ที่สุดของชุดแต่งงานราชวงศ์ เปิด 33 ชุดแต่งงานสุดตระการตาของเชื้อพระวงศ์ทั่วโลก
ยังมีชุดแต่งงานไอคอนิกอีกหลายชุดของสมาชิกราชวงศ์ทั่วโลกที่คุณยังไม่เคยรู้จักมาก่อน
เชื่อว่าเจ้าสาวทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่หวังอะไรไปมากกว่าในวันสำคัญของพวกเธอนั้นอยากจะได้ใส่ชุดสวยๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อให้กลายเป็นความทรงจำที่จะติดตัวของพวกเธอไปตลอด และแน่นอนว่าทุกครั้งที่พวกเธอสาวเท้าเข้าร้านตัดชุดแต่งงานพร้อมเจ้าบ่าว ตัวอย่างชุดแต่งงานไอคอนิกจากเหล่าสมาชิกราชวงศ์ทั่วโลกก็มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างถึงไม่ขาดปาก และนี่คือชุดแต่งงานทั้ง 33 ชุดจากสมาชิกราชวงศ์ทั่วโลก ที่โว้กรวบมาให้เจ้าสาวทุกคนใช้เป็นแรงบันดาลใจเลือกตัดชุดแต่งงานกันแล้วที่นี่...
Duchess of Windsor Wallis Simpson and the Duke of Windsor Edward VIII (1937)
ดยุก และดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ เข้าพิธีเสกสมรสกันอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1937 ที่ Château de Candé ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในเวลานั้น ดัชเชสวอลลิสเลือกสวมชุดแต่งงานโดยฝีมือการออกแบบของ Mainbocher ผู้ที่เป็นดั่งดีไซเนอร์ส่วนตัวที่คอยดูแลเรื่องการแต่งตัวให้เธอมาแต่ไหนแต่ไร กับการเลือกใช้เฉดสี "Wallis blue" อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเธอ ซึ่งเป็นชุดสีฟ้าอ่อนพร้อมกับเสื้อท่อนบนที่ติดกระดุมแบบรัดรูป ให้ความรู้สึกเรียบโก้ และคลาสสิกไร้กาลเวลา
Princess Elizabeth and Prince Philip Mountbatten (1947)
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป เมาต์แบตเทิน ดยุกแห่งเอดินบะระ เข้าพิธีอภิเษกสมรสกัน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1947 ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเลือกฉลองพระองค์ด้วยชุดกระโปรงแขนยาว ฝีมือการออกแบบของแฟชั่นดีไซเนอร์นามว่า Norman Hartnell ที่เลือกตัดเย็บด้วยผ้าไหมสีงาช้าง ปักประดับไข่มุกสีขาว 10,000 เม็ด ด้วยเส้นด้ายสีเงินประกายคริสตัล และเย็บถักร้อยเป็นรูปดอกไม้ตลอดทั้งตัว
Queen Soraya of Iran and Shah Mohammad Reza Pahlavi (1951)
WATCH
สมเด็จพระราชินีโซรายาแห่งอิหร่าน เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ ชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1951 ณ พระราชวังหินอ่อนในเตหะราน ซึ่งพระราชินีทรงเลือกฉลองพระองค์ด้วยชุดกระโปรงเกาะอก ที่มีน้ำหนักมากถึง 44 ปอนด์ กับเนื้อผ้าลาเม่สีเงิน (lamé) ความยาว 37 หลา ปักประดับด้วยไข่มุกเพชร 6,000 เม็ด และขนนกมาราบูอีก 20,000 เส้น
Princess Grace Kelly of Monaco and Prince Rainier (1956)
