ย้อนรอยพัฒนาการของ “ญาญ่า-อุรัสยา” บนเส้นทางสายภาพยนตร์ที่พิสูจน์ความสามารถด้านการแสดง
การพลิกบทบาทจากตัวละครหนึ่งไปสู่ตัวละครหนึ่งที่เป็นโจทย์ยากของเหล่านักแสดง แต่ญาญ่ากลับสร้างคาแร็กเตอร์อันแข็งแกร่งได้อย่างไร้ที่ติ
เส้นทางชีวิตนักแสดงของ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” โดดเด่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานละครที่ทำให้แฟนคลับหลงรัก สำหรับเส้นทางสายภาพยนตร์ญาญ่าอาจไม่ใช่นักแสดงหญิงที่ปรากฏตัวบนจอเงินบ่อยครั้งนัก ทว่าการปรากฏตัวแต่ละครั้งก็ดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย และภาพยนตร์ผลงานการแสดงของเธอแต่ละเรื่องก็กลายเป็นผลงานยอดฮิตที่มีคิวฉายหนาตาในทุกโรงภาพยนตร์ อีกทั้งยังถือเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จในวงการภาพยนตร์อย่างรวดเร็ว วันนี้โว้กจะไปย้อนชมพัฒนาการของญาญ่าว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เธอสร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการภาพยนตร์ด้วยคาแร็กเตอร์แบบใดบ้าง
ฉากจากภาพยนตร์เรื่อง น้อง.พี่.ที่รัก / ภาพ: Sanook
ขณะที่ Fast and Feel Love ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดกำลังสร้างกระแสอย่างล้นหลามในปี 2565 ทำให้เราอยากชวนทุกคนกลับไปย้อนความทรงจำแรกของญาญ่าบนแผ่นฟิล์มเมื่อปี 2561 เธอเริ่มก้าวเดินบนถนนเส้นนี้ในฐานะมือใหม่(แห่งวงการภาพยนตร์ แต่เป็นมือเก๋าในวงการละครโทรทัศน์) กับเรื่อง “น้อง.พี่.ที่รัก” กำกับโดย วิทยา ทองอยู่ยง การจับคู่กับพระเอกลูกครึ่งอย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ยิ่งสร้างความคาดหวังให้กับเหล่าผู้ชมว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะต้องอัดแน่นไปด้วยลีลาการแสดงระดับสูง อีกทั้งยังมีซูเปอร์สตาร์อดีตศิลปินเคป๊อปสัญชาติไทยอย่าง นิชคุณ หรเวชกุล มาร่วมทัพนักแสดงด้วยยิ่งทำให้แฟนคลับจดจ่ออยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด
ฉากจากภาพยนตร์เรื่อง น้อง.พี่.ที่รัก / ภาพ: GDH 559
ญาญ่ารับบทเจน น้องสาวของชัช (รับบทโดย ซันนี่) โดยเนื้อเรื่องบอกเล่าถึงความสัมพันธ์พี่น้องที่ไม่ราบรื่นนัก และทั้งคู่ก็ดูจะมีอุปนิสัย รวมถึงแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สำหรับญาญ่าการรับบทเจนถือเป็นความท้าทายที่ผู้ชมเฝ้ารอ เธอนำเสนอบทบาทน้องสาวที่เพียบพร้อมได้อย่างไร้ที่ติ การแสดงที่ให้ผู้ชมสัมผัสถึงแง่มุมความเก่งกาจ อ่อนไหวต่อความรู้สึก และการเป็นปฏิปักษ์ต่อพี่ชายตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ห้วงเวลาแห่งความรักเองก็ถูกขัดขวางจากอุปสรรคต่างๆ รวมถึงพี่ชายตัวแสบด้วย วิธีการที่ญาญ่านำเสนอดูมีมิติความเป็นมนุษย์จริงๆ ทุกอารมณ์เป็นเหมือนความรู้สึกเบื้องลึกที่ส่งออกมาผ่านตัวละคร เสน่ห์ที่สำคัญคือความน่ารักแก่นกวนที่ชวนผู้ชมอมยิ้มได้เสมอ แม้บทเจนจะไม่ใช่บทที่ต้องบีบคั้นอารมณ์ขั้นสุด แต่การแสดงให้เป็นธรรมชาติที่สุดคือโจทย์สำคัญ และญาญ่าก็สอบผ่านฉลุย ช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเปิดตัวด้วยรายได้กว่า 13.3 ล้านบาท ก่อนจะจบยอดรวมที่ 146.86 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์อันดับ 14 ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทย
WATCH
ฉากจากภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ / ภาพ: Sanook
