Vogue Thailand

RUNWAY

วิเคราะห์คอลเล็กชั่นเดบิวต์ของ Demna ที่แบรนด์ Gucci ทั้งชาญฉลาดและสมบูรณ์แบบ!

ยุคใหม่ภายใต้เงื้อมเงาการกุมบังเหียนของ Demna ที่ Gucci นั้น แตกต่างจากยุคก่อนอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการแต่งเติมแอดติจูดให้ Gucci กลับมามีชีวิตและบทสนทนาอีกครั้งกับผู้คน ไม่ใช่การหมกมุ่นอยู่กับเพียงแค่การประดิษฐ์โทนสีใหม่ให้กับแบรนด์เท่านั้น

โดย Peeranat Chansakoolnee
24 กันยายน 2568

     หนึ่งในแบรนด์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในช่วงแฟชั่นวีกครั้งประวัติศาสตร์ในซีซั่นนี้ คงหนีไม่พ้น Gucci แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอิตาเลียน ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีอาการร่อแร่เต็มทนจากผลกระทบในช่วงวิกฤตการณ์จับจ่ายใช้สอยสินค้าหรูหราชะลอตัวทั่วโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่าก่อนที่ Milan Fashion Week ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2026 อันเป็นฐานที่มั่นของ Gucci จะเริ่มขึ้นเพียง 36 ชั่วโมง Demna Gvasalia หัวเรือใหญ่คนใหม่ของแบรนด์ที่เพิ่งบอกลา Balenciaga มาหมาดๆ กลับเลือกเดบิวต์ผลงานแรกของเขาภายใต้หลังคาของ Gucci แบบเรียบง่ายและค่อยเป็นค่อยไป (ท่ามกลางข่าวเดบิวต์ของแบรนด์ดังนับสิบแบรนด์ที่พร้อมขึ้นสังเวียนรันเวย์สู้ยิบตาในช่วงสัปดาห์เดียวกันนี้) กับเซ็ตภาพสไตล์ลุคบุ๊คทั้งหมด 37 ลุค (พร้อมไอเท็มชิ้นเด็กอีก 1 ภาพ รวมเป็น 38 ลุค) ภายใต้คอนเซปต์ว่า ‘La Famiglia’ โดยฝีมือการลั่นชัตเตอร์ของ Catherine Opie

     แฟชั่นเซ็ตลุคบุ๊ค La Famiglia หรือ ครอบครัวสมมติกุชชี่ ที่ถูกปล่อยออกมานั้น เป็นดั่งปฐมบทของ Gucci ในยุค Demna เพื่อปูทางไปสู่รันเวย์เดบิวต์อย่างเป็นทางการที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2026 ความน่าสนใจของการสร้างครอบครัวสมมติขึ้นมาในครั้งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่ที่เพียงคาแร็กเตอร์ตัวละครทั้ง 37 ตัว ที่มีแอตติจูดอันจัดจ้านแตกต่างกัน สะท้อนถึงความหลากหลายของผู้คนที่สามารถเข้าถึงแบรนด์ Gucci ยุคใหม่ได้ แต่ยังรวมไปถึงแนวคิดการสร้างหรือวาดภาพฝันของกลุ่มคนที่จะสวมใส่ Gucci ในอนาคตอีกด้วย

     อนาคตที่หมายถึงยุคใหม่ภายใต้เงื้อมเงาการกุมบังเหียนของ Demna ที่แตกต่างจากยุคก่อนอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการแต่งเติมแอดติจูดให้ Gucci กลับมามีชีวิตและบทสนทนาอีกครั้งกับผู้คน ไม่ใช่การหมกมุ่นอยู่กับเพียงแค่การประดิษฐ์โทนสีใหม่ให้กับแบรนด์เท่านั้น

