LIFESTYLE
ตีแผ่ประเด็นสวี เจียววิจารณ์ลิซ่า สะท้อนการฉุดรั้งเรื่องความเท่าเทียมจากผู้หญิงด้วยกันประเด็นร้อนกับการแสดงคาบาเรต์ Crazy Horse Paris ของลิซ่า กลายเป็นเรื่องถกเถียงและถูกวิพากษ์วิจารณ์จนสามารถวิเคราะห์ในเชิงสังคมวิทยา |
ร่างกายของผู้หญิงมักถูกเชื่อมโยงกับคำว่า “วัตถุทางเพศ” อยู่บ่อยครั้ง จากรากฐานทางประวัติศาสตร์จะเห็นว่าผู้หญิงอันเป็นเพศที่ถูกกดขี่มาตามแต่ละยุคสมัยและแต่ละพื้นที่ ความเซ็กซี่เย้ายวนจึงเหมือนฉากหน้าที่ถูกฉกฉวยเพื่อเป็นเครื่องมือแห่งความสำราญของผู้ชาย ดังนั้นเมื่อโลกมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในเชิงความเท่าเทียม ชุดความคิดเกี่ยวกับการสร้างให้ผู้หญิงกลายเป็นวัตถุทางเพศจึงควรหมดไป และความมั่นใจเกี่ยวกับรูปร่าง การแสดงออก หรือแม้แต่ความต้องการเผยเรือนร่างจึงไม่ควรถูกมองในแง่ลบอีกต่อไป ทว่าอุปสรรคบางครั้งไม่ได้มาจากเพศตรงข้ามเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะผู้หญิงด้วยกันมีชุดความคิดที่ขัดขวางการเจริญเติบโตทางวัฒนธรรมเช่นนี้ไม่น้อย
สวี เจียว นักแสดงจีนชื่อดัง ผู้เคยแสดงเป็นลูกชายของโจวซิงฉือเรื่อง CJ7 คนเล็กของเล่นใหญ่ เมื่อปี 2008 และแสดงเป็นพี่สาวของจ้าวลู่ซือในซีรี่ส์ ดาราจักรรักลำนำใจ (Love Like the Galaxy) ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการแสดงคาบาเรต์ Crazy Horse ณ กรุงปารีส ของ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล สมาชิกคนไทยแห่งวง BLACKPINK โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องการทำให้ผู้หญิงทำงานถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ สาเหตุมาจากการแสดงเพลง “Crisis? What Crisis?” ที่ศิลปินชาวไทยปรากฏตัวในลุคเสื้อเชิ้ตขาว กระโปรงสั้นสีดำ ผูกเนกไท และสวมแว่นตา มาพร้อมท่าทางการปลดเปลื้องผ้าหลังเผชิญวิกฤติเรื่องหุ้นเพื่อปลดปล่อยจนเหลือชุดชั้นในนำเสนอความเซ็กซี่เย้ายวนเต็มที่
Alain Bernardin ผู้หลงใหลในความเย้ายวนเชิงศิลปะการแสดงที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องเพศ / ภาพ: Crazy Horse
เมื่อเธอออกมาพูดเช่นนี้ทำให้เกิดประเด็นน่าสนใจมากมาย ไม่ว่ามุมมองความคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศอันผูกโยงกับอาชีพการงาน มันสะท้อนภาพแห่งความไม่เท่าเทียม ไม่ใช่เพียงเรื่องเพศ แต่รวมถึงข้อจำกัดของอาชีพการงานที่ถูกยึดโยงกับมาตรวัดความเหมาะสมที่ล่องลอยอยู่เสมอ ผู้หญิงทำงานในสังคมอาจเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ข้อจำกัดต่างๆ มากมาย รวมถึงชุดความคิดที่ตีกรอบไว้ว่าผู้หญิงทำงานต้องมีลักษณะแบบใด และอะไรที่ไม่ควรทำหรือแสดงออกหากเป็นคนทำงานอาชีพต่างๆ ทว่าโลกยุคใหม่เปิดกว้างเรื่องมิติเบื้องหน้าและเบื้องหลังของบุคคลมากกว่านั้น คนเรามีหลากมิติกว่าแค่ฉากหน้า บางครั้งเรื่องราวฉากหลังก็ถูกนำเสนอออกมา การปลดปล่อยด้วยวิธีเปลื้องผ้าก็ไม่ต่างอะไรกับการไปพักผ่อนริมทะเลของอาชีพหนึ่งแล้วอวดโฉมเรือนร่างเย้ายวนเช่นกัน ดังนั้นเรื่องราวของหญิงสาวที่ตรากตรำทำงานในชุดเรียบง่ายที่จะปลดปล่อยตัวเองด้วยความโป๊เปลือยก็ไม่ควรถูกมองเป็นเรื่องเกินเลย เพราะสิ่งนี้ไม่ถูกสร้างเพื่อเร้าอารมณ์ใคร แต่นำเสนอในแง่ศิลปะการแสดง หรือในอีกทางหนึ่งถ้าเป็นภาพยนตร์จะเห็นว่าตัวละครอาจใช้วิธีนี้ปลดปล่อยอาชีพจากความตึงเครียดที่เผชิญมาได้เช่นกัน
รูปแบบการตีความของวิธีปลดปล่อยอารมณ์ผ่านการปลดเปลื้องเสื้อผ้าถูกนำเสนอผ่านแนวคิดของ Alain Bernardin ที่มองการแสดงความวาบหวิวเป็นศิลปะ ซึ่งถ้ามองเป็นศิลปะจะเห็นการสื่ออารมณ์อย่างเข้มข้นพร้อมกับดึงเอาเสน่ห์ของความเป็นธรรมชาติในตัวมนุษย์ออกมาได้อย่างน่าสนใจ หากจะเปรียบเปรยก็อาจเปรียบได้กับเนื้อเพลง NXDE ของวง (G)I-DLE ว่า “I’m born nude, and you’re the pervert” ตีความหมายได้ว่าเพราะทุกคนเกิดมาล้วนเปลือยเปล่าแต่มุมมองจากคนอื่นที่ทะลึ่งมุ่งไปทางเรื่องเพศทำให้การเผยเรือนร่างมันสกปรกเสียอย่างนั้น และยิ่งเมื่อนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องการงานอาชีพก็เช่นกัน เพราะถ้าความคิดมันผูกโยงการเปลื้องผ้าเข้ากับภาพลักษณ์คนทำงาน กฎเกณฑ์เหล่านั้นก็จะบีบรัดจนทำให้เรื่องเย้ายวนผ่านการเปิดเผยเรือนร่างประกอบท่าทางเป็นเรื่องไม่เหมาะสมทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่คนในสังคมนิยามขึ้นมาเอง
ลิซ่าโพสต์ภาพ ณ Crazy Horse Paris ก่อนถึงคิวแสดงที่ทำให้ทุกคนตื่นตาตื่นใจ / ภาพ: @lalalalisa_m
หากพูดถึงบริบทเหล่านี้ทำให้ข้อโต้แย้งของสวี เจียวโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงกระนั้นมันลามไปถึงการสวมชุดว่ายน้ำและย้อมผมสีสดขณะพักผ่อน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาของเธอเองด้วย ในวันที่เธอวาบหวิวหลายคนชื่นชมในความเซ็กซี่มีเสน่ห์ แต่กลับกันเมื่อลิซ่านำเสนอความเซ็กซี่เย้ายวนในรูปแบบการแสดงศิลปะบ้างเธอกลับมีไม้บรรทัดเพื่อวัดความเหมาะสมที่ต่างกัน ประโยคจากเพลง NXDE กลับมาอีกครั้งด้วยท่อนที่ว่า “Why you think that ‘bout nude ?’ Cause your view’s so rude. Think outside the box, then you’ll like it” เพราะการคิดถึงความโป๊เปลือยของสวี เจียวมันถูกกลั่นกรองผ่านมุมมองที่ไม่ดีนัก หากเธอลองคิดนอกกรอบ คิดถึงบริบททางศิลปะ หรือแม้แต่การเห็นความวาบหวิวเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านคาบาเรต์ สวี เจียวอาจชื่นชอบการแสดงในรูปแบบนี้ก็ได้
