ตามดู 3 เซเลบฯ ไทยตะลุย 10 สิ่งที่ต้องทำเมื่อไปเมือง Reim ก่อนมุ่งหน้าสู่งานเทศกาลหนังเมืองคานส์!

ณ เวลานี้สิ่งที่ดูฮอตที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่จัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 72 ในขณะที่เหล่าเซเลบริตี้ทั่วทุกสารทิศตบเท้าเข้าร่วมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แน่นอนว่าประเทศไทยเราเองก็ไม่พลาดเช่นเดียวกันที่จะส่งตัวแทนสุดเริ่ดไปกระทบไหล่ดาราชั้นนำระดับโลก โดยงานนี้แบรนด์ลักซ์ชัวรี่แชมเปญอย่าง Piper-Heidsieck ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับคานส์ปีนี้ได้จับมือร่วมกับดีไซเนอร์มากความสามารถอย่างหมู-อาซาว่า สร้างสรรค์ผลงานดีไซน์ขวดแชมเปญรุ่น Limited Edition พร้อมเนรมิตชุด Red Carpet ให้กับแบรนด์แอมบาสเดอร์สาวสุดชิคอย่างนักแสดงสาวตาโตซาร่า เล็กจ์ และนางแบบสุดฮอตโยเกิร์ต-ณัฐฐชาช์ ที่ได้โอกาสร่วมเดินพรมแดงของงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ในครั้งนี้อีกด้วย

 

แต่ก่อนที่จะเริ่มภารกิจกันเซเลบฯ ทั้ง 3 คนขอพาแฟนๆ โว้กชาวไทยไปเปิดหูเปิดตาเที่ยวชมบรรยากาศสวยงาม และประวัติศาสตร์ของเมือง Reims ต้นกำเนิดแชมเปญระดับโลกของไพเพอร์ ไฮด์ซีค กันก่อนที่จะมุ่งหน้าลงทางใต้ของฝรั่งเศสที่ที่ Cannes รออยู่ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นตอนนี้ตามไปดู 10 สิ่งที่เหล่าเซเลบฯ ทั้ง 3 พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวที่เมือง Reim

Charles Heidsieck Crayeres (ถ้ำหินชาร์ลส์ ไฮซีค)

เริ่มด้วยที่แรกกับ ชาร์ลส์ ไฮซีค คราแยรส์ เป็นเซลล่าร์ถ้ำหินชอล์กที่ใช้เก็บบ่มแชมเปญของ ชาร์ลส์ ไฮด์ซีค ที่มีอายุกว่า 2 พันปี สร้างขึ้นในยุคโกล-โรมัน ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย โดย “คราแยรส์” แห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ดินถึง 30 เมตร มีอุณหภูมิคงที่ 10 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี มีความยาวร่วม 8 กิโลเมตร มีแชมเปญที่กำลังบ่มอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้หลายล้ายขวดด้วยกัน โดยจะใช้เวลาในการบ่มอย่างน้อย 4 ปี เพื่อให้มีกลิ่นและรสชาติที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นโรงบ่มธรรมชาติที่สร้างสรรค์แชมเปญชั้นเลิศอย่างแท้จริง

Cathedral of Reims (อาสนวิหารแร็งส์)

เซเลบฯ ทั้ง 3 เดินหน้าชื่นชมสถาปัตยกรรมกันต่อที่อาสนวิหารแร็งส์ เมืองแร็งส์ อันเป็นอาสนวิหารสำคัญของเมืองแร็งส์และเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส โดยพระเจ้าโคลวิสที่ 1 ผู้ถือกันว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกของฝรั่งเศสได้ทำพิธีรับศีลจุ่มจากนักบุญเรมี บาทหลวงของเมืองแร็งส์ในปีค.ศ. 496 อาสนวิหารปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่บนอาสนวิหารเดิมที่ถูกเพลิงไหม้เมื่อ ค.ศ. 1211 ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์ถึง 33 องค์ ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1991

Palace of Tau (พระราชวังโต)

ต่อกันที่อีกหนึ่งสถานที่ประวัติศาสตร์ของแร็งส์ อย่างพระราชวังโต ในอดีตเคยเป็นที่พำนักของอาร์คบิชอปแห่งแร็งส์ เป็นสถานที่ในการพำนักของกษัตริย์ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีบรมราชาภิเษกซึ่งจะจัดขึ้นใน อาสนวิหารแร็งส์ และเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงพิธีพระราชาภิเษก พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1498 - 1509 และเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในปี 1972 ต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1991  ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงเที่ยวกับทรัพย์สมบัติ รูปปั้น และชุดพระราชพิธีราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ของฝรั่งเศส

Vesle Canal (คลองเวส)

พักความสวยงามจากมนุษย์สร้างอย่างพระราชวังและอาสนวิหาร หนุ่มสาวทั้ง 3 ขอมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติที่คลองเวส (Vesle Canal) ที่ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและความสงบ เนื่องจากเมืองแร็งส์มีสวนค่อนข้างน้อยดังนั้นคลองเวสจึงถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่พร้อมใจกันมาพักผ่อน เดินเล่น และหาความสงบ

 Reims Ham (แฮมจากร้าน Boucherie Brezillon)