ภาพถ่ายไอคอนิกของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี แห่งโมนาโก ที่เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายเรเนียร์ ในห้องโถงบัลลังก์แห่งพระราชวังโมนาโก เมื่อวันที่ 18 เมษายน 1956 เผยให้เห็นชุดเจ้าสาวซิลูเอตที่มีกลิ่นอายโรแมนติก ฝีมือการสร้างสรรค์โดย Helen Rose นักออกแบบเครื่องแต่งกายการันตีด้วยรางวัลออสการ์ ซึ่งชุดแต่งงานของเจ้าหญิงเกรซนั้น ถอดแบบออกมาจากชุดของเจ้าหญิงในเทพนิยายที่สมบูรณ์แบบ สะดุดตาด้วยรายละเอียดงานปักประดับมุก และบรัสเซลส์ ผสมผสานกับเสื้อลูกไม้แขนยาวท่อนบนได้อย่างลงตัวสวยงาม
Dona Fabiola of Spain and King Baudouin of Belgium (1960)
โดน่า ฟาบิโอล่า แห่งสเปน ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ กษัตริย์โบดูอินแห่งเบลเยียม เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1960 ในมหาวิหารเซนต์ไมเคิลและเซนต์กูดูลา โดยโดน่าเลือกสวมใส่ชุดแต่งงานที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นโดยดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Cristóbal Balenciaga ชุดแต่งงานของเธอนั้นโดดเด่นด้วยขอบคอเสื้อแบบปาด ที่ถูกเย็บตัดต่อเข้ากับขนเฟอร์ ทั้งในส่วนของแขนยาวสามส่วน เรื่อยลงไปจนถึงช่วงเอว ที่ทำให้ชุดแต่งงานชุดนี้ดูสะดุดตาไม่น้อย
Princess Anne Marie of Denmark and King Constantine II of Greece (1964)
เจ้าหญิงแอนน์ มารี แห่งเดนมาร์ก เข้าพิธีอภิเษกสมรสในชุดกระโปรงเอวสูงในสไตล์เรียบง่าย แต่จัดเต็มด้วยรายละเอียดกระโปรงลูกไม้ และชุดคลุมผ้าซีทรูเย็บฉลุลายลูกไม้ โดยเจ้าหญิงแอนน์ และกษัตริย์คอนสแตนตินที่ 2 ได้จัดงานอภิเษกสมรสในครั้งนั้นขึ้นที่มหาวิหาร Metropolis Cathedral of the Annunciation แห่งกรุงเอเธนส์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 1964
Princess Caroline of Monaco and Philippe Junot (1978)
เจ้าหญิงแคโรไลน์แห่งโมนาโก ได้เข้าพิธีเสกสมรสกับ ฟิลิปป์ จูโนต์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1978 ซึ่งสิ่งที่ยังคงตรึงใจใครหลายๆ คน ก็เห็นจะหนีไม่พ้นชุดแต่งงานสไตล์ยุค '70s ของเธอที่ได้รับการออกแบบโดย Marc Bohan โดดเด่นด้วยแขนทรงกระดิ่งผ้าลูกไม้ซีทรู และกระโปรงที่ถูกปักประดับเป็นลวดลายดอกไม้ และลูกไม้อย่างประณีต จนกลายเป็นต้นแบบความคลาสสิกของชุดแต่งงานของเจ้าสาวหลายๆ คนในยุคต่อมาจนถึงตอนนี้
Queen Noor and King Hussain of Jordan (1978)
สมเด็จพระราชินีนูร์ และกษัตริย์ฮุสเซนแห่งจอร์แดน เข้าพิธีอภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1978 ในเมืองอัมมาน ประเทศจอร์แดน ซึ่งฉลองพระองค์ในสมเด็จพระราชินีเป็นชุดกระโปรงยาวเรียบง่าย ตัดเย็บจากผ้าไหม ที่มีรายละเอียดบนขอบเสื้อเป็นการเดินด้ายเส้นสายสีทองหรูหรา ทั้งส่วนตรงคอ แขน และชายกระโปรง ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากสายตาของคนที่เห็นได้ไม่น้อย และทำให้ชุดดังกล่าวไม่เรียบจนเกินไปอีกด้วย
Princess Diana and Prince Charles of Wales (1981)
