Vogue Thailand

WATCHES & JEWELLERY

‘Alhambra’ สัญลักษณ์นำโชคที่ก่อร่างจากความประณีตและจิตวิญญาณความงามของ Van Cleef & Arpels

‘ถ้าอยากมีโชค เราก็ต้องเชื่อในโชค’ คือวลีประจำใจของ Jacques Arpels ที่กลายมาเป็นหัวใจของเครื่องประดับคอลเล็กชั่น ‘Alhambra’ แห่ง Van Cleef & Arpels

โดย Amanda Ampornmaha
19 พฤศจิกายน 2568

     “ถ้าอยากมีโชค เราก็ต้องเชื่อในโชค” เป็นคำกล่าวติดปากของ 'Jacques Arpels' หลานชายของ 'Estelle Arpels' อันที่จริง ค่านิยมนี้เป็นแรงบันดาลใจในงานสรรค์สร้างของเมซงอย่างต่อเนื่องมานับแต่ก่อตั้ง ส่วนตัวของ 'Jacques Arpels' เองนั้น ก็เชื่อว่าเครื่องประดับสักชิ้น สมควรเป็นเครื่องรางนำโชคให้แก่ผู้เป็นเจ้าของยามสวมใส่ นอกจากนั้น เขายังมักเด็ดใบโคลเวอร์สี่แฉกที่พบเจอในสวนหลังบ้านพักของตนย่าน Germigny-l’Évêque ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครปารีสมาให้แก่บรรดาพนักงานลูกจ้างโดยแนบไว้กับบทกวี “อย่าหยุดยั้ง” (Don’t Quit) เพื่อจุดประกายความหวัง สร้างขวัญ และกำลังใจให้ทุกคน

 

 

     หลังเปิดตัวไม่นาน 'Alhambra' ก็ได้รับการยอมรับจากโลกแฟชั่นและวงการศิลปะอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุค 1970s ที่นิยามความงดงามของผู้หญิงเปลี่ยนไป อิสระ, มั่นใจ และอ่อนหวานในเวลาเดียวกัน โมเมนต์ที่ทำให้ 'Alhambra' กลายเป็นภาพจำเกิดขึ้นในปี 1974 เมื่อ 'Romy Schneider' ปรากฏตัวพร้อมสร้อย 'Alhambra' ซึ่งสะท้อนตัวตนของผู้หญิงที่แข็งแกร่งและละมุนในเวลาเดียวกัน อีกหนึ่งโมเมนต์ที่สำคัญไม่แพ้กันคือภาพของ 'Grace Kelly' ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างาม เธอสวม 'Alhambra' เลเยอร์หลายเส้นในการเสด็จภารกิจต่างๆ และหนึ่งในภาพที่โด่งดังที่สุดถ่ายโดย 'Anwar Hussein' ช่างภาพที่บันทึกช่วงเวลาคลาสสิกหลายยุค ภาพนั้นตอกย้ำว่า 'Alhambra' ไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ แต่คือภาษาแห่งรสนิยม

 

 

Article

     แม้จะดูเรียบง่าย แต่ 'Alhambra' คือหนึ่งในผลงานที่ซับซ้อนที่สุดของ Van Cleef & Arpels งานสร้างโมทิฟแต่ละชิ้นต้องผ่านกว่า 15 ขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกหินสีหรือแม่มุกให้มีเฉดและความสว่างที่เสมอกัน การตัดเจียนวัสดุให้ได้รูปทรงโค้งมนที่สมดุล ไปจนถึงการประกอบกับกรอบลูกปัดทองที่ใช้ 'เขี้ยวหนามเตย' ซ่อนในโครงสร้างเพื่อยึดแผ่นโมทิฟอย่างแนบสนิท ก่อนปิดท้ายด้วยงานขัดผิวที่ต้องทำด้วยมืออย่างละเอียดเพื่อให้ผิวทองกระจ่างแสงอย่างมีชีวิตชีวา ทุกขั้นตอนสะท้อนจิตวิญญาณของเมซงที่ให้ความสำคัญทั้งกับเทคนิค ความละเอียด และความรู้สึกเมื่อสวมใส่

 

 

     ตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา 'Alhambra' ได้รับการตีความใหม่ในหลายรูปแบบ ทั้ง 'Sweet Alhambra' ที่มากับสเกลเล็กน่ารัก 'Vintage Alhambra' ที่คงความคลาสสิก และ 'Magic Alhambra' ที่เล่นกับขนาดโมทีฟอย่างมีจังหวะ และงานรุ่นพิเศษด้วยวัสดุนานาชนิด เช่น มาลาไคต์ คาร์เนเลียน ออนิกซ์ ไปจนถึงเพชร ทุกเวอร์ชั่นยังคงความหมายของ 'โชค ความหวัง และความงามเหนือกาลเวลา' ไว้อย่างครบถ้วน ทำให้ 'Alhambra' ไม่เพียงเป็นหนึ่งในผลงานสำคัญของ Van Cleef & Arpels แต่ยังเป็นเรื่องราวที่เดินทางผ่านยุคสมัย ตั้งแต่ผู้หญิงในยุค 60s, ไอคอนแห่งยุค 70s จนถึงผู้สวมใส่ในวันนี้ที่ต้องการความหมายในเครื่องประดับมากกว่าความสวยงาม

 

(สามารถอ่านเรื่อง 'Alhambra' เครื่องประดับนำโชคจาก Van Cleef & Arpels เผยดีไซน์ใหม่! ได้ที่นี่)