เปิดเรื่องราว Bar Hemingway สุดยอดบาร์ที่ถูกเปลี่ยนชื่อในวันที่ Ritz Paris ตกต่ำสุดขีด
จากชื่อแสนเรียบง่ายของบาร์ในโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่าหรูหราและยอดเยี่ยมที่สุดในโลก สู่ชื่อบาร์ที่มีเอกลักษณ์และถูกจดจำมากที่สุดจนกลายเป็นสถานที่แสนไอคอนิก
Ritz Paris ชื่อนี้คงเป็นจุดมุ่งหมายในฝันของใครหลายคน โรงแรมแห่งนี้เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์และมนต์เสน่ห์แห่งความหรูหราที่ชวนให้อยากลองสัมผัสประสบการณ์อันเหนือระดับสักครั้งในชีวิต ซึ่งนอกจากห้องพักหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ห้องเดี่ยวระดับซูพีเรียร์ทั่วไป เรื่อยไปจนถึงห้องสวีตแล้ว โรงแรมแห่งนี้ยังมีสถานที่สำคัญที่ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นสถานที่ไอคอนิก ไม่ว่าจะเป็นส่วนเบเกอรี่ที่รังสรรค์ขนมชั้นยอดเสิร์ฟมาหลายทศวรรษ และที่เราจะพูดถึงวันนี้คือบาร์ค็อกเทลที่ถูกยอมรับว่าเป็นสุดยอดบาร์ที่ยอดเยี่ยมและทรงคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
บรรยากาศ ณ Bar Hemingway ที่ได้ชื่อว่าคลาสสิกและรักษาความดั้งเดิมไว้ได้ยอดเยี่ยมที่สุด / ภาพ: Ritz Paris
บาร์ที่เราจะพูดถึงวันนี้คือ Bar Hemingway จุดเริ่มต้นสำคัญคือแรกเริ่มเดิมทีบาร์แห่งนี้ไม่ได้มีชื่อเรียกเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ ทว่ามีชื่ออย่างเรียบง่ายว่า “Little Bar” ทว่าช่วงแรกการสร้างบาร์สำหรับผู้ชายคือจุดประสงค์หลักตามธรรมเนียมปฏิบัติทางสังคม เพราะผู้หญิงโดนจำกัดสิทธิ์ในการดื่ม จนกระทั่งในช่วงหลังกฎระเบียบทางสังคมเริ่มได้รับการผ่อนปรนมากขึ้น โรงแรมแห่งนี้จึงเป็นโรงแรมแรกๆ ที่เปิดบาร์สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะในชื่อ “Le Petit Bar” ให้บริการสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ และในที่สุดก็ผสานรวมจนเกิดเป็นบาร์ที่ทำให้ผู้ชายและผู้หญิงสามารถเสพความสุขในการนั่งดื่มร่วมกันได้
มุมของ Bar Hemingway ที่ตกแต่งด้วยภาพถ่ายของ Ernest Hemingway เพื่อสดุดีเป็นเกียรติแด่เจ้าของชื่อผู้เป็นแขกคนสำคัญของ Ritz Paris เสมอมา / ภาพ: Ritz Paris
ตำนาน “Le Petit Bar” อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะในหน้าประวัติศาสตร์จะเห็นว่า Ritz Paris ก็มียุคตกต่ำเช่นกัน จากโรงแรมสุดหรูที่สร้างรายได้มหาศาล แปรเปลี่ยนเป็นธุรกิจที่เริ่มขาดทุนอย่างเป็นประจักษ์ สาเหตุเพราะการเสียชีวิตของ Charles Ritz ลูกชายผู้ก่อตั้ง และนำมาสู่ช่วงยุคอันมืดมิด จนกระทั่ง Mohamed Al-Fayed นักธุรกิจชาวอียิปต์เข้ามาซื้อกิจการด้วยทุนเพียง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระบบบริหารไปจนถึงการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่โดยไม่ปิดให้บริการ และที่สำคัญคือบาร์หลักของโรงแรมถูกเปลี่ยนชื่อจาก “Little Bar” หรือ “Le Petit Bar” ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Bar Hemingway” ตามชื่อของแขกคนสำคัญอย่าง Ernest Hemingway นักเขียนผู้ใช้เวลาเสพสมประสบการณ์เหนือระดับ ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลานาน
WATCH
เมนูของ Bar Hemingway เมื่อปี 2012 ก่อนโรงแรมจะปิดปรับปรุงนานร่วม 4 ปี / ภาพ: Ritz Paris
ชื่อที่เปลี่ยนไปมาพร้อมหน้าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ด้วยชื่อดังกล่าวสามารถดึงดูดแขกผู้เข้าพักและนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรปจำนวนมาก มันกลายเป็นดั่งสัญลักษณ์สำคัญของโรงแรมแห่งนี้ เมื่อพูดถึงชื่อ “Ritz Paris” เชื่อว่าแทบทุกคนจะต้องนึกถึงบาร์แห่งนี้อย่างแน่นอน แม้เจ้าของชื่อจะเสียชีวิตและไม่ได้เข้าใช้บริการบาร์ในชื่อตนเอง ทว่าเขาก็เป็นแขกประจำที่ใช้บริการบาร์นี้มาแต่ดั้งแต่เดิม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันบาร์แห่งนี้รักษามนต์เสน่ห์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งบรรยากาศ การตกแต่ง และค็อกเทลคุณภาพระดับพรีเมียมที่ยากจะหาจากที่บาร์แห่งใดบนโลกนี้
ค็อกเทล Serendipity กำลังถูกบรรจงเทลงแก้วโดยผู้รังสรรค์และคิดค้นอย่าง Colin Peter Fields บาร์เทนเดอร์ระดับตำนานคนปัจจุบันของ Ritz Paris / ภาพ: Ritz Paris
บาร์แห่งนี้สร้างประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวงการค็อกเทลแม้จะไม่ได้เป็นบาร์ผู้คิดค้นเครื่องดื่มคลาสสิกมากนัก มีเพียง Serendipity ที่ถือเป็นค็อกเทลชั้นยอดที่ถือกำเนิดจากบาร์แห่งนี้อย่างเป็นทางการ ทว่าบาร์แห่งนี้ก็มีชื่อในการชงค็อกเทลคลาสสิกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dry Martini ที่เป็นตัวชูโรง อีกทั้งยังเป็นบาร์ที่ทำให้ Grand Marnier โด่งดังและมีชื่อเสียง และตอนนี้มันก็ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในการชงค็อกเทลของบาร์แห่งนี้อยู่เสมอ จากจุดตกต่ำของโรงแรม บาร์แห่งนี้ที่ถูกเปลี่ยนชื่อเหมือนเป็นหมุดบันทึกถึงการฟื้นตัวและกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
Frank Meier อดีตหัวหน้าบาร์เทนเดอร์คนสำคัญของ Ritz Paris ผู้คิดค้นเครื่องดื่ม Ritz Sidecar อันเลอค่า / ภาพ: Ritz Paris
สุดยอดบาร์ต้องมาพพร้อมสุดยอดเครื่องดื่มชั้นยอด ซึ่งเครื่องดื่มที่รังสรรค์โดย Frank Meier สุดยอดบาร์เทนเดอร์ระดับตำนานคิดค้นเครื่องดื่มชื่อ “Ritz Sidecar” ในปี 1923 ที่ดัดแปลงจากค็อกเทลคลาสสิกอย่าง “Sidecar” ที่ประกอบด้วยเหล้าส้มเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งสูตรของคอลินประกอบด้วย Ritz Fine Champagne 1865 Cognac 5 ส่วน, Cointreau 3 ส่วน และน้ำมะนาว 2 ส่วน ด้วยวัตถุดิบหายาก มาพร้อมกับการบริการเสิร์ฟในบาร์เลื่องชื่อแห่งนี้ทำให้ค็อกเทลซิกเนเจอร์สนนราคาสูงถึง 1,500 ยูโร และขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่แพงที่สุดในโลก
จากเรื่องราวทั้งหมดสะท้อนภาพความหรูหราและบันทึกประวัติศาสตร์อันเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ของ Ritz Paris บอกเล่าผ่านบาร์อันเลื่องชื่อที่เป็นดั่งสัญญะบอกเกี่ยวกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงประเด็นด้านธุรกิจที่ต่อยอดเรื่องราวด้วยชื่อ “Bar Hemingway” อันเป็นเอกลักษณ์ แทนที่บาร์ในตำนานที่เคยใช้ชื่ออย่างเรียบง่ายในอดีต
WATCH