หลังจากประสบการณ์ความสำเร็จอย่างมากกับภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 2561 เธอก็ไม่หยุดพัฒนาและร่วมแสดงภาพยนตร์ต่อเนื่องในปีเดียวกันกับภาพยนตร์เรื่อง “นาคี ๒” กำกับโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ด้วยการเป็นภาคต่อจากละครโทรทัศน์ยอดนิยม ญาญ่าต้องแบกรับความกดดันในการรับบทนาคน้อยในเรื่องนี้ ความท้าทายสำคัญคือเธอต้องรับบทเป็นสาวบ้านป่าในดินแดนภาคอีสาน ดังนั้นการจะหล่อหลอมคาแร็กเตอร์ออกมาให้ดูสมกับเบื้องหลังตัวละครจะต้องฝึกพูดภาษาอีสานและเรียนรู้วัฒนธรรมหลายด้าน สาวบ้านป่าคนนี้ฝึกพูดภาษาอีสานทั้งในจอและนอกจออย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาความคุ้นชิน อีกทั้งยังจดจำวิธีการแต่งกายด้วยผ้าซิ่นอย่างละเอียด ด้วยความใส่ใจตรงนี้ทำให้ญาญ่าสามารถถ่ายทอดตัวตนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ฉากจากภาพยนตร์เรื่อง นาคี ๒ / ภาพ: M Pictures
ญาญ่าเพิ่งสร้างสถิติกับการเปิดตัวด้วยรายได้ 13.3 ล้านบาท สูงที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2561 ไปได้ในช่วงต้นปี ปลายปีกับ “นาคี ๒” เธอสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการทำลายสถิติเดิมด้วยตัวเลขสูงถึง 17.77 ล้านบาท อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งอันดับ 8 ภาพยนตร์ไทยที่มีรายได้เปิดตัวสูงสุดตลอดกาล และมีรายได้รวมตลอดการเข้าฉายนั้นอยู่ที่ 417.55 ล้านบาทเลยทีเดียว เรียกว่าแม้เธอจะเพิ่งแสดงภาพยนตร์เป็นเรื่องที่ 2 แต่นักแสดงสาวคนนี้ก็มีส่วนสำคัญพาผลงานของเธอขึ้นสู่ระดับท็อปของประเทศ 2 เรื่องติด จากที่หลายคนเคยกังวลว่าญาญ่าจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ยอดเยี่ยมเฉกเช่นละครโทรทัศน์หรือไม่ แต่หลังจากภาพยนตร์ 2 เรื่องนี้เข้าฉาย ก็การันตีได้ทันทีว่าเธอคือดาวเด่นที่สามารถฉายแสงได้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ในบทบาทเจ จากภาพยนตร์เรื่อง Fast and Feel Love / ภาพ: Nawapol Thamrongrattanarit (FB)
ก้าวข้ามมาถึงปี 2565 ดูเหมือนว่าญาญ่าจะห่างหายจากวงการภาพยนตร์จนแฟนๆ คิดถึงไม่น้อย เธอกลับมาพร้อมกับผลงาน “Fast and Feel Love” ผลงานการกำกับของ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ โจทย์สำคัญที่เต๋อต้องไขรหัสว่าญาญ่าจะมีลุคแบบไหนในภาพยนตร์เรื่องนี้ สิ่งแรกที่ผุดเข้ามาในหัวคือเท่แบบไม่ตั้งใจเท่ และดูแก่กว่าตัวจริง ตัวละครเจที่ญาญ่ารับบทถูกลองปรุงแต่งไปมาหลายครั้ง จนสุดท้ายมาจบกับลุครวบผมพร้อมใส่แว่นที่บังเอิญเห็นตอนนั้นพอดี เต๋อถึงกับนิยามว่า “เราได้นาตาลี พอร์ตแมนมาอยู่ในหนังว่ะ” และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ทุกคนเห็นภาพว่าเจกับญาญ่าไม่ใช่คนๆ เดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ตัวละครในภาพยนตร์ดูแข็งแกร่งและไม่ถูกยึดโยงอยู่กับภาพลักษณ์นักแสดง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าญาญ่ามีตัวตนที่แข็งแกร่งในโลกความจริง ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างคาแร็กเตอร์ที่แข็งแกร่งให้ตัวละครได้ในโลกภาพยนตร์เช่นกัน
ฉากจากภาพยนตร์เรื่อง Fast and Feel Love / ภาพ: Atime
ญาญ่าในบทบาทของเจอาจจะทำให้ทุกคนหวนนึกถึงเจนอีกครั้ง ต้องบอกว่าถึงเนื้อเรื่องและการเล่าของเต๋อในครั้งนี้จะไม่เหมือนกับภาพยนตร์เรื่องแรกของญาญ่าเสียทีเดียว แต่ตัวละครเจที่เต็มไปด้วยความกวนชวนขำ แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของความเท่และน่ารัก สิ่งนี้ช่างชวนเราหวนกลับไปนึกถึงภาพจำแรกของญาญ่าบนเส้นทางภาพยนตร์เสียจริง แต่ที่เต๋อดึงศักยภาพของญาญ่าในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดได้อย่างเต็มที่คือจุดสมดุลและการพัฒนาของตัวละคร เพิ่มเติมการล้อเลียนเสียดสีที่ญาญ่าตอบโจทย์ตรงนี้ของเต๋อได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ปี 2561 มาจนถึงตอนนี้ญาญ่าก็พิสูจน์แล้วว่าเธอคือนักแสดงตัวจริงที่สามารถนำเสนอผลงานคุณภาพเสมอมา
WATCH