     จากแฟชั่นเซ็ตลุคบุ๊คสู่ภาพยนตร์สั้นเปิดตัวยุคใหม่ของ Gucci แทนที่จะเป็นรันเวย์เหมือนแบรนด์อื่นเขา กลับสร้างเสน่ห์ให้ Gucci ในห้วงแห่งศักราชใหม่ที่ถูกเขียนขึ้นโดย Demna อย่างมาก และนี่เองคือความชาญฉลาดในด้าน Pop-Culture ของดีไซเนอร์คนนี้ โดยภาพยนตร์สั้นดราม่าเข้มข้นดังกล่าวใช้ชื่อว่า THE TIGER ซึ่งได้ผู้กำกับรางวัลออสการ์ Spike Jonze และ Halina Reijn พร้อมนำแสดงโดยดาราระดับแม่เหล็ก ทั้ง Demi Moore, Edward Norton, Keke Palmer, Alia Shawkat, Elliot Page และ Ed Harris ในโททัลลุคจากคอลเล็กชั่นล่าสุด เพื่อสะท้อนให้เห็นและย้ำชัดถึงความหลากหลายของ Gucci Gang ยุคใหม่ และนั่นเองคือการเชื่อมต่อโลกภาพยนตร์และโลกแฟชั่นรวมถึงคัลเจอร์ได้อย่างน่าชื่นชม 

 

     แม้ว่าทั้ง 37 ลุคที่ถูกปล่อยออกมาจะยังฟันธงไม่ได้ชัดเจนนักว่า Demna กำลังเดินเกมไปในทางใดในเรื่องของสไตล์การนำเสนอ เมื่อตัวเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Gucci ไปแล้ว แต่แน่นอนว่าทุกลุคล้วนสะท้อนกลิ่นอายรหัสงานดีไซน์ของ Demna ออกมาได้อย่างกลมกล่อมและชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เดาได้ไม่ยาก”... กระนั้นเมื่อนั่งพิจารณาแต่ละลุคแล้วก็จะพบว่า Demna ไม่ได้ใส่แค่ตัวตนของเขาลงไปจนบดบังอัตลักษณ์ของแบรนด์ แต่ยังได้หยิบยกเอาประวัติศาสตร์อันล้ำค่าและยาวนานของ Gucci กลับมานำเสนอร่วมได้อย่างทันสมัย เฉกเช่นที่ Francesca Bellettini ซีอีโอคนใหม่ล่าสุดของ Gucci ที่เพิ่งถูกแต่งตั้งได้ไม่ถึงสัปดาห์ก่อนการเดบิวต์ครั้งนี้จะเริ่มขึ้น ให้สัมภาษณ์กับ Vogue Runway ไว้ว่า “Gucci มีสองจิตวิญญาณในตัวมันเอง คือมรดกอันล้ำค่าและต้องมีความทันสมัย”

     ในภาพเซ็ตที่ถูกปล่อยออกมานั้นจึงเริ่มต้นด้วยกระเป๋าเดินทางดีไซน์คลาสสิก L’Archetipo ที่สาวกตัวยงของ Gucci รู้จักกันดี เพราะสิ่งนี้คือเหง้าของแบรนด์ที่บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นและเน้นย้ำถึงการเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตกระเป๋าเดินทางของ Guccio Gucci ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์การทำงานที่โรงแรม The Savoy ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับมาเปิดบริษัทของตัวเองที่ฟลอนเรนซ์ ในปี 1921 จนกลายเป็นก้าวแรกของแบรนด์ที่ผ่านร้อนหนาวมาจนถึงตอนนี้

