หากจะกล่าวว่าในปัจจุบันวัฒนธรรมจากฟากฝั่งเอเชียได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างและกลายเป็นอีกหนึ่งพลังอิทธิพลของโลกก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะหันมองไปที่ใด ในทุกๆ อุตสาหกรรมย่อมมีเหล่าคนเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงนั้นๆ อยู่เสมอ อาทิ อุตสาหกรรมแฟชั่นที่หลากแบรนด์ชั้นนำล้วนแต่งตั้งผู้คนจากฝั่งเอเชียขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เรื่อยไปจนถึงอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งวงการเพลง ภาพยนตร์ หรือซีรี่ส์ล้วนแล้วแต่เป็นจุดสนใจเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนยุคนี้ไปแล้วก็ว่าได้ ดังเช่นวงการเกาหลีใต้ที่เหล่าศิลปินและนักแสดงมากหน้าหลายตาล้วนเฉิดฉายดั่งดาวจรัสแสงให้ผู้คนเชยชมและชื่นชมในพรสวรรค์ และยกย่องให้เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าผู้พร้อมที่จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่อุตสาหกรรมแห่งแดนกิมจิต่อไป

     เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ‘Song Kang’ นักแสดงหนุ่มมากความสามารถในวัย 29 ปีก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลในวงการบันเทิงที่หลายคนล้วนจับตามอง เพราะช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้เขาโลดแล่นในเส้นทางการเป็นนักแสดงในซีรี่ส์หรือภาพยนตร์มาหลายต่อหลายเรื่อง แต่กว่าจะได้มาเป็นภาพจำอันตราตรึงของเหล่าแฟนๆ นั้นเขาไม่ได้เดินทางง่ายดั่งราชรถมาเกยรับ ทว่าซงคังก้าวเดินด้วยสองเท้าและหัวใจเดียวของเขาเข้ามาในสายทางบันเทิงแห่งนี้ จึงทำให้มีผลงานมากคุณภาพให้ทุกคนได้รับชมและกล้าเรียกเขาได้เต็มปากว่า ‘นักแสดง’ อย่างแท้จริง

 

 ภาพ: NME

     ย้อนกลับไปสมัยวัยนักศึกษา เส้นทางการแสดงของซงคังชัดตั้งแต่ตอนนั้นเมื่อเขาเรียนคณะ Film Arts จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งเกาหลีใต้ ‘คอนกุก’ ซึ่งศาสตร์นี้สอนการแสดงและเกี่ยวกับวงการบันเทิงโดยเฉพาะ เขาตั้งใจร่ำเรียนมาอย่างสม่ำเสมอประกอบกับหน้าตา รูปร่าง และรอยยิ้มที่พร้อมสะกดใจทุกคน  ทำให้เขาถูกแมวมองจากค่ายเพลงชื่อดังแห่งหนึ่งมาทาบทามให้เป็นศิลปินภายใต้สังกัด หลายคนคงคิดว่าข้อเสนอดีเช่นนี้ใครปฏิเสธคงน่าเสียดายแย่ แต่ใช่...ซงคังเลือกที่จะทิ้งโอกาสนั้นไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ชื่นชอบการเป็นศิลปิน เป้าหมายเดียวของเขาในตอนนั้นจนถึงตอนนี้คือการเป็นนักแสดง ทว่าก็ตัดสินใจเลือกที่จะลองชิมลางเป็นนายแบบในปี 2017 และมีผลงานแสดงมิวสิกวิดีโอเล็กๆ น้อยๆ นั่นจึงทำให้เขาพัฒนาตนเองอยู่เรื่อยมาจนก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในนักแสดงสังกัด Namoo Actors ตามที่ตั้งใจไว้

 

