Versace Spring/Summer 2026

RUNWAY

สำรวจ VERSACE ยุคใหม่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ Dario Vitale ในวันที่แบรนด์เลิกบูชาเมดูซ่าแล้ว

คำพูดปลอบใจจากผู้เขียนเหมือนเช่นเคยก็คือ นี่เป็นเพียงคอลเล็กชั่นแรกเท่านั้น และสิ่งที่จะตัดสินว่า Dario Vitale จะเป็นไปอย่างไรต่อภายใต้ชายคาบ้านหลังใหม่นี้ก็คือกระแสตอบรับจริง หลังจากที่ของวางขายแล้วเท่านั้น

โดย Peeranat Chansakoolnee
27 กันยายน 2568

     งานเดบิวต์คอลเล็กชั่นแรกภายใต้ชายคาบ้านหลังใหม่อย่าง VERSACE ของดีไซเนอร์ Dario Vitale ทำให้ผู้เขียนนึกถึงแคมเปญโฆษณาที่รวบรวมเอาซูเปอร์โมเดลที่เคยร่วมทำงานกับแบรนด์มาออกเสียงคำว่า VERSACE (เวอร์ซาเช่) ซ้ำๆ ไปจนจบคลิป เพื่อหวังว่าคนดูจะจดจำฝังหัวจนขึ้นใจว่าชื่อแบรนด์ออกเสียงอย่างไรกันแน่... และที่ผู้เขียนนึกถึงคลิปไวรัลนั้นขึ้นมาก็เพราะว่าคอลเล็กชั่นปฐมบทของ Dario Vitale ที่เป็นดีไซเนอร์หัวเรือใหญ่คนแรกของแบรนด์ VERSACE ที่ไม่ได้มาจากตระกูล VERSACE นั้น ได้รับเสียงวิจารณ์อื้ออึงแบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน ขั้วหนึ่งที่ว่า Dario Vitale อาจกำลังออกเสียง VERSACE ผิด หรืออีกขั้วหนึ่งที่ว่า Dario Vitale กำลังสอนทุกคนให้ออกเสียงคำว่า VERSACE ใหม่อีกครั้งในยุคสมัยใหม่ที่เขาเป็นผู้กำหนด

     ตามอ้างอิงของข้อมูลคอลเล็กชั่นที่ถูกส่งกระจายให้สื่อทั่วโลกนั้นบอกว่า คอลเล็กชั่นนี้ถูกประกอบสร้างขึ้นจากการศึกษาภาพถ่าย คลังของสะสม เรื่อยไปจนถึงผลงานชิ้นอาร์ไคฟ์ของแบรนด์ในอดีต พร้อมหยิบยกมานำเสนอบนรันเวย์ที่สะท้อนกลิ่นอายแบบงานอิตาเลียนล้ำลึก และการปะทะกันของความคลาสสิกกับงานสตรีตแวร์ โดดเด่นด้วยโทนสีสดใสสไตล์ไมอามีบีชและเมดิเตอเรเนียน ผสมผสานเรื่องราวของเซ็กส์และความเย้ายวนที่ไม่ได้ถูกตีความแบบฉาบฉวย แต่หมายถึงการแสดงออกทางตัวตน รวมไปถึงเรื่องราวของงานฝีมือที่อ้างถึงศิลปะสไตล์ Art Deco ที่สะท้อนทั้งความเร่าร้อนและความเปล่งประกาย ที่ถูกนำมาใส่ไว้ในงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งงานอาร์ไคฟ์ที่มีอิทธิพลต่อคอลเล็กชั่นนี้ส่วนใหญ่คงไม่ใช่ Versace ในยุคสมัยของ Donatella Versace อย่างแน่นอน แต่คือผลงานยุคสมัยของ Gianni Versace ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นอายของงานออกแบบยุค 80’s ชัดเจน ราวกับหลุดออกมาจากภาพถ่ายรันเวย์และภาพแคมเปญสมัยนั้นไม่มีผิดเพี้ยน จนคนแฟชั่นหลายคนเกิดอาการช็อคอ้าปากค้างไปตามๆ กัน เพราะไม่เคยได้เตรียมใจไว้ก่อนเลยว่า Versace ยุคใหม่จะเป็นเช่นนี้

     สำหรับผู้เขียนเองยอมรับตามตรงว่า ตกอยู่ในภวังค์ของความฉงนอยู่นานข้ามคืน พยายามคิดหาเหตุผลต่างๆ นานา จนได้ย้อนกลับไปบนหน้าฟีดโซเชียลของเพจแฟชั่นแล้วก็พบว่า Dario Vitale ไม่ได้เพิ่งปล่อยหมัดฮุกเข้าหน้าคนแฟชั่นทีเดียวด้วยโชว์นี้ แต่เขามีการวางหมากเพื่อ “ล้างตา” คนแฟชั่นมาก่อนแล้ว ไล่เรียงตั้งแต่ลุคที่งาน Venice Film Festival ประจำปี 2025 ที่ได้ Julia Roberts มาสวมใส่ชุด VERSACE ในยุคของ Dario Vitale เป็นคนแรก กับชุดเสื้อเชิ้ตลายทางคลุมทับด้วยเบลเซอร์และแมตช์เข้ากับกางเกงยีนส์เอวสูง ที่เมื่อมองปราดแรก ทุกคนก็ต่างลงความเห็นกันแทบจะทันทีว่า “ดูไม่เป็น VERSACE เลยสักนิด”... หรือแม้แต่ชุดกระโปรงยาวสีดำบนพรมแดง ก็ยังไม่อาจจะทำให้คนแฟชั่นส่วนใหญ่มั่นใจได้ว่านี่คือ VERSACE ที่เขารู้จัก  เรื่อยมาจนกระทั่งการปล่อยแคมเปญ VERSACE Embodied ที่เปรียบเหมือนกับเป็นการเกริ่นวิสัยทัศน์คร่าวๆ ในยุคสมัยใหม่ออกมา รวมถึงภาพแคมเปญสุดสยิวก่อนเริ่มโชว์ไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งเมื่อพอนำมาประกอบกันแล้วก็อาจจะพอเดาได้ว่า VERSACE ในยุคของ Dario Vitale นั้นคงไม่ได้นับถือเมดูซ่าอีกต่อไป...

