LIFESTYLE
The Rise of 'Lady Gaga'! ศิลปินผู้นำความขบถเข้าแลกเพื่อนำมาสู่ความสำเร็จแห่งโลกป๊อปคัลเจอร์#VogueScoop สัปดาห์นี้ขอพาผู้อ่านทุกคนย้อนดูบันไดแห่งความสำเร็จของเลดี้ กาก้าที่กว่าจะถึงจุดนี้ เธอได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมานานหลายปี แม้จะต้องผ่านคำครหามานับไม่ถ้วน แต่นั่นกลับเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอมีตัวตนอย่างภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้ |
การก้าวสู่บันไดแห่งความสำเร็จของแต่ละคนล้วนใช้ความพยายามที่แตกต่างกันออกไป เนื่องด้วยปัจจัยและตัวแปรหลักของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน จึงทำให้ระยะเวลาในการได้มาซึ่งตามที่หวังไม่เท่ากัน และเราก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในเร็ววันคือคนที่เก่งกว่าคนที่ประสบความสำเร็จในเวลาที่ล่วงเลยไป แต่จุดหมายปลายทางของความสำเร็จนั้นจะพร้อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้พบเห็นในเวลาอันเหมาะสมและสมควร ศิลปินดีว่าระดับโลก ‘Lady Gaga’ ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ได้รับการยอมรับว่าเธอคือบุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกใบนี้มานานนับทศวรรษ ซึ่งผลงานล่าสุดในการการันตีความสำเร็จและตอกย้ำการเป็นศิลปินระดับโลกตัวจริงคงหนีไม่พ้นผลงานเพลงที่เธอปล่อยร่วมกับศิลปินหนุ่มไอคอนิกที่อยู่มาทุกยุค ‘Bruno Mars’ อย่างเพลง ‘Die With A Smile’ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2024 ตามเวลาประเทศไทย ก็ทำยอดวิวบนยูทูบไปได้ถึง 15 ล้านวิว (ข้อมูล ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2024) ซึ่งถือเป็นการสร้างเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้แก่แฟนเพลงทั่วโลก เพราะกว่าจะเห็นทั้งสองนักร้องระดับตำนานมาทำผลงานเพลงร่วมกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งยังเป็นเพลงที่แต่งและทำเสร็จภายในคืนเดียวยิ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นว่านี่คือสิ่งที่มืออาชีพสามารถเสกผลงานคุณภาพออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยมแม้จะมีเวลาเพียงน้อยนิดก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกประจำปี 2024 ณ กรุงปารีสที่ผ่านมาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม เลดี้ กาก้า ยังเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่ได้รับเลือกให้ขึ้นแสดงเพลง ‘Mon Truc En Plume’ ของศิลปินระดับตำนาน ‘Zizi Jeanmaire’ บนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้เพื่อร่วมสร้างความทรงจำและเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ไว้ว่าเธอคือหนึ่งในศิลปินที่ได้มีส่วนร่วมในพิธีเปิดโอลิมปิกครั้งนี้ โว้กสกู๊ปสัปดาห์นี้ขอพาผู้อ่านทุกคนย้อนดูบันไดแห่งความสำเร็จของเลดี้ กาก้าที่กว่าจะถึงจุดนี้ เธอได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมานานหลายปี แม้จะต้องผ่านคำครหามานับไม่ถ้วน แต่นั่นกลับเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอมีตัวตนอย่างภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการแจ้งเกิดศิลปินนามว่า ‘Lady Gaga’
