RUNWAY

SUNNEI เฉลิมฉลอง 10 ปี กับโชว์ที่อาจทำให้ทุกคนแปลกใจเพราะไม่มีกิมมิกหวือหวาเหมือนก่อน

SUNNEI โดย Simone Rizzo และ Loris Messina นำเสนอความลึกซึ้งภายใต้การออกแบบเสื้อผ้าอันจัดจ้าน และยังคงรักษาแนวคิดที่สร้างสรรค์สิ่งที่มากกว่าเสื้อผ้า

‘SUNNEI S/S 2025: The Deeper Gimmick’

ก้าวมาถึงปีที่ 10 สำหรับแบรนด์อย่าง SUNNEI ภาพจำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือโชว์อันเต็มไปด้วยกิมมิก ไม่ว่าใครก็จำป้ายให้คะแนนของผู้ชม การโผลุกจากที่นั่งของนางแบบ หรือจะเป็น ‘Crowd Surfing’ ปลายรันเวย์ได้อย่างแน่นอน ทั้งหมดคือภาพแห่งความจัดจ้านและสร้างสรรค์ในแบบฉบับของ Simone Rizzo และ Loris Messina ดีไซเนอร์คู่ผู้จุดกระแสความไวรัลให้คละคลุ้งไปทั่วโลกแฟชั่นจากจุดตั้งต้น ณ เมืองมิลานแทบทุกครั้ง ใครกันจะลืมกิมมิกชนะใจมหาชนที่เป็นดั่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ นำมาสู่ความคาดหวังและตั้งตารอกับโชว์ฉลองครบรอบทศวรรษที่มาพร้อมการเกริ่นนำว่า “ถ้าเผยความลับก็ไม่ใช่เซอร์ไพรส์”

คำใบ้แรก “เราจะไม่หวนนึกถึง Nostalgia” สะท้อนภาพโชว์ที่ตัดฉากการคาดเดาว่าแบรนด์จะค้นลูกเล่นอะไรมาทำให้สาวกแฟชั่นสายบันเทิงได้ตื่นเต้น แต่แล้วโชว์นี้ก็ไร้วี่แววความหวือหวาเรื่องโชว์ กลับสวนทางด้วยลักษณะรันเวย์ทั่วไป ทุกสายตาได้จับจ้องกับมิติความสร้างสรรค์ที่ใส่ใจเรื่องซิลูเอต พร้อมเน้นย้ำลายเซ็นการใช้สีสดจัดจ้าน ลายสไตรป์ และแรงบันดาลใจจากช่วง 1990s อันเป็นยุคแฟชั่นสุดโปรดของดีไซเนอร์และใครหลายคน

พอโชว์เริ่มไปสักพักทุกคนรู้สึกถึงแคสติ้งที่เปลี่ยนไปทันที เสื้อผ้าของแบรนด์ที่สนุกสนาน แปลกตา และเต็มไปด้วยสีสันกลับถูกสวมใส่โดยนางแบบ-นายแบบรุ่นเดอะ นั่นพาคิดถึงคอนเซปต์โชว์ ‘10 ปีที่รู้สึกเหมือน 100 ปี’ ที่เผยมาตั้งแต่ก่อนเริ่มโชว์ กาลเวลามันทำให้คนแก่เฒ่า แต่สำหรับแฟชั่นมันคงดำเนินไปและต่อประสานความสร้างสรรค์ผ่านยุคสมัยแบบไม่มีวันหยุด ซึ่งซิโมเน่เจาะลึกไปถึงแก่นของ ‘SUNNEI People’ นิยามของคนเหล่านี้ที่อาจเต็มไปด้วยสีสัน ตัวตนชัดเจน รวมถึงความกล้าที่ก้าวออกจากสายธารแห่งคำว่า “เทรนด์” ที่อาจพัดพาคนหมู่มากไปรวมกันโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แน่นอนว่าอายุไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอะไรในสมการของพวกเขา

สำหรับเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นนี้แบรนด์ยังสร้างตัวตนที่ชัดเจนกับการเลือกใช้สีสดชนิดแสบถึงทรวง ลายเส้นพาดขวางที่เสื้อคอวีแสนธรรมดา (แต่เด่นชัดด้วยสีและการสไตลิ่ง) นอกจากความเรียบง่ายของเสื้อผ้าที่มิกซ์แอนด์แมตช์ได้สนุกมือ ยังมีการเน้นย้ำเทคนิค ‘Smock’ ที่ชวนให้นึกถึงเสื้อที่แสนจะธรรมด๊าธรรมดา แต่ถูกทับซ้อนด้วยมุมมองอีกแบบหนึ่ง ตัดสลับกับเสื้อผ้าโอเวอร์ไซซ์ และซิลูเอตยืดยาวผิดสัดส่วน ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นแฟชั่นไอเท็มที่ชวนสงสัยว่ามันจะเก่าหรือใหม่ จะเชยหรือล้ำสมัย จะมั่วซั่วหรือเข้ากัน คำตอบสำหรับคนอื่นคงไม่มีผล เพราะ ‘SUNNEI People’ จะเป็นผู้ตัดสินผลงานในการเฉลิมฉลองครั้งนี้

แม้คอลเล็กชั่นนี้จะมีจำนวนลุคเพียง 30 ลุค ทว่าความหลากหลายและเข้มข้นก็วางเสิร์ฟแบบจัดเต็ม งานศิลปะชิ้นเดิมของแม่ลอริส เมสซิน่าถูกนำมาปรับแต่งจนเกิดเป็นศิลปะ ‘Dystopia’ มันถูกใช้แล้วใช้อีกในโชว์นี้กับชุดแนบเนื้อราวกับผิวหนังชั้นที่ 2 คลุกเคล้าไปกับเสื้อผ้าสีซ้ดสด เสื้อยืดตัวย้าวยาว  ดีเทลกระเป๋าใบจิ๋วคาดเอว และกระเป๋าใบใหญ่ยักษ์ ปิดท้ายด้วย ‘Colour Blocking’ ที่ถูกสอดแทรกมาเป็นองค์ประกอบทวีความจัดจ้าน โดยเฉพาะรองเท้าคอแลบฯ กับ Camper ถ้าจะมองหากิมมิกแบบตรงไปตรงมา คอลเล็กชั่นนี้อาจไม่ได้มอบประสบการณ์แบบที่หวัง ทว่าโมเมนต์การร้อยเรียงเรื่องราวเข้ากับนิยาม ‘SUNNEI People’ พร้อมเล่นกับกาลเวลา การหยอกล้อกับความคาดหวัง และคำใบ้ที่ว่า “ไม่หวนคืนสู่ Nostalgia” คงเป็นจริงแน่ๆ เพราะโชว์กิมมิกจ๋าแบบเดิมๆ (ความทรงจำอันน่าตื่นเต้นของใครหลายคน) สูญสลายไปกับสิ่งเรื่องราวลึกซึ้งภายใต้เสื้อผ้าอันหวือหวาและมิติใหม่ของโชว์ SUNNEI ครั้งนี้ไปแล้วเรียบร้อย...

1 / 31



2 / 31



3 / 31



4 / 31



5 / 31



6 / 31



7 / 31



8 / 31



9 / 31



10 / 31



11 / 31



12 / 31



13 / 31



14 / 31



15 / 31



16 / 31



17 / 31



18 / 31



19 / 31



20 / 31



21 / 31



22 / 31



23 / 31



24 / 31



25 / 31



26 / 31



27 / 31



28 / 31



29 / 31



30 / 31



31 / 31



 

ภาพ: Umberto Fratini / Gorunway.com (Vogue Runway)



WATCH




WATCH

TAGS : SUNNEI