คงไม่ต้องพูดให้มากความสำหรับชุดแต่งงานสุดไอคอนิกชุดนี้ของไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่ปรากฏต่อหน้าสาธารณชนเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 1981 ที่มหาวิหารเซนต์พอล ในกรุงลอนดอน ในพิธีเสกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาลส์ โดยเป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของ David Emanuel และ Elizabeth Emanuel ซึ่งตัดเย็บจากผ้าไหมแพร ปักด้วยเลื่อมสลับมุกกว่า 10,000 เม็ด และปักแซมด้วยผ้าลูกไม้ Carrickmacross ที่หางของชุดมีความยาวถึง 25 ฟุต พร้อมกับผ้าคลุมหน้า 153 หลาตัดเย็บจากผ้าทูลล์ ที่ถูกรั้งไว้ด้วยเทียร่าเพชรเก่าแก่ของตระกูลสเปนเซอร์
Duchess of York Sarah Ferguson and Prince Andrew (1986)
ซาราห์ เฟอร์กูสัน ดัชเชสแห่งยอร์ก เข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแอนดรูว์ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 1986 ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในชุดแต่งงานซึ่งออกแบบโดย Lindka Cierach โดดเด่นด้วยงานปักประดับลูกปัดที่มีทำให้ชุดมีน้ำหนักมาก และหากได้สังเกตใกล้ๆ ก็จะได้เห็นลวดลายสัญลักษณ์ที่มีความหมายแอบแฝงถึงความรักของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปหัวใจ, สมอเรือ, ผักโขม ไปจนถึงแมลงภู่
Lady Helen of Windsor and Tim Taylor (1992)
เลดี้เฮเลนแห่งวินด์เซอร์ เข้าพิธีเสกสมรสกับ ทิม เทย์เลอร์ พ่อค้างานศิลปะชื่อดัง เมื่อวันที่ 28 เมษายน 1992 ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ณ ปราสาทวินด์เซอร์ ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่ซุ้มประตูภายในงาน ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบ Catherine Walker ผู้ที่ออกแบบชุดแต่งงานให้เลดี้เฮเลน ได้สร้างสรรค์รายละเอียดสะดุดตาที่บริเวณช่วงคอ และไหล่ของชุด ที่ถูกดีไซน์ให้เป็นลักษณะแบบคอวีโค้งต่อกับช่วงแขนสั้น เฉกเช่นชุดของเจ้าหญิงในโลกดิสนีย์ก็ไม่ปาน จนกลายเป็นที่พูดถึงจนถึงตอนนี้
Princess Masako of Japan and Prince Naruhito (1993)
เจ้าหญิงมาซาโกะแห่งญี่ปุ่น เลือกสวมชุดกระโปรงสีงาช้าง เย็บตกแต่งบริเวณหน้าอกคล้ายลักษณะกลีบดอกไม้ขนาดใหญ่สะดุดตา ซึ่งเจ้าหญิง และเจ้าชายนารุฮิโตะ ได้จัดงานเสกสมรของพวกเขาขึ้น ที่ศาลเจ้าชินโตของ Amaterasu ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ ในบริเวณพระราชวังอิมพีเรียล กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 1993
Queen Rania of Jordan and Prince Abdullah (1993)
สมเด็จพระราชินีราเนียแห่งจอร์แดน ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ เจ้าชายอับดุลลาห์ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 1993 ในกรุงอัมมาน โดยฉลองพระองค์ด้วยชุดกระโปรงที่ถูกตัดเย็บอย่างสลับซับซ้อน ซึ่งเป็นฝีมือการสร้างสรรค์โดย Bruce Oldfield ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ซิลูเอตกระโปรงบาน และเสื้อคอปกตกแต่งขลิบสีทองที่ต่อเนื่องกัน
Princess Marie-Chantel of Greece and Prince Pavlov, Crown Prince of Greece (1995)