Stefani Joanne Angelina Germanotta คือชื่อจริงชื่อเต็มของเธอตั้งแต่แรกเกิด ศิลปินสาวชาวอเมริกันเริ่มมีบทบาทในเส้นทางสายดนตรีมาตั้งแต่ปี 2003 ที่มีโอกาสได้แสดงดนตรีกับวงร็อกในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นทำให้เธอไม่หยุดพัฒนาตัวเองและพยายามเรียนรู้อยู่เสมอทั้งการเป็นนักแต่งเพลง เรื่อยไปจนถึงเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์จึงทำให้เธอเข้าตาศิลปินชาวเซเนกัล-อเมริกันอย่าง ‘Akon’ และได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง KonLive Distribution นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อ ‘Lady Gaga’ ที่ได้โลดแล่นบนอุตสาหกรรมเพลงอย่างเต็มรูปแบบ แต่หลังจากเธอได้ร่วมชายคาต้นสังกัด Interscope Records โดยเธอเปิดตัวอัลบั้มแรก ‘The Fame’ ในปี 2008 ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงนั้นวงการเพลงกำลังซบเซา ยังไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นหรือน่าสนใจมากนัก เมื่อเลดี้ กาก้าตัดสินใจแจ้งเกิดในเวลานั้นด้วยผลงานเพลงที่แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิงและการแต่งกายสุดจัดจ้านจึงส่งให้เธอได้รับความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสามารถพาอัลบั้มดังกล่าวขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรีย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และไอร์แลนด์ และติดชาร์ต 1 ใน 10 อันดับแรกในอีกหลายประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ที่สามารถทำสถิติขึ้นชาร์ตบิลบอร์ด 200 ในอันดับที่ 2 อีกด้วย นี่จึงเป็นสิ่งที่ทวีคูณให้เลดี้ กาก้าได้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และหลายคนต่างยกให้เธอเป็น ‘ตัวแม่’ ทั้งที่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเธอเท่านั้น
สร้างภาพจำด้วยสไตล์แฟชั่นที่สุดโต่งจนหลายคนมองว่า ‘แปลก’
แม้เลดี้ กาก้าจะเป็นศิลปินแนวเพลงป๊อป ทว่าความจัดจ้านทั้งด้านเนื้อหาและดนตรีส่งเสริมให้เธอโดดเด่นทั้งเทคนิคการใช้ดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ พังก์ร็อก หรือแม้แต่แนวแจ๊สเองเธอก็สามารถสะกดจิตผู้ฟังไว้ได้อย่างอยู่หมัด แต่นั่นคงจะไม่ใช่การนำเสนอตัวตนของเลดี้ กาก้าเสียทีเดียว เพราะกาก้าตัวจริงจะต้องเป็นผู้นำเทรนด์และมีแฟชั่นสุดจัดจ้าน หรือเรียกได้ว่าสุดโต่งไปมากด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นการสวมรองเท้าส้นสูงที่มีความสูงถึง 18 นิ้วในการเดินบนเวทีระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต หรือแม้แต่การขึ้นโชว์เพลงตัวเองในทัวร์คอนเสิร์ต หรืองานประกาศรางวัลต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่สร้างภาพจำทั้งสิ้นว่าเธอสามารถเดินมันได้แบบไม่ขัดเขินหรือดูลำบากอะไร เรื่อยไปจนถึงการแต่งตัวที่เป็นไวรัลไปทั่วโลกและได้รับการพูดถึงตลอดกาลคือการสวมชุดเดรสเนื้อสดเพื่อเข้าร่วมงานประกาศรางวัล MTV ประจำปี 2010 หรือแม้แต่การสวมแว่นตาที่รังสรรค์ขึ้นจากบุหรี่มวน พร้อมเครื่องประดับศีรษะรูปทรงโทรศัพท์บ้านสมัยเก่าสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นในเพลง Telephone ที่เธอทำงานร่วมกับศิลปินหญิงไอคอนิกอีกหนึ่งคนอย่าง ‘Beyonce’ ก็เป็นอีกลุคที่น่าจดจำเพราะคงไม่มีศิลปินคนใดนำเสนอแฟชั่นในสไตล์นี้ และจะไม่มีใครทำได้เหมือนเธออีกด้วย ด้วยเหตุนี้เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมากาก้าจึงได้จัดนิทรรศการ ‘Haus of Gaga’ ณ Park MGM เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกาเพื่อจัดแสดงเสื้อผ้า วิกผม เครื่องประดับ และรองเท้าของเธอรวมแล้วกว่า 40 ชิ้น ที่คัดเลือกโดย Nicola Formichetti แฟชั่นไดเร็กเตอร์คนสนิทที่ทำงานร่วมกับเธอมาอย่างยาวนาน ซึ่งชุดที่กล่าวไปข้างต้นก็ได้รับการจัดแสดงที่นิทรรศการแห่งนี้เช่นกัน
WATCH
ยังคงคุณภาพดั่งวันแรกที่เริ่มต้นเป็นศิลปิน
