
ย้อนรอยการคว่ำบาตรเวที Grammy Awards ของ The Weeknd สู่การกลับมาที่เป็นสัญญาณของยุคใหม่
The Weeknd สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการกลับมาแสดงสดบนเวทีอย่าง Grammy Awards ที่เคยคว่ำบาตร วิจารณ์ และประกาศว่าจะไม่ส่งผลงานเข้าพิจารณาอีก
เมื่อสังคมมีการพัฒนาจากการผลักดันของประชากรทั้งในเชิงปฏิบัติทางตรงหรือการเพิ่มอิทธิพลบนโลกออนไลน์ การมอบรางวัลระดับโลกในหลากหลายประเภทถูกครหาอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติหรือมีอคติในการมอบรางวัลที่ทำให้กลุ่มสังคมจำนวนไม่น้อยหรือรู้สึกว่ารางวัลต่างๆ ไม่ได้ตัดสินจากความเป็นธรรม เวทีอย่าง Golden Globes และ Academy Awards หรือที่เรียกกันคุ้นปากว่า “ออสการ์” ก็ตกเป็นเป้าวิจารณ์อยู่บ่อยครั้งในมิติของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในขณะเดียวกัน Grammy Awards สุดยอดรางวัลประจำอุตสาหกรรมดนตรีก็เผชิญกับเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับอคติในการมอบรางวัลเช่นเดียวกัน
“The Grammys remain corrupt” ยังคงเป็นคำกล่าวเด็ดดวงที่เหมือนการท้าชกของ The Weeknd กับเวทีประกาศรางวัลอันยิ่งใหญ่ เรื่องราวย้อนกลับไปในปี 2021 กับปรากฏการณ์ความนิยมอันเป็นประจักษ์ของผลงานฝีมือเดอะวีกเอนด์ กับอัลบั้ม ‘After Hours’ และผลงานเพลงฮิตติดชาร์ตต่อเนื่องอย่าง ‘Blinding Lights’ ซึ่งผลงานทั้งหมดของเขาที่แฟนๆ เชื่อว่าจะต้องมีส่วนสำคัญบนเวทีแกรมมี่หรืออาจจะพุ่งทะยานไปถึงระดับการคว้ารางวัลหลัก ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะชื่อของเดอะวีกเอนด์ไม่ปรากฏขึ้นในลิสต์รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลเลยแม้แต่สาขาเดียว
“น่าเสียดายที่ทุกๆ ปีจะมีผู้เข้าชิงน้อยกว่าจำนวนที่ควรจะได้รับ” คำกล่าวของ Harvey Mason Jr. ประธาน Record Academy กลายเป็นข้อถกเถียงใหญ่โต แม้ในเชิงทฤษฎีจะเข้าใจได้ว่าพื้นที่สำหรับผู้เข้าชิงและจะก้าวไปสู่การคว้ารางวัลมีจำกัด (ยกตัวอย่างเช่น ผลงานชั้นยอดอาจจะมี 10 ชิ้น แต่มีพื้นที่ให้เข้าชิงชัยเพียง 5 ที่) ถึงกระนั้นการที่เดอะวีกเอนด์ที่เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์แห่งวงการดนตรีประจำปีไม่ได้เข้าชิงก็อาจจะฟังไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ (อย่างน้อยก็ในมุมมองของแฟนคลับ) และคำกล่าวที่ว่า “ผมเข้าใจความผิดหวังที่เดอะวีกเอนด์ไม่ได้เข้าชิง ผมก็เซอร์ไพรส์และเข้าใจกับความรู้สึกของเขา” ยิ่งเหมือนการสุมไฟเพลิงให้ประเด็นนี้เดือดเข้าไปอีกหลายดีกรี
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิจารณ์ส่วนมากมองว่าเดอะวีกเอนด์น่าจะกอบโกยสถิติเข้าชิงรางวัลต่างๆ นานานับไม่ถ้วน แต่ภาวะรถทัวร์คว่ำแบบนี้จึงเกิดข้อถกเถียงมากมายเกี่ยวกับความโปร่งใส “เพราะ ‘Secret Committees ผมจะไม่อนุญาตให้ค่ายส่งผลงานเพื่อประกอบการพิจารณาเสนอชื่อเข้าชิงแกรมมี่อีก” เดอะวีกเอนด์กล่าว ด้วยประเด็นคณะกรรมการลับหรือทีมงานหลังฉากที่มีอำนาจในการตัดสินใจนั้นสะท้อนภาพความไม่โปร่งใสและอาจเปี่ยมด้วยอคติ และเรื่องนี้ก็ไม่ได้หยุดแค่อคติกับปัจเจกบุคคล แต่อาจบานปลายไปถึงอคติต่อชาติพันธุ์เลยทีเดียว