เจ้าหญิงมารี–ชานเทลแห่งกรีซ เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายพาฟลอฟ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1995 ที่มหาวิหารเซนต์โซเฟีย ณ กรุงลอนดอน ซึ่งเจ้าหญิงมารีเลือกสวมชุดกระโปรงยาวของแบรนด์ Valentino ตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้สีงาช้าง พร้อมด้วยแขนเสื้อยาวที่ถูกเย็บประดับด้วยลวดลายดอกไม้ละลานตา เพิ่มความโรแมนติกให้กับชุดนี้ได้มากทีเดียว
Princess Mette-Marit of Norway and Prince Haakon (2001)
เจ้าหญิงแมตต์ – มาริต ได้เข้าพิธีเสกสมรสกับ มกุฎราชกุมารฮากอน แห่งนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2001 ที่วิหารออสโล ในเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในครั้งนั้นเจ้าหญิงแมตต์เลือกสวมใส่ชุดกระโปรงตัดเย็บจากผ้าไหมอีครูสีงาช้าง ซึ่งเป็นเฉดสีที่เจ้าหญิงรับสั่งให้ย้อมตามที่ตนต้องการ โดยมีซิลูเอตเข้ารูปช่วงบน ทั้งชุดมีความยาวถึง 6 ฟุต และผ้าคลุมศีรษะยาวเกือบ 20 ฟุต
Princess Martha-Louise and Ari Behn of Norway (2002)
เจ้าหญิงมาร์ธา – หลุยส์ และอาริเบห์นแห่งนอร์เวย์ เข้าเสกสมรสกันที่เมืองทรอนด์เฮม ประเทศนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2002 โดยชุดแต่งงานของเจ้าหญิงมาร์ธานั้น ถูกตัดเย็บเป็นสองชิ้น อันประกอบไปด้วยเสื้อโค้ตแขนทรงทรัมเป็ตประดับคริสตัลสวารอฟสกี้ ซึ่งมีความยาว 9 ฟุต สวมทับชุดกระโปรงด้านในที่ถูกตัดเย็บขึ้นจากผ้าไหมสีขาว มีลักษณะเป็นชุดแขนกุดแบบเรียบง่าย
Queen Letizia Ortiz of Spain and King Felipe (2004)
สมเด็จพระราชินีเลติเซีย ออร์ติซ แห่งสเปน เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ กษัตริย์เฟลิเป ณ มหาวิหาร Santa María la Real de la Almudena ในกรุงมาดริด เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2004 โดยฉลองพระองค์ชุดแต่งงานในสมเด็จพระราชินีเลติเซียนั้น ได้รับการออกแบบโดย Manuel Pertegaz อันประกอบไปด้วยผ้าไหมธรรมชาติทอด้วยด้ายเงินสลับทองทอง ที่มีความยาวถึง 15 ฟุต ตามขนบชุดแต่งงานที่กำลังเป็นที่นิยมในสมัยนั้น
Mary Donaldson of Denmark and Crown Prince Frederik (2004)
แมรี่ โดนัลด์สัน แห่งเดนมาร์ก เข้าพิธีเสกสมรสกับ มกุฎราชกุมารเฟรเดอริก เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2004 ณ คริสตจักรพระแม่มารี ในโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งชุดแต่งงานของแมรี่นั้นเป็นฝีมือการสร้างสรรค์โดย Uffe Frank ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์ก ตัดเย็บโดยใช้ผ้าซาตินสีงาช้างเป็นหลัก เปลือยช่วงคอ และไหล่ เพื่อเผยให้เห็นความงามระหงของเรือนร่าง อีกทั้งซิลูเอตช่วงตัวยังได้รับการตัดเย็บให้เข้ารูปเพื่อความสง่างาม และช่วงแขนเสื้อยังถูกออกให้มีรูปทรงแบบ lily-like sleeves อีกด้วย
Mabel Wisse Smit of Norway and Dutch Prince Johan Friso (2004)
มาเบล วิสส์ สมิธ แห่งนอร์เวย์ และเจ้าชาย โจฮาน ฟริโซ แห่งดัตช์ ได้เข้าพิธีเสกสมรสกันที่เมืองเดล์ฟต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2004 โดยชุดเจ้าสาวของมาเบลนั้น เป็นชุดกระโปรงผ้าซาตินสีขาวหิมะที่ดูแปลกตา ด้วยการตัดเย็บตกแต่งโบว์ขนาดเล็กไล่เรียงไปจนถึงขนาดใหญ่ตลอดทั้งตัว และมีความยาวถึง 10 ฟุต ซึ่งแตกต่างจากชุดแต่งงานแสนเรียบของเจ้าหญิงหลายๆ คนในยุคเดียวกัน
