Photographer: WONTAE GO
Stylist: JAYOUNG CHOI
Fashion Editor: EUNYOUNG SOHN
Makeup: HUIJUNG HWANG
Hair: SEONYEONG LEE
Production: WOORI BAE
#VOGUEMORE ครั้งนี้จะพาแฟนๆ โว้กสัมผัสกับเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเมซง Dior ผ่านมนต์เสน่ห์จากตัวตนของแบรนด์แอมบาสเดอร์คนสำคัญอย่าง JISOO ซึ่งแฟชั่นเซ็ตครั้งนี้หยิบยกชิ้นงานประวัติศาสตร์ของดิออร์ฝีมือ 7 ดีไซเนอร์ที่บรรจงรังสรรค์ศิลปะแฟชั่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในขณะเดียวกันก็รักษามาตรฐานและกลิ่นอายของเมซงเสมอมา การสะท้อนภาพความงดงามของจีซูจึงเหมือนการสะท้อนตัวตนที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่จนนำมาสู่นิยามว่า “The Greatness Reflector”
จากหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Dior ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1946 โดย Christian Dior แบรนด์เติบโตอย่างมั่นคงและถือเป็นแบรนด์ที่สรรสร้างผลงานแฟชั่นอันน่าประทับใจไว้มากมาย ตั้งแต่ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งไปจนถึงผู้สืบทอดความยิ่งใหญ่ จนมาถึงยุคปัจจุบันกับยุคสมัยแห่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ พลังแห่งเอเชีย และการบอกเล่าเรื่องราวของแฟชั่นผ่านตัวบุคคลที่มีอิทธิพลในมิติต่างๆ JISOO ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีพลังบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกในด้านต่างๆ อยู่เสมอ ก็เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่สามารถถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของดิออร์ได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นผลงานในปัจจุบันเรื่อยไปจนถึงผลงานไอคอนิกที่เคยถูกบันทึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์

New Look ชุดบาร์แจ็กเก็ตผ้าไหมซานตุง จากคอลเล็กชั่นโอตกูตูร์ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 1947
หากกล่าวถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเมซงดิออร์คงต้องไม่พลาดกล่าวถึง “New Look” ผลงานการรังสรรค์ของมงซิเออร์ดิออร์ตั้งแต่ปี 1947 ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผลงานชิ้นปฏิวัติวงการ เทคนิคการตัดเย็บระดับโอตกูตูร์ผสมผสานเข้ากับงานเทเลอริ่งที่เฉียบคม การใช้วัสดุที่หรูหราเหนือระดับในยุคที่กระแสหลังสงครามโลกจบซึ่งอาจไม่ได้เพียบพร้อมด้วยทรัพยากร JISOO ถ่ายทอดเรื่องราวความยิ่งใหญ่ระดับตำนานผ่านชุด “New Look” จากโปรเจกต์จัดแสดงสุดพิเศษ Designer of Dreams ที่นำเสนอความตราตรึงจากผลงานดิออร์ ณ กรุงโซล

1 / 2
ชุดกระโปรงผ้าไหมทาฟต้าและแจ็กกาต ลายดอกลิลลี่ ปักเลื่อมและมุก คอลเล็กชั่นไฮจิวเวลรี ปี 2023 จาก MARIA GRAZIA CHIURI FOR CHRISTIAN DIOR

2 / 2
เดรสเกาะอกโครงคอร์เซ็ต ผ้าฝ้ายลูกไม้กีปูร์ โอตกูตูร์ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน ปี 2015 จาก RAF SIMONS FOR CHRISTIAN DIOR
และเมื่อกล่าวถึงอดีตก็ต้องกล่าวถึงความร่วมสมัยไปพร้อมกัน ในยุคที่ JISOO ขึ้นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่ในช่วงเวลาการกุมบังเหียนของ Maria Grazia Chiuri ซึ่งดีไซเนอร์หญิงสัญชาติอิตาเลียนหยิบยกเรื่องราวแรงบันดาลใจจากมงซิเออร์ดิออร์มาถ่ายทอดใหม่พร้อมเล่าเรื่องราวไปพร้อมกับผลงานระดับโอตกูตูร์และจิวเวลรีสะดุดตา นอกจากนี้ยังมีผลงานของ Raf Simons อีกหนึ่งดีไซเนอร์ในโลกแฟชั่นยุคใหม่ที่เข้ามาถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของดิออร์อย่างงดงามในแบบฉบับที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสมผสานกลิ่นอายความมินิมัลเข้ากับงานฝีมืออันเนี้ยบประณีต เหมือนการลิ้มรสประวัติศาสตร์ผ่านเสื้อผ้าที่ไม่ได้เก่าแก่จนต้องอยู่เพียงในหนังสือประวัติศาสตร์หรือใหม่ล้ำจนฉีกรากฐานดั้งเดิม แต่เป็นสมดุลที่ลงตัวระหว่างยุคสมัย

