ดุจเทพนิยาย! เรื่องราวความรัก 73 ปีของเจ้าชายฟิลิป ผู้เป็นรักแท้ และรักเดียวของควีนเอลิซาเบธที่ 2
เจ้าชายฟิลิปยอมสละฐานันดรศักดิ์ทั้งหมดที่มี เพื่อให้ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธผู้เป็นที่รัก...
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ปี 1997 ในคืนวันครบรอบพิธีอภิเษกสมรส 50 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในครั้งนั้นสมเด็จพระราชินีนาถทรงกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้า Tony Blair ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น และแขกผู้มีเกียรติอีกหลายสิบคน ณ แบนควิทติงเฮาส์ ในกรุงลอนดอน ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จัดงานเลี้ยงฉลองในเย็นวันนั้นขึ้นมา และขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนพระองค์ และพระสวามีเสมอมา ก่อนที่ในตอนท้ายพระองค์จะมีพระราชดำรัสแสนโรแมนติกลึกซึ้งถึงเจ้าชายฟิลิปว่า "เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมรับคำชมเชยง่ายๆ แต่เขานี่แหละคือความแข็งแกร่งของฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวของฉัน ครอบครัวของเรา และประเทศนี้เป็นหนี้ชายคนนี้มากเกินคณานับ เกินกว่าที่จะสาธยายได้หมด”
ในเดือนกรกฎาคม ปี 1939 ลิลิเบธ หรือเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ซึ่งมีพระชนมายุเพียง 13 พรรษาในเวลานั้นได้พบกับ เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์กเป็นครั้งแรก ที่มหาวิทยาลัย Britannia Royal Naval College ที่เมืองดาร์ตเมาธ์ ซึ่งตอนนั้นเจ้าชายมีพระชนมายุ 18 พรรษา ด้วยพระโฉมอันหล่อเหลา พร้อมด้วยกิริยาท่าทางและรูปร่างผึ่งผายสมชายชาติทหาร อีกทั้งยังสร้างความประทับพระทัยแรก ด้วยการทำหน้าที่เป็นผู้นำเสด็จเจ้าหญิงเอลิซาเบธ และเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ทอดพระเนตรทั่วบริเวณของมหาวิทยาลัย ทำให้ลิลลิเบธตกหลุมรักเจ้าชายแห่งกรีซและเดนมาร์กตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์ก็เขียนจดหมายรักถึงกันเสมอมา กระทั่งล่วงเลยมาจนถึงปี 1946 เจ้าชายฟิลิปจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระบิดาของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ เพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงที่มีพระชนมายุครบ 21 พรรษาแล้วในเวลานั้น ทว่าสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 กลับไม่ยอมรับในตัวของเจ้าชายฟิลิปที่เป็นเจ้าชายกรีกมาก่อน ทำให้เจ้าชายฟิลิปต้องทรงสละสัญชาติกรีซ และพระฐานันดรศักดิ์ทั้งหมดที่มี รวมถึงยศทางทหารเดิม ให้เหลือเป็นเพียงสามัญชนของสหราชอาณาจักรเท่านั้น และเปลี่ยนมาใช้นามสกุล Mountbatten ซึ่งเป็นนามสกุลเดิมของฝั่งพระมารดาของพระองค์แทน เพื่อให้ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ
ทั้งสองพระองค์ได้เข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1947 (เป็นเวลา 5 ปีก่อนพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2) ทว่าในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่อังกฤษยังตกอยู่ในบรรยากาศของสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นปรปักษ์ต่อประเทศเยอรมนี ทำให้พระเชษฐภคินีทั้งสามพระองค์ของเจ้าชายฟิลิปที่มีความสัมพันธ์กับเยอรมนีในตอนนั้น ไม่ถูกเชิญมาร่วมพระราชพิธีอภิเษกสมรสด้วย และหลังจากเข้าพิธีอภิเษกสมรสแล้ว เจ้าชายฟิลิปจึงได้รับพระราชทานยศใหม่เป็น ดยุกแห่งเอดินบะระ, เอิร์ลแห่งเมอร์ริโอเน็ต และบารอนกรีนิช ทั้งสองพระองค์ได้ทรงเลือกเสด็จไปฮันนีมูนที่แฮมป์เชียร์ และมีพระราชโอรส และพระราชธิดารวมกันทั้งสิ้น 4 พระองค์ด้วยกันนั่นคือ เจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์, เจ้าหญิงแอนน์, เจ้าชายแอนดรูว์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และเพิ่งจะเฉลิมฉลองในวาระครบรอบพิธีอภิเษกสมรส 73 ปี ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา และยังถือเป็นคู่รักราชวงศ์ที่รั้งตำแหน่งยาวนานที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษอีกด้วย
WATCH
ตลอด 73 ปี ที่ทรงคอยสนับสนุนราชบัลลังก์อังกฤษ ในฐานะของลมใต้ปีก ผู้เป็นความแข็งแกร่งของประมุขแห่งอังกฤษ เจ้าชายฟิลิปได้ตามเสด็จฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 มาแล้วถึง 143 ประเทศทั่วโลก พร้อมปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากถึงปีละ 300 งาน และทรงเป็นองค์ประธานอุปถัมภ์องค์กรการกุศลมากกว่า 800 องค์กร ที่เชิดชูให้ประเทศอังกฤษในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นั้นรุ่งเรืองเสมอมา
1 / 22
2 / 22
3 / 22
4 / 22
5 / 22
6 / 22
7 / 22
8 / 22
9 / 22
10 / 22
11 / 22
12 / 22
13 / 22
14 / 22
15 / 22
16 / 22
17 / 22
18 / 22
19 / 22
20 / 22
21 / 22
22 / 22
และแม้ว่าในวันนี้เจ้าชายฟิลิปจะได้จากโลกใบนี้ไปอย่างสงบแล้ว แต่พระองค์จะยังคงถูกจดจำในฐานะของ "รักแท้และรักเดียว" ของลิลลิเบธตลอดไป...
ข้อมูล : Vogue US
WATCH