Camilla, Duchess Of Cornwall and Prince Charles (2005)
นับเป็นอีกหนึ่งงานที่อื้อฉาวที่สุดแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ก็ว่าได้ สำหรับคามิลล่า ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ที่ได้เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายชาร์ลส์แห่งเวลส์ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2005 ที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ณ วินด์เซอร์กิลด์ฮอลล์ โดยในครั้งนั้นคามิลล่าเลือกสวมใส่ชุดกระโปรงผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อน พร้อมเสื้อคลุมคอสูงสีฟ้าเข้ม เย็บตกแต่งด้วยผ้าปักดิ้นทอง สะท้อนให้เห็นถึงความภูมิฐาน และเรียบง่าย
Princess Marie of Denmark and Prince Joachim (2008)
เจ้าหญิงมารีแห่งเดนมาร์ก ได้เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายโจอาคิม เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2008 ณ โบสถ์ Møgeltønder โดยชุดแต่งงานในครั้งนั้นของเจ้าหญิงเป็นฝีมือการออกแบบโดย David Arasa และ Claudio Morelli เป็นชุดกระโปรงตัดเย็บหัวจรดเท้าด้วยผ้าไหมสีงาช้างแบบเอวต่ำ โดดเด่นด้วยลายดอกไม้ในตะเข็บผ้าซาตินยกสูง ตัดต่อผ้าลูกไม้ช่วงไหลและแขน
Princess Victoria and Prince Daniel of Sweden (2010)
ทั้งคู่เข้าพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2010 ซึ่งเจ้าหญิงวิกตอเรีย และเจ้าชายแดเนียลแห่งสวีเดน ทรงเข้าพิธีเสกสมรสที่โบสถ์ Storkyrkan ในเมืองสต็อกโฮลด์ ประเทศสวีเดน โดยชุดแต่งงานของเจ้าหญิงวิกตอเรียถูกตัดเย็บขึ้นจากผ้าไหมซาตินสีครีม พร้อมตัดต่อผ้าด้านหลังที่มีความยาวถึง 16 ฟุต ที่สามารถถอดออกได้ การออกแบบช่วงคอเป็นแบบไหล่ปาดของชุดมีลักษณะโค้งมน รับกับช่วงไหล่ได้อย่าลงตัว
Annemarie, Duchess of Parma and Piacenza and Prince Carlos of Bourbon-Parma (2010)
แอนมารี ดัชเชสแห่งปาร์มาและปิอาเซนซา เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายคาร์ลอสแห่งบูร์บง–ปาร์มา เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2010 ที่เมือง Wijk bij Duurstede ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในชุดระโปรงยาวซิลูเอตหางปลา โดยฝีมือการออกแบบของ Duchess Annemarie เน้นให้เห็นช่วงท่อนบนที่ใช้เทคนิคการตัดเย็บแบบไขว้ผ้าทับกัน พร้อมด้วยผ้าประดับศีรษะที่มีความยาวเล่นล้อไปกับส่วนของชายกระโปรงที่สง่างาม
Catherine, Duchess of Cambridge and Prince William (2011)