แม้จะมีศิลปินผิวดำ/ฮิสแพนิกจำนวนไม่น้อยสามารถคว้ารางวัลจากเวทีแกรมมี่ไปปีแล้วปีเล่า แม้แต่เดอะวีกเอนด์เองก็เคยคว้ารางวัลกลับบ้านมาแล้ว ทว่าจากประเด็นการบอยคอตต์มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนมีการปรับสภาพไปตามสังคมและความเหมาะสม แน่นอนว่าเวทีแกรมมี่ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงไม่แพ้เวทีใหญ่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทว่าระยะหลังก็มีผลตอบรับในเชิงบวกมากขึ้น ประธานอย่างฮาร์วีย์เองก็ไม่ใช่คนขาว เขาอยู่เบื้องหลังผลงานความสำเร็จของศิลปินดังมากมาย ซึ่งประกอบด้วยศิลปินผิวดำระดับตำนานอย่าง Aretha Franklin, Michael Jackson และ Whitney Houston เป็นต้น ดังนั้นการเสริมสร้างมิติความหลากหลายในยุคการเป็นประธานของเขาจึงปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด เช่นเดียวกับศิลปินเอเชียกับกระแสนิยมโลกยุคใหม่อย่างเคป๊อปด้วยเช่นกัน
การกลับมาของเดอะวีกเอนด์ในปี 2025 พร้อมอัลบั้มใหม่และการเปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่บนเวทีแกรมมี่คือสัญญาณสมานแผลและการผูกใจครั้งใหม่ ฮาร์วีย์เป็นผู้แนะนำการแสดงชุดพิเศษนี้ด้วยตัวเอง ก่อนที่เดอะวีกเอนด์จะแสดงสดเพลง ‘Cry For Me’ และ ‘Timeless’ โดยที่เพลงหลังมี Playboi Carti แร็ปเปอร์ระดับแถวหน้ามาร่วมแจมด้วย แผลใจเมื่อราว 4 ปีก่อนกำลังสมาน และเชื่อว่าประเด็นที่เคยลุกล่ามใหญ่โตจะสรุปได้เกี่ยวกับความผิดหวังส่วนบุคคลมากกว่าเรื่องการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง โฉมหน้าวงการดนตรีแบบใหม่กำลังค่อยๆ เติบโตพร้อมกับการพัฒนาในเชิงสังคมที่เปิดกว้างด้วยเช่นกัน
ในปีนี้เรื่องความหลากหลายกับเวทีประกาศรางวัลยังคงเป็นประเด็นคู่กันอยู่เสมอ Lady Gaga พูดถึงประเด็น LGBTQ+ ในส่วนของ Doechii ก็นำเสนอภาพความภูมิใจของคนผิวดำ นอกจากนี้ยังมีการสร้างประวัติศาสตร์ของ Beyoncé กับผลงานอัลบั้มแห่งปีและอัลบั้มเพลงคันทรี่แห่งปีที่เธอถือเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่คว้ารางวัลไปได้สำเร็จ ในมุมหนึ่งกับความหลากหลายที่ถูกโอบรับและเล็งเห็นท่ามกลางสปอตไลต์ก็น่าชื่นชม แต่ในอีกมุมหนึ่งการที่ศิลปินยังต้องใช้พื้นที่ความสำเร็จเพื่อเปิดทางความหลากหลายให้เป็นปกติและเป็นบรรทัดฐานสังคมในอุดมคตินั้นยังคงหมายถึงความไม่ปกติหรืออคติบางอย่างในสังคมที่ยังปรากฏอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังเป็นกรอบกำแพงที่ปิดกั้นกลุ่มสังคมหลายกลุ่มไว้อย่างน่าเสียดาย
ทุกวันนี้งานประกาศรางวัลยังคงต้องเผชิญกับข้อครหามากมาย ไม่เพียงแต่เรื่องการตัดสินหรือเสนอชื่อที่อาจค้านสายตา เรื่องเหล่านี้จะนำไปสู่การพิจารณาถึงอคติที่มีต่อปัจเจกบุคคล กลุ่มสังคม เพศ ชาติพันธุ์ ฯลฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกณฑ์การพิจารณาที่โปร่งใส่ การตรวจสอบ และแนวทางการปฏิบัติต่างๆ จึงสำคัญอย่างมาก ไม่เช่นนั้น ‘คณะกรรมการลับๆ’ ก็จะยังถูกตั้งคำถามเช่นเดียวกับเหตุการณ์ของเดอะวีกเอนด์อยู่ร่ำไป
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับรางวัลแกรมมี่เพิ่มเติมได้ที่นี่
WATCH
ภาพ : Courtesy of The Weeknd / Record Academy
WATCH