ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนว่า จะเกิดเรื่องราวกับราชวงศ์อังกฤษมากมายให้ต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการให้กำเนิดทายาทคนแรกของเจ้าหญิงยูเชนี และสามี เจมส์ บรู๊กส์แบ็งก์ ที่ทั้งคู่เพิ่งจะออกมาเปิดเผยถึงชื่อของทายาทคนดังกล่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยทั้งคู่ให้ชื่อว่า “August Philip Hawke Brooksbank” ที่นับเป็นช่วงเวลาที่ไล่เรี่ยกันกับที่แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ตอนนี้เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ มีอาการประชวรเล็กน้อย และต้องเสด็จไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเพื่ออยู่ในการดูแลของคณะแพทย์ประจำพระองค์" ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวอังกฤษไม่น้อย ทว่าข่าวใดๆ ก็คงจะไม่สามารถสู้กระแสข่าว(อีกครั้ง)ของครอบครัวซัสเซกซ์ได้...

     ล่าสุดทางสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมได้ออกแถลงการณ์ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยประกาศว่า เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์นั้นมีความประสงค์ที่จะไม่กลับมาทำงาน และปฏิบัติภารกิจในฐานะของสมาชิกแห่งราชวงศ์อีกต่อไปแล้ว จึงทำให้ทั้งคู่ต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งที่ยังคงเหลืออยู่ทั้งหมด เหลือไว้เพียง “ดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์” เท่านั้น ซึ่งเป็นพระบรมราชานุญาตของสมเด็จพระราชินีนาถฯ ทั้งนี้ทั้งคู่ยังจะต้องคืนยศทางทหาร พร้อมทั้งตำแหน่งองค์อุปถัมภ์องค์กรต่างๆ ให้แด่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อีกด้วย เนื่องจากการเลือกมีชีวิตอย่างสาธารณชนทั่วไปของทั้งคู่นั้น ไม่สอดรับกับความรับผิดชอบ และการปฏิบัติภารกิจของสมาชิกราชวงศ์อีกต่อไป

     กระนั้นเรื่องราวก็เหมือนว่าจะไมได้จบง่ายแบบนั้นเสมอไป เมื่อไม่กี่นาทีหลังจากที่แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮมฉบับดังกล่าวว่อนไปทั่ว ทางฝั่งของครอบครัวซัสเซกซ์ก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับแบทันควัน โดยทางดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์นั้นได้ออกแถลงการณ์โดยระบุเนื้อหาภายในความว่า "มีหลักฐานการทำงานของพวกเราในช่วงปีที่ผ่านมา ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ยังคงปฏิบัติภารกิจ และอุทิศตนทำงานเพื่อสหราชอาณาจักร และทั่วโลก รวมไปถึงการเสนอความช่วยเหลือของพวกเขาที่จะสนับสนุนองค์กรต่างๆ ต่อไป พวกเขาได้แสดงให้เห็นโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงบทบาทหน้าที่อย่างเป็นทางการ พวกเราทุกคนก็สามารถมีชีวิตเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไปได้ เพราะการให้ความช่วยเหลือนั้นก็นับเป็นเรื่องสากล” นับเป็นแถลงการณ์โต้กลับที่ดุเดือดไม่น้อย พร้อมแฝงนัยยะสำคัญว่า เขาทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต และทำงานการกุศลอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใบบุญของสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอณาจักแต่อย่างใด

     นับได้ว่าการตอบโต้จากทั้งทางสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮม และทางฝั่งของครอบครัวซัสเซกซ์ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ต่างอะไรจาก "ฟางเส้นสุดท้าย" หลังจากที่ปล่อยให้เรื่องราวการบอกลาราชวงศ์ของดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์นั้น คลุมเครือมานานแรมปี ทั้งนี้สื่อหลายหัวยังได้ลงความเห็นคาดการณ์ว่า การเริ่มต้นร่อนจดหมายตัดสัมพันธ์ดังกล่าวจากทางสำนักพระราชวังนั้น ก็อาจจะมีชนวนเหตุสำคัญมาจากข่าวการตอบตกลงยอมให้สัมภาษณ์ “แบบหมดเปลือก” กับ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชาวอเมริกันชื่อดัง ที่แพร่สะพัดออกไปเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตามยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2  ทรงได้รับการทูลถวายคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อาวุโส หลังจากได้ทรงหารือกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าชายวิลเลียม แล้วเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะยืนยันถอดตำแหน่งต่างๆ ที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ที่คงจะต้องตามดูกันต่อไปแล้วว่าหลังจากนี้จะมีการตอบโต้ใดๆ เกิดขึ้นอีกหรือไม่จากทั้ง 2 ฝ่าย...