อีกหนึ่งงานแต่งงานที่ถูกจารึกเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ของราวงศ์อังกฤษสมัยใหม่ ก็คงหนีไม่พ้นงานเสกสมรสของเคต มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และเจ้าชายวิลเลียม ที่ถูกจัดขึ้นที่่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2011 ชุดดังกล่าวถูกขนานนามว่าเป็นชุดไอคอนิกของเคต มิดเดิลตัน ที่ได้รับการออกแบบโดย Sarah Burton ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ Alexander McQueen โดดเด่นด้วยซิลูเอตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุควิกตอเรียน ตกแต่งแขนยาว และปกด้วยผ้าลูกไม้ ส่งให้ชุดนี้ขึ้นแท่นเป็นชุดแต่งงานไอคอนิกแห่งยุคสมัยได้ไม่ยาก
Princess of Monaco Charlene Wittstock and Prince Albert II (2011)
ชาร์ลีน วิตต์สต็อค เจ้าหญิงแห่งโมนาโก และเจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 ได้เข้าพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2011 ที่ Prince's Palace of Monaco ในชุดเจ้าสาวฝีมือการรังสรรค์โดยแบรนด์ Armani โดดเด่นด้วยการออกแบบชุดเปิดไหล่ และงานปักที่ประกอบด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้กว่า 40,000 เม็ด พร้อมด้วยไข่มุก 20,000 เม็ด และหินทองคำอีก 30,000 เม็ด
Countess Stephanie of Luxembourg and Prince Guillaume (2012)
เคาน์เตสสเตฟานี แห่งลักเซมเบิร์ก เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายกีโยม แกรนด์ดยุกแห่งลักเซมเบิร์ก เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2012 ที่วิหารนอเทรอดาม ในเมืองลักเซมเบิร์ก โดยชุดของเคาน์เตสมีความยาวอยู่ที่ 13 ฟุต ที่สามารถดึงดูดความสนใจของแขกภายในงานได้ด้วยเทคนิคการเย็บประดับไข่มุกกว่า 50,000 เม็ด และคริสตัลใสอีก 80,000 เม็ด
Princess Madeleine and Christopher O'Neill of Sweden (2013)
เจ้าหญิงมาเดอลีน และคริสโตเฟอร์ โอนีล แห่งสวีเดน เข้าพิธีเสกสมรสกันในเมืองสต็อกโฮล์ม เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2013 ซึ่งชุดของเจ้าหญิงมาเดอลีนนั้น ได้รับการออกแบบโดยแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอย่าง Valentino ตัดเย็บผ้าลูกไม้แชนทลิลีแขนสั้น ตัวชุดตัดเย็บจากผืนผ้าไหมแก้วอัดพลีตผสมผสานผ้าลูกไม้ ผ่าหลังลึก ที่มีซิลูเอตสะดุดตาที่เน้นช่วงเอวของเจ้าหญิงให้เห็นชัดเจน
Princess Claire of Luxembourg and Prince Felix (2013)
พิธีเสกสมรสของเจ้าหญิงแคลร์แห่งลักเซมเบิร์ก และเจ้าชายเฟลิกซ์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2013 ที่ Sainte Marie-Madeleine Basilica ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแบรนด์แฟชั่นระดับโอตกูตูร์อย่าง Elie Saab รับหน้าที่รังสรรค์ชุดเจ้าสาวของเจ้าหญิงแคลร์ให้ในครั้งนั้น โดยเริ่มตัดเย็บจากผ้าไหมสีงาช้าง ผสานงานปักอย่างประณีตด้วยผ้าลูกไม้แชนทิลลีสลับด้ายสีเงิน กลายเป็นลวดลายดอกไม้ตลอดทั้งตัว
Princess Sofia of Sweden and Prince Carl Philip (2015)
เจ้าหญิงโซเฟีย เฮลควิสต์ เข้าพิธีเสกสมรสกับ เจ้าชายคาร์ล ฟิลิป เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2015 ที่โบสถ์ Slottskyrkan ในเมืองสต็อกโฮล์ม ซึ่งในครั้งนั้นชุดแต่งงานของเจ้าหญิงโซเฟีย ได้รับสร้างสรรค์ขึ้นโดยนักออกแบบชาวสวีเดนนามว่า Ida Sjöstedt muj ที่มาพร้อมกับซิลูเอตชุดกระโปรงแบบเอไลน์ คอวีแบบเปิด อีกทั้งยังสะดุดตาด้วยการเลือกใช้ผ้าลูกไม้สีขาวในการตัดเย็บถึง 3 เฉดด้วยกัน จึงทำให้ชุดแต่งงานชุดนี้ดูมีมิติที่แตกต่างมากขึ้น