     ภาพจากซีรี่ส์เรื่อง 'Nevertheless' / ภาพ: ExtremeIT

     ซงคังเริ่มมีผลงานซีรี่ส์และภาพยนตร์มากขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่เรื่อง ‘The Liar and His Lover’ โดยเขารับบทเป็นนักแสดงสมทบชื่อตัวละครว่า ‘Baek Jin-woo’,‘Man in the Kitchen’ ในบทบาทนักกีฬายูโดในปี 2017 และปี 2018 ซงคังได้มีโอกาสเฉิดฉายบนจอเงินอย่างเรื่อง ‘Beautiful Vampire’ ที่เขาเริ่มขยับเข้าไปในหัวใจผู้ชมทีละนิด เพราะรอยยิ้มที่เขามอบให้แวมไพร์สาวในเรื่องยิ่งทำให้หลายคนอยากเป็นแวมไพร์ผู้ถูกรักไปตามๆ กัน

     ก้าวเข้าปี 2019 ซงคังยิ่งได้กระแสตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้นเมื่อเขามีบทบาทในซีรี่ส์ ‘Love Alarm’ โดยทางค่าย Netflix ดำเนินเรื่องให้มีซีซั่น 2 ในปี 2021 อีกด้วย เขารับบทเป็นฮวังซอนโอ พระรองผู้น่าสงสารที่มีใจรักเดียวกับคิมโจโจ รับบทโดยนักแสดงสาว ‘Kim So-hyun’ แน่นอนว่าพระรองที่แสนดีคนนี้แม้จะไม่สามารถชนะใจนางเอกได้ แต่สามารถคว้าใจผู้ชมทั่วโลกไปแล้วเรียบร้อย แต่นั่นก็ยังไม่ถึงจุดที่เขาประสบความสำเร็จที่สุดจนเวลาล่วงมาถึงปี 2020 และ 2021 ในซีรี่ส์จากค่ายเดิมอย่าง ‘Sweet Home’, ‘Navillera’ และ ‘Nevertheless’ ตามลำดับ โดยเฉพาะบทบาทของ ‘พัคแจออน’ ใน Nevertheless ที่ประกบกับนักแสดงสาวสุดฮอต ‘Han So-hee’ ผู้รับบทเป็น ‘ยูนาบี’ ที่ใครหลายคนยกย่องให้เป็นคู่พระนางที่มีเคมีเข้ากันที่สุด และซงคังสวมบทบาทเป็นพัคแจออนได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนประโยคจากปากของพัคแจออนกลายเป็นคำเชิญชวนยอดนิยมไปทั่วโลกโซเชียลว่า “ไปดูผีเสื้อที่ห้องฉันไหม” ยิ่งทำให้เหล่าแฟนๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคือพระเอกผู้ทรงเสน่ห์ที่สุดแห่งปี

 

 ภาพจากซีรี่ส์ 'My Demon' / ภาพ: K-Pop Chart

     นับแต่นั้นเป็นต้นมาซงคังก็เป็นที่จดจำในบทบาทการเป็นพระเอกชื่อดัง และมีผลงานต่างๆ ตามมาในปี 2022 อย่าง ‘Forecasting Love and Weather’ โดยเขาได้มีโอกาสร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่อย่าง ‘Park Min-young’ และปีนี้กับซีรี่ส์เรื่อง ‘My Demon’ และ ‘Sweet Home’ ซีซั่นที่ 2 โดยเขากลับมาพร้อมการแสดงที่โดดเด่นและเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม รวมถึงบุคลิกที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับแต่ละบทบาทซึ่งซงคังก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม แน่นอนว่าแฟนๆ ต่างพ่ายแพ้ให้กับรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่สามารถพิฆาตผู้คนได้อย่างราบคาบ ทว่าทักษะการแสดงที่ดีและเฉียบคมจนผู้ชมสามารถจำแนกได้ว่าเขาเคยเป็นตัวละครใดบ้างที่ผ่านมา นั่นก็หมายความว่าซงคังประสบความสำเร็จไปอีกขั้นในเส้นทางการแสดงด้วยพรสวรรค์และพรแสวงที่เขาหมั่นเพียรเสมอมา