หากใครเป็นแฟนเพลงตัวจริงของเลดี้ กาก้าจะรู้ดีว่าทุกครั้งที่เธอขึ้นแสดงบนเวที เธอไม่เคยแม้แต่จะลิปซิงก์เลยสักครั้ง เพราะเธอมองว่าการที่แฟนคลับทุกคนยอมเจียดสตางค์เพื่อเดินทางมาดูเธอไม่ว่าจะใกล้หรือไกลเธอต้องทำให้พวกเขาได้รับความสุขและความคุ้มค่ากลับไปได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นการแสดงบนเวทีทั้งการจัดเต็มเรื่องของโปรดักชั่น ไฟ ฉาก ดนตรี การแสดง การเต้น หรือแม้การร้องเพลงที่มันเป็นพรสวรรค์ติดตัวเธอมาตั้งแต่เริ่ม กาก้าก็ยังคงหมั่นฝึกฝนให้มันดีขึ้นทุกครั้งและเลือกที่จะนำเสนอมันด้วยการร้องสดเสมอเพื่อให้ผู้ชมและผู้ฟังได้รับความประทับใจกลับไปในที่สุด และถึงแม้เพลงที่เธอปล่อยออกมา อาทิ Poker Face, Bad Romace, Telephone, Bloody Mary, John Wayne, Hold My Hand หรือ Rain On Me จะมีความแตกต่างหรือฉีกแนวไปจากผลงานอื่นๆ บ้าง ทว่าก็ยังคงกลิ่นอายไว้ตามแบบฉบับเดิมอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เสียเอกลักษณ์ของแนวเพลงของเธอไป นอกจากนี้ยังมีการเชิญชวนศิลปินคนอื่นๆ มาร่วมทำเพลงด้วยกันเพื่อก่อให้เกิดแนวเพลงใหม่อยู่เรื่อยๆ อาทิการได้ทำงานเพลงร่วมกับ Bradley Cooper ในเพลง ‘Shallow’ หรือแม้แต่การทำเพลงร่วมกับเกิร์ลกรุ๊ประดับโลกแห่งวงการเคป๊อปอย่าง BLACKPINK ในเพลง ‘Sour Candy’ ก็ยิ่งส่งให้เลดี้ กาก้าได้มีฐานแฟนคลับจากฟากฝั่งเอเชียเพิ่มขึ้นอีกด้วยหลังจากที่มีเยอะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และยิ่งตอกย้ำให้แฟนๆ หรือศิลปินด้วยกันเองหลายคนต่างยกย่องให้เป็นบุคคลแบบอย่างหรือ ‘ไอดอล’ ตลอดกาล
บทบาท ‘นักแสดง’ ก็ไม่น้อยหน้าการเป็น ‘ศิลปิน’
เมื่อเลดี้ กาก้านำเสนอผลงานเพลงที่ไม่ว่าเพลงไหนก็ทะยานขึ้นชาร์ตระดับโลกอย่างต่อเนื่อง หลายต้นสังกัดของค่ายหนังต่างก็หมายปองอยากให้เธอลองชิมลางมาโลดแล่นบนสายทางการแสดงดูบ้างแม้เธอจะผ่านการแสดงมิวสิกวิดีโอมานับไม่ถ้วน ทว่าการแสดงภาพยนตร์หรือซีรี่ส์นั้นย่อมแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะการนำเสนอคาแร็กเตอร์ของแต่ละบทบาทที่ได้รับเพื่อให้เข้าไปในใจของทุกคนยิ่งยากที่จะทำให้ทุกคนยอมรับในฝีมือ แต่กาก้าก็สามารถทำมันได้โดยที่ผ่านมาเธอได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์อยู่เรื่อยๆ อาทิ A Star is Born และ House of Gucci หรือแม้แต่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่หลายคนตั้งตารอคอยในบทบาท Harley Quinn ที่เลดี้ กาก้าได้รับเลือกแสดงนำในภาพยนตร์ Joker: Folie à Deux และในอนาคตในเรื่อง ‘The Batman Part 2’ ก็เป็นสิ่งที่ให้เลดี้ กาก้าได้ท้าทายตัวเองมากขึ้น ทั้งยังขึ้นแท่นเป็นศิลปินผู้ประสบความสำเร็จในบทบาทการเป็นนักแสดงอีกด้วย
ไม่เกรงกลัวต่อคำครหาและคำสบประมาท
สุดท้ายนี้สิ่งที่เลดี้ กาก้ามีมาตลอดตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในอุตสาหกรรมบันเทิงแห่งนี้ คือการข้ามผ่านคำดูถูกจากคนที่มองว่าเธอเป็นผู้หญิงแปลกหรือเป็นแค่คนที่มีภาพลักษณ์เป็นตัวตลกในแวดวงฮอลลีวู้ดเพียงเพราะเธอไม่เหมือนคนอื่นและกล้าที่จะเป็นตัวเองในแบบฉบับของเธอ ซึ่งหากย้อนถึงเหตุการณ์ดราม่าผ่านมาก็นับไม่ถ้วน แต่มันรุนแรงถึงขั้นว่าด้วยเนื้อหาของเพลงหลายเพลงนั้นแรงและเสียดสีสังคมจนเกินไป หรือแม้แต่สไตล์แฟชั่นของกาก้าที่มีความเผ็ดร้อนหรือเซ็กซี่ที่หลายคนสะใจ แต่ในบางประเทศอย่างอินโดนีเซียก็ไม่อนุญาตให้กาก้าเข้าแสดงคอนเสิร์ตในประเทศเด็ดขาด รวมถึงผลงานเพลงของเธอก็ถูกแบนในประเทศจีนหลังจากที่เธอมีข่าวว่าเธอเคยเข้าพบ ดาไล ลามะ ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของทิเบต ซึ่งเป็นประเทศที่มีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนกับจีนอีกด้วย เรื่อยไปจนถึงการถูกวิจารณ์ต่างๆ ทั้งในตัวตนและแนวเพลงของเธอที่พบเจอเรื่อยมาจิปาถะ แต่ความสามารถที่เปี่ยมล้นและผลงานต่างๆ ของเธอเองก็เป็นตัวชูเธอขึ้นมาให้ลอยเหนือจากอุปสรรคเหล่านั้น และยืนหยัดในนาม ‘เลดี้ กาก้า’ เฉกเช่นทุกวันนี้
ข้อมูล : Vogue Magazine, Variety, IMDb
กราฟิก : จินาภา ฟองกษีร
WATCH