1 / 2
เสื้อปักเลื่อมลายทางผ้าไหม โอตกูตูร์ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 2005 จาก JOHN GALLIANO FOR CHRISTIAN DIOR

2 / 2
เสื้อโค้ตทรง Trapèze กระดุมหน้าผ้าวูล ลายสก็อต ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 1969 จาก MARC BOHAN FOR CHRISTIAN DIOR
“การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเมซง” คำกล่าวนี้เกิดขึ้นอย่างชัดเจนอีกครั้งในยุคสมัยของ John Galliano ดีไซเนอร์ผู้มีรากฐานตั้งต้นจากการออกแบบผลงานแฟชั่นด้วยการหยิบยกอดีตมาปรุงแต่งเพื่อความสดใหม่และเหมาะสำหรับผู้หญิงในช่วงอายุที่เด็กลงกว่าเดิม พร้อมผสมผสานความจัดจ้านและแฟชั่นสตรีตเข้ากับแกนหลักสำคัญเรื่องงานฝีมืออย่างงดงาม ในขณะเดียวกันดีไซเนอร์อย่าง Marc Bohan ที่กุมบังเหียนดิออร์มานานราว 3 ทศวรรษ ก็ถ่ายทอดเรื่องราวดิออร์ในแบบฉบับที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการรังสรรค์ไลน์ prêt-à-porter ที่ตอบโจทย์การสวมใส่ในชีวิตประจำวันตามยุคสมัย พร้อมนำเสนอการใช้ลวดลายแพตเทิรนต่างๆ รวมถึงลาย Oblique อันเป็นไอคอนิกและชุดลายตารางที่ตรึงใจสาวกแฟชั่นจวบจนปัจจุบัน

1 / 2
ชุดกระโปรงทรง Trapèze ผ้าวูลกาบาร์ดีน กระดุมสองแถว โอตกูตูร์ ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 1958 จาก YVES SAINT LAURENT FOR CHRISTIAN DIOR

2 / 2
เสื้อโค้ตกันฝนผ้าไหมทาฟต้า พิมพ์ลายกุหลาบและคาร์เนชั่น โอตกูตูร์ ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน 1992 จาก GIANFRANCO FERRÉ FOR CHRISTIAN DIOR
ก่อนหน้ามาร์กคือยุคสมัยของ Yves Saint Laurent ผู้รับไม้ต่อจากมงซิเออร์ดิออร์แบบฉับพลัน เขาคือผู้เนรมิตดิออร์ที่สอดประสานกับเรื่องราวในอดีตที่น่าจดจำเข้ากับแนวทางแฟชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเทเลอริ่งอย่างชุดสูทที่กลายเป็นภาพจำของเมซงในยุคสมัยนั้นควบคู่กับลายเซ็นที่ยังคงปรากฏอยู่ทุกครั้งเมื่อกล่าวถึงชื่อดีไซเนอร์ผู้รับไม้ต่อคนแรก ปิดท้ายด้วย Gianfranco Ferré ดีไซเนอร์คนสำคัญจากช่วงยุค 90s ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก Bernard Arnault และนำเสนอการรื้อฟื้นกระเป๋า Lady Dior ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเขาถือเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่หยิบยกมนต์เสน่ห์ของมงซิเออร์ดิออร์มาถ่ายทอดใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ผลงานโอตกูตูร์ไปจนถึงวิถีแฟชั่นสุดคลาสสิกที่อมตะเหนือกาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “New Look” ที่ปรากฏขึ้นในสารบบแฟชั่นอย่างเป็นทางการในยุคสมัยของเขา พร้อมกับการพัฒนาการเลือกสรรวัสดุเข้ากับมิติด้านงานฝีมือและซิลูเอตแบบอวอง-การ์ด ถือเป็นอีกหนึ่งยุคสมัยแห่งความเรืองรองของเมซงโดยแท้จริง
การถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ทั้งหมดเหล่านี้ของ JISOO ถือเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์หน้าสำคัญผ่านเรื่องราวจากงานศิลปะด้านแฟชั่นของเมซงดิออร์ได้อย่างครบถ้วน เรื่องราวความน่าสนใจจากอดีตเดินหน้าจนถึงปัจจุบัน และเปิดประตูบานใหม่สู่อนาคต “The Greatness Reflector” จึงไม่ใช่เพียงผู้ถ่ายสวมใส่ชุดจากยุคต่างๆ เพื่อความสวยงามผิวเผิน แต่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความสำคัญและที่ยิ่งใหญ่