Meghan, Duchess of Sussex and Prince Harry (2018)
อีกหนึ่งงานเสกสมรสสุดโด่งดังของราชวงศ์อังกฤษ ขอยกให้กับพิธีเสกสมรสของเมแกน มาร์เคิล และเจ้าชายแฮรืรี่ ซึ่งในพิธีการดังกล่าวเมแกนเลือกสวมชุดแต่งงานที่มีความเรียบง่าย และสง่างาม ฝีมือการออกแบบโดย Clare Waight Keller นักออกแบบชาวอังกฤษ ที่ในเวลานั้นรั้งตำแหน่งกุมบังเหียนอยู่ที่แบรนด์ Givenchy ชุดนี้โดดเด่นด้วยคัตติ้งบริเวณช่วงอก และแขนสามส่วน ที่ถูกตัดเย็บจากผืนผ้าสีขาวบริสุทธิ์ นอกจากนี้ผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวยังเป็นผ้าไหมปักมือยาว 16.5 ฟุต ซึ่งสร้างสรรค์โดย แคลร์และทีมงานของเธออีกเช่นกัน
Princess Eugenie of York and Jack Brooksbank (2018)
เจ้าหญิงยูเชนี เลือกสวมใส่ชุดเจ้าสาวที่ออกแบบโดย Peter Pilotto และ Christopher De Vos ในพิธีเสกสมรสของเธอ ซึ่งลายทอบนผ้าของชุดแต่งงานดังกล่าวประกอบไปด้วยสัญลักษณ์หลายอย่างที่มีความสำคัญต่อเจ้าหญิง ซึ่งถูกทอออกมาด้วยเทคนิคที่ละเอียดซับซ้อน แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นไฮไลต์ของชุดนี้คงอยู่ที่การเปลือยหลังเพื่อโชว์รอยแผลเป็นด้านหลังของเจ้าหญิงยูเชนีที่เคยเข้ารับการผ่าตัดเมื่ออายุ 12 ปีนั่นเอง
Lady Gabriella Windsor and and Thomas Kingston (2019)
ลูกสาวของเจ้าชายไมเคิลแห่งเคนต์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเอลล่า เธอได้ให้เพื่อนๆ และครอบครัวช่วยเลือกชุดลูกไม้สีขาว โดยฝีมือของ Luisa Beccaria ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ให้สำหรับวันพิเศษของเธอ โดยในครั้งนั้นกาเบรียลลาได้จับคู่ชุดดังกล่าวกับเทียร่าเพชรแบบฟรินจ์ ที่รั้งผ้าคลุมซีทรูที่ยาวเล่นล้อไปกับชุดแต่งงานไว้ เข้ากันได้ดีกับช่อดอกไม้สีเหลืองน่ารักในมือของเธอ
Princess Beatrice (2020)
นอกจากจะจัดพิธีเสกสมรสในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 แล้ว ชุดแต่งงานของเจ้าหญิงเบียทริซยังสร้างเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว เมื่อเจ้าหญิงได้เลือกยืมชุดกระโปรงวินเทจตัดเย็บผ้าแพรแข็ง Peau De Soie ในเฉดสีงาช้าง มาจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ให้เพิ่มเติมตกแต่งใหม่ด้วยผ้าซาตินประดับด้วยเพชร รวมถึงสวมรัดเกล้า "Queen Mary Fringe Tiara" องค์เดียวกันกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงเข้าพิธีราชาภิเษกสมรสเมื่อปี 1947 อีกด้วย
คู่รักคู่ไหนพร้อมแล้วตามมาพบกับโปรโมชั่นในราคาพิเศษอีกมากมายภายในอีเวนต์ Capella Bangkok presents Vogue Wedding เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ 200 คู่เท่านั้น ในวันที่ 8-9 พ.ค. 2564 ที่โรงแรม Capella Bangkok โดยสามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ตั้งแต่วันนี้เพียงแค่คลิก ที่นี่
ข้อมูล : www.townandcountrymag.com
WATCH