แน่นอนว่าเมืองแร็งส์ไม่ได้ขึ้นชื่อแค่เรื่องของแชมเปญเพียงอย่างเดียว เพราะแฮมเองก็มีชื่อเสียงไม่น้อย โดยแฮมที่นี้มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากแฮมของที่อื่น และแน่นอนว่าหนึ่งในร้านขายแฮมชื่อดังที่ต้องแวะมาให้ได้เมื่อมาถึงแร็งส์ก็คือร้าน Boucherie Brezillon เอกลักษณ์ของแฮมร้านนี้คือมันจะถูกปรุงด้วยเครื่องเทศต่างๆ แล้วเคลือบด้วยเกล็ดขนมปังสีเหลือง ก่อนถูกอัดเข้าในบล็อกสี่เหลี่ยมหรือทรงกระบอก เป็นแฮมที่ปรุงแต่งน้อยแต่ให้รสชาติที่ยอดเยี่ยม

Champagne Biscuit at Maison Dallet (ขนมบิสกิตจากร้าน Maison Dallet)

อีกหนึ่งสิ่งที่ห้ามพลาดต้องลิ้มลองให้ได้ในเมืองแร็งส์ก็คือ โรเซ่บิสกิตจุ่มแชมเปญ โดยบิสกิตสีชมพูนี้ได้รับการสืบทอดมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ซึ่งร้านบิสกิตที่โด่งดังที่สุดในแร็งส์ก็คือ Maison Dallet ร้านเบเกอรี่สุดน่ารักที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่บิสกิตนี้เท่านั้น หากยังมีขนมมาการองและเค้กที่อร่อยนุ่มลิ้นไม่แพ้กัน โดยเคล็ดลับความอร่อยของเจ้าบิสกิตสีชมพูนี้อยู่ที่ การจุ่มมันลงในของเหลวเพื่อเพิ่มรสชาติ และส่วนใหญ่ชาวเมืองก็จะนิยมจุ่มในแชมเปญหรือไวน์แดง

Centre Erlon shopping (ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์)

พักยกจากการดื่มด่ำสถาปัตยกรรมมาช้อปปิ้งกันบ้าง Centre Erlon เป็นย่านช็อปปิ้งสุดหรูใจกลางเมืองของแร็งส์ ที่นี่มีร้านค้าและร้านบูติกมากมายรวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ยังมีบาร์รวมทั้งร้านอาหารคอยบริการนักท่องเที่ยว บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งของฝากอีกมากมายเลยด้วย

Art Deco Building in Reims (สถาปัตยกรรมแบบอาร์ตเดคโค)

มาชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมอาร์ตเดคโคกันบ้าง กับสิ่งปลูกสร้างในแร็งส์ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากการถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พร้อมๆ กับการพัฒนาเมือง ซึ่งเป็นช่วงที่อาร์ตเดคโคกำลังเฟื่องฟู ทำให้ภายในเมืองแร็งค์เต็มไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมอาร์ตเดคโค มีอาคารและสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นกว่า 6,500 รายการ ที่โดดเด่นได้แก่ Carnegie Library of Reims และ Villa Domoiselle

Vineyard at Royal Champagne (ไร่ไวน์ของไพเพอร์ ไฮด์ซีค)

อีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ ก็คือไร่ไวน์ ของไพเพอร์ ไฮด์ซีค แชมเปญแบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งก่อตั้งในปี คศ.1785 ซึ่งในอดีตเป็นแชมเปญที่ได้รับความนิยมในราชวงศ์และชนชั้นสูงในฝรั่งเศส และเป็นแชมเปญโปรดของพระนางมารี อองตัวเน็ตดัง ไวน์เนอรี่แห่งนี้ เปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายได้เข้าชมไร่องุ่น พร้อมชมวิธีการผลิตที่สุดของแชมเปญของโลก รวมทั้งเปิดให้ชม “ถังบ่มรีเสิร์ฟไวน์” ที่ได้จากองุ่นในปีการผลิตที่ดีที่สุดซึ่งมีอยู่เพียง 15 ถังเท่านั้น ซึ่งทาง ไพเพอร์ ไฮด์ซีค ได้เก็บรักษาไว้สำหรับผลิตไวน์ขวดพิเศษอีกด้วย

Bar at Continental (บาร์ในโรงแรมคอนติเนนตัล)

ตบท้ายทริปเที่ยวในเมืองแร็งส์ด้วยการดื่มด่ำกับแชมเปญและอาหารมื้อพิเศษพร้อมชมวิวแบบ 360 องศาของเมืองที่บาร์ในโรงแรม Continental โรงแรมสุดหรูตั้งอยู่ใจกลางเมือง คอนติเนนตัลเป็นแมนชั่นเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และเปลี่ยนเป็นโรงแรมในปี 1880 โดยยังคงรักษามนต์เสน่ห์ของสิ่งปลูกสร้างในศตวรรษที่ 19 ที่ทำจากหินเอาไว้ได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว

 

จบทริปพาแฟนโว้กเที่ยวที่เมืองแร็งส์ ประเทศฝรั่งเศสไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ภารกิจของเซเลบฯ ทั้ง 3 ยังพึ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น แฟนๆ เตรียมตัวรอเช็คหน้าฟีดข่าวทางโซเชียลมิเดียของโว้กไทยแลนด์ไว้ได้เลย เพราะ Next station is CANNES!

 

เครดิตภาพ: kulsineetida Uthaipone