     ทั้งนี้ หากวิเคราะห์กันในมุมหนึ่งของการตลาด แบรนด์ VERSACE นับเป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่มีการเปลี่ยนมือดีไซเนอร์เพียง 2 คน ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ นั่นคือ Gianni Versace ผู้พี่ กับ Donatella Versace ผู้น้อง และในวันที่แบรนด์ถูกเปลี่ยนมือหลังจากที่เวอร์ซาเซ่ผู้น้องครองบัลลังก์มานาน 3 ทศวรรษต่อจากพี่ชายผู้ล่วงลับ การรีเฟรชแบรนด์ก็นับเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหนึ่งในแพตเทิร์นงการสร้างสรรค์ผลงานของดีไซเนอร์หน้าใหม่ทุกแบรนด์พึงกระทำกันในยุคนี้ก็คือ การอ้างถึงการเคารพดีเอ็นเอของแบรนด์ ด้วยการกลับไปสำรวจประวัติศาสตร์ของแบรนด์และนำกลับมาใช้อีกครั้ง ทว่าสำหรับ VERSACE ที่มีเพียงแค่ 2 ดีเอ็นเอตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์นั้น การจะเลือกเดินหน้าต่อแบบเต็มสูบด้วยดีเอ็นเอของ Donatella Versace ที่เพิ่งวางมือไป (ด้วยปัจจัยสถานการณ์เก้าอีดนตรีโลกแฟชั่นหมุนเปลี่ยนชุลมุน เพราะปัญหาการชะลอตัวการจับจ่ายของหรูหราฟุ่มเฟือย จนทำให้แบรนด์ยอดขายลดฮวบนั้น) ก็อาจจะไม่เข้าข่ายการ “รีเฟรช” แบรนด์มากนัก ดังนั้นตัวเลือกที่เหลืออยู่สำหรับ Dario Versace ก็มีเพียงแค่การคืนชีพยุค Gianni Versace ผู้ก่อตั้งแบรนด์ให้กลับมาอีกครั้ง และดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด เพราะประสบการณ์การทำงานที่แบรนด์ Miu Miu ยาวนานราว 15 ปีนั้น คงสอนเขาเรื่องงานทดลองนอกกรอบ ความกล้าเสี่ยง และการหยิบจับโทนสีสะดุดตาได้มาก ซึ่งตรงกันข้ามกับผลงาน VERSACE ในยุค Donatella Versace ที่เราต่างคุ้นเคย (ซึ่งก็น่ากลัวว่า VERSACE ยุคใหม่จะกลายเป็น MIU MIU ทางเลือกหรือไม่” นั่นเองจึงทำให้คนแฟชั่นที่มีชีวิตอยู่ร่วมกับยุคสมัยของเวอร์ซาเช่ผู้น้องมานานนับ 30 ปี และคุ้นชินกับความเย้ายวนหรูหรา เมดูซ่า และสีเมทัลลิก ต่างปรับอารมณ์กันแทบไม่ทัน

     แต่คำถามหลังจากที่ Dario Vitale เลือกเดินทางนี้ก็คือ...

  • ในปี 2026 นี้ ยังคงมีคนอยากใส่เสื้อผ้าสไตล์ยุค 80’s ที่ถูกถอดแบบออกมาเป๊ะทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้อยู่หรือไม่?  
  • ฐานลูกค้าของ VERSACE ในยุคของ Donatella Versace จะวางตัวเองอยู่ตรงไหนหลังจากนี้?
  • หรือนี่จะเป็นการตลาดใหม่เพื่อจู่โจมคนรุ่นใหม่ที่กำลังเคลื่อนขึ้นมาเป็นกำลังซื้อสำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นยุคใหม่ และไม่ทันได้รู้จัก VERSACE ในยุคแรก ให้หันมาสนใจแบรนด์อิตาเลียนที่ยิ่งใหญ่แบรนด์นี้อีกครั้ง?

     ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร คำพูดปลอบใจจากผู้เขียนเหมือนเช่นเคยก็คือ นี่เป็นเพียงคอลเล็กชั่นแรกเท่านั้น และสิ่งที่จะตัดสินว่า Dario Vitale จะเป็นไปอย่างไรต่อภายใต้ชายคาบ้านหลังใหม่นี้ก็คือกระแสตอบรับจริง หลังจากที่ของวางขายแล้วเท่านั้น บทความนี้ไม่อาจตัดสินอนาคตของดีไซเนอร์คนไหนบนโลกนี้ได้ เพียงทำหน้าที่เป็นท่าที ไม่ตัดสิน และเป็นสีสันของวงการแฟชั่น ที่มักจะมีคนอยู่แค่สองประเภทเท่านั้นก็คือ “คนที่เห็นว่าสิ่งนี้เก๋ขาดใจ ถ้าใครไม่เก็ตก็เชยบรม และออกจากกลุ่มเราไป” กับอีกประเภทที่ว่า “สาบานกับฉันนะ...ว่าหล่อนอยากจะยัดตัวเองลงไปในชุดดีไซน์แบบนี้จริงๆ” แค่นั้น...

ภาพ : Vogue Runway