เหรียญอีกด้านหนึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ถ้าจะพูดว่าสวี เจียวมีความคิดปิดกั้นและผิดไปหมดเสียทีเดียวก็คงไม่ยุติธรรมนัก เพราะเธอไม่ได้ระบุว่าการแสดงท่าทางเซ็กซี่เป็นเรื่องผิดเสียทั้งหมด แต่เธอคิดถึงเรื่องการแสดงด้วยลักษณะภาพจำของคนทำงาน ในบริบทแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาสถานภาพคนทำงานไม่ให้ไปผูกโยงกับเรื่องเพศอันเย้ายวนอาจเป็นสิ่งดีงามในคติความคิดของเธอและใครอีกหลายคน คล้ายกับการต่อต้านบทละครห่วยแตกในหนังผู้ใหญ่ที่ใช้ฉากความโป๊เปลือยและเน้นเรื่องเพศเชื่อมโยงกับภาพจำของคนทำงานและอีกหลายภาพจำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมที่ไม่ได้เกิดขึ้นในชีวิตจริง ถ้ามองในมุมมองนี้จะเห็นว่าสวี เจียวอาจตำหนิติเตียนจนเกิดเป็นข้อถกเถียงใหญ่ระดับโลก ทว่าเจตนาของเธออาจไม่ได้สื่อไปในทางลบทั้งหมดเสียทีเดียว
WATCH
ลุควาบหวิวของสวี เจียวกับชุดบิกินี่ตัวจิ๋วและการย้อมผมสีร้อนแรง ขณะพักผ่อน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา / ภาพ: Weibo
เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เราได้ทบทวนอีกครั้งว่าการพัฒนาเชิงสังคมวัฒนธรรมผ่านมุมมองความโป๊เปลือยนั้นกำลังมีกฎเกณฑ์ที่ถูกนิยามแตกต่างกันอย่างไร คนในสังคมจะเดินหน้าไปด้วยกันได้อย่างไร บางครั้งผู้หญิงด้วยกันก็อาจเป็นอุปสรรคด่านสำคัญที่ฉุดรั้งความเท่าเทียมทางเพศกันเอง แน่นอนว่าเจตนาดีที่ออกโรงปกป้องจนทำให้บางกลุ่มสนับสนุนความคิดของสวี เจียวอาจเป็นความหวังดีก็ได้ แต่ถ้ามองในมุมมองที่ต่างออกไปจะพบว่าสิ่งเหล่านี้เองที่ตีกรอบปิดกั้นชุดความคิดซ้ำเดิมในสังคมให้ผลิตซ้ำในวังวนเดิมต่อไป คำว่า “ศิลปะ” เป็นเครื่องหมายแห่งการพัฒนาเชิงวัฒนธรรมที่สื่อสารได้อย่างมีชั้นเชิง ความโป๊เปลือย ความเย้ายวนเซ็กซี่ และความแปลกใหม่ คือจุดเริ่มต้นแห่งการกำเนิดชุดความคิดใหม่ ถ้าผู้หญิงด้วยกันยังมองว่าการกระทำเหล่านี้ไม่เหมาะสมจะยกระดับการเรียกร้องความเท่าเทียมและความยุติธรรมเกี่ยวกับเรือนร่างของตัวเองอย่างไร ในเมื่อสิทธิ์ในการเผยเรือนร่างของผู้หญิงถูกจำกัดจากกรอบสังคมในสภาพแวดล้อมชายเป็นใหญ่ตลอดหลายศตวรรษ การปิดกั้นยังคงถูกผลิตซ้ำเรื่อยมาและผู้หญิงด้วยกันเองควรจะเดินหน้าและสนับสนุน หรือถ้าไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดก็ควรเปิดใจให้คนที่ต้องการมีสิทธิ์ในร่างกายของตัวเองได้ปฏิบัติตัวในแบบที่อยากทำ ในปัจจุบันการพัฒนาก็เดินมาไกลไม่น้อย เห็นได้จากความภูมิใจในรูปร่างและเผยเสน่ห์ความมั่นใจนั้นออกมา หรือแม้แต่การเผยเรือนร่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเหมือนผู้ชายถอดเสื้อทั่วไป และนี่คือโลกยุคใหม่ที่มาพร้อมกฎเกณฑ์ที่จำกัดสิทธิ์ในร่างกายของมนุษย์น้อยลงทุกวัน
WATCH