิ๋วซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทองคำ แหวนโอปอล Cachette Tiroir Opale Claire ที่ดีไซน์ให้เหมือนลิ้นชักเล็กๆ บนเรียวนิ้ว เมื่อดึงออกจะพบลวดลายรังสีแสงอาทิตย์ที่แกะสลักอย่างประณีตบนทองคำ สื่อถึงพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้ได้รับสมญาว่า The Sun King และแหวนนิ้วคู่ Volupté Aigue-Marine เพื่อสาว หวานโดยเฉพาะ แม้จะไม่มีกลไกใดๆ แต่ดีเทลรูปวิหคคู่ก็ถูกแกะสลักบนตัวเรือนทองคำขาว ใต้อะความารีนสีฟ้าใส

ขอขอบคุณความงดงามอันน่าอัศจรรย์จากดิออร์และ วิกทัวร์ เดอ กัสเตลลาน ที่ทำให้ผู้หญิงทั้งโลกเหมือนต้องมนตร์ (กลิ่นอายฝรั่งเศส) หลายคนคงไม่อยากให้นิยายเรื่องนี้ปิดฉากลงง่ายๆ ไม่แน่ว่าวิกทัวร์เองก็เช่นกัน นิยายแวร์ซายตอนต่อไปเธออาจจะพูดถึงพระนาง Marie Antoinette กับกระท่อมปลายนาก็เป็นได้