     นอกจากนี้แล้ว หัวเรือใหญ่คนใหม่อย่าง Demna ก็ยังไม่ลืมที่จะหันหลังกลับไปสำรวจประวัติศาสตร์ดีไซเนอร์รุ่นพี่ในยุคต่างๆ ของแบรนด์ พร้อมหยิบยกเอาแรงบันดาลใจจากเหล่าดีไซเนอร์บนหน้าประวัติศาสตร์ Gucci มาปัดฝุ่นและตีความใหม่ แน่นอนว่าชัดเจนที่สุดคือ Tom Ford ผู้ซึ่งเคยพาให้ Gucci ทะยานไปถึงจุดสูงสุดในยุค 90s กับความเซ็กซี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งถูก Demna หยิบมาเป็นส่วนผสมในหลายลุคในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2026 ในแบบของตัวเอง ที่เพิ่มเติมทั้งการเสียดสีและความดิบไม่เป็นทางการลงไป อีกทั้งยังรวมไปถึงกลิ่นอายที่สาวก Gucci หลายคนคิดถึง แต่ไม่อาจหวนคืนอย่างงานดีไซน์ของ Alessandro Michele ที่ยังคงกลายเป็นหนึ่งในอ้างอิงที่ดีไซเนอร์หน้าใหม่ของ Gucci ยังต้องกลับไปสำรวจและนำมาชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง (อาจด้วยประวัติศาสตร์ความสำเร็จสูงสุดที่ Alessandro Michele เคยทำไว้ให้กับ Gucci ในช่วงราวทศวรรษที่ผ่านมา กับการที่เคยสร้างฐานลูกค้าขนาดมหึมาไว้ให้กับแบรนด์ ที่อาจรับประกันความสำเร็จอีกครั้งในวันนี้ วันที่ Gucci ไม่มีโอกาสพลาดเหลือแล้วบนสนามธุรกิจยอดขายบีบคั้น)

     ในเซ็ตภาพนี้เราจึงได้เห็นประวัติศาสตร์ Gucci กลับมาโลดแล่นมากมาย ตั้งแต่กระเป๋ารุ่น Gucci Bamboo ในตำนาน, กระเป๋ารุ่น Jackie 1961 ที่แตกต่างไม่เป็นทางการ, ลวดลาย Web Slide แถบ 3 สีที่คุ้นเคย เรื่อยไปจนถึงลวดลาย Gucci Flora ที่มีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับ Grace Kelly ผู้โด่งดัง หรือแม้แต่งานสูทเทเลอริ่งเนี้ยบกริบก็ตาม ทั้งหมดนั้นถุกสำรวจและเลือกหยิบยกมาผสมผสานกับตัวตนของ Demna ได้อย่างน่าสนใจ เพื่อสร้าง Gucciness หรือ ความเป็นกุชชี่ แบบใหม่ในยุคนี้ ซึ่งนับว่าเป็นความหวังใหม่ของ Gucci ที่เป็นนิมิตหมายอันดี ที่แบรนด์ต้องไปลุ้นกันอีกทีกับกระแสในวันที่ 25 กันยายน 2025 ที่สินค้าทั้งหมดนี้จะถูกวางขายในร้านค้า 10 แห่งทั่วโลกอีกที

    การเดบิวต์ครั้งนี้ของ Demna นับเป็นการเดบิวต์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ครบรอบด้านและฉีกภาพจำ Gucci ยุคก่อนขาดวุ่นวิ่น เริ่มจากปล่อยแฟชั่นเซ็ตลุคบุ๊คไม่หวือหวาแต่อัดแน่นด้วยวิสัยทัศน์งานออกแบบเพื่อปูทางสู่ยุคใหม่ เรื่อยมาสู่การปล่อยภาพยนตร์ขนาดสั้นตอกย้ำความชาญฉลาดด้านคัลเจอร์ของเขาเองเพื่อสร้างบทสนทนากับสาวกกุชชี่ ไปจนถึงงานรอบพรีเมียร์ที่มี Live Mannequin กับโททัลลุคบนตัวของนางแบบนายแบบและแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่เข้าร่วมงาน แทนการจัดโชว์รันเวย์ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ถูกวางหมากมาแล้วอย่างรอบคอบและสมบูรณ์แบบเพื่อดึงเอา "จิตวิญญาณ" ที่หายไปหลายปีกลับมาสู่แบรนด์ Gucci อีกครั้ง

     

ภาพ : Vogue Runway (Courtesy of Gucci)
วิเคราะห์คอลเล็กชั่นเดบิวต์ของ Demna ที่แบรนด์ Gucci ทั้งชาญฉลาดและสมบูรณ์แบบ!