มิสแกรนด์กับอนาคตเมืองไทย
LIFESTYLE

มิติใหม่วงการนางงาม...'มิสแกรนด์กับอนาคตเมืองไทย' เมื่อนางงามและนักการเมืองโต้วาทีกันอย่างดุเดือด

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือ 'ยุคทองของมิสแกรนด์' และปรากฏการณ์ที่นางงามได้ยืนโต้วาทีตรงๆ กับเหล่านักการเมืองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ก็ไม่เคยเกิดขึ้นบนเวทีประกวดนางงามใดมาก่อน!

     เมื่อเราเริ่มต้นพูดประโยคที่ว่า “นางงามต้องพูดเรื่องสังคมและการเมืองอย่างตรงไปตรงมา” ในยุคสมัยนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหรือเป็นเรื่องตื่นเต้นเหมือนเมื่อแต่ก่อนอีกแล้ว เพราะยุคนี้เวทีนางงามที่ไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดให้นางงามภายใต้อาณัติของตัวเองอ้าปากพูดเรื่องการเมืองโดยไม่เคอะเขินกันอีกต่อไป อนึ่งก็เพื่อทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับผู้คนในสังคม เป็นจุดเริ่มต้นบันดาลใจให้ประชาชนในสังคมได้กล้าออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง และอีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เรียกเรตติ้งให้กับเวทีนางงามในยุคสมัยที่ ‘ความงามภายนอก’ ถูกวิพากษ์ชำแหละไม่เหลือชิ้นดี เวทีนางงามจึงต้องหาทางออกด้วยการยื่นไมค์ให้นางงามพูดมากขึ้น เพื่อยืนยันต่อสังคมโลกสมัยนี้ว่า เวทีประกวดนางงามยังมีประโยชน์ในตัวมันเอง มีประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม และปรับตัวตามกระแสสายธารความต้องการของโลกเสมอ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ชุดราตรี ชุดว่ายน้ำ ใบหน้าสวย หรือการอวดรูปร่างเท่านั้น พันธะระหว่างนางงาม สังคม และการเมือง จึงเริ่มต้นขึ้นจากตรงนั้น...

     กระนั้น หนึ่งในเวทีนางงามที่พูดเรื่องการเมือง และสังคมเสมอมาอย่าง Miss Grand Thailand เวทีประกวดนางงามโดยคนไทยอย่าง ‘ณวัตน์ อิสรไกรศีล’ ก็สร้างปรากฏการณ์บนเวทีนางงามแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่กับงานประกวดครบรอบ 10 ปีไปเมื่อครั้งก่อน ล่าสุดก็ได้ทวีความเข้มข้นด้านทัศนคติของนางงาม ด้วยการสร้างโปรเจกต์รายการสำคัญอย่าง ‘มิสแกรนด์กับอนาคตเมืองไทย’ ให้ผู้เข้าประกวดได้ออกมาตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองกับเหล่าตัวแทนแคนดิเดตเลือกตั้งในสมัยต่อไปจากพรรคการเมืองดัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเวทีประกวดนางงามใดมาก่อน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับและทวีความเข้มข้นของความเชื่อมโยงระหว่างนางงามและการเมืองไทยขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างน่าสนใจ

     เรื่องราวที่ถูกพูดในรายการ มิสแกรนด์กับอนาคตเมืองไทยนั้น ไม่ใช่ประเด็นคำถามอ้อมแอ้ม หรือขวยเขินไม่เต็มปากอย่างที่หลายคนเคยเห็นจากเวทีนางงามอื่นๆ ทว่าตลอดเวลาหลายชั่วโมงนั้น ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์มาพร้อมกับประเด็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทยที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการคอร์รัปชั่นที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบันตลอดเกือบทศวรรษที่ผ่านมา, ประเด็นการเคลื่อนไหวม็อบต่างๆ ในช่วงปีก่อนหน้านี้, การสลายการชุมนุมที่เกินกว่าเหตุและไม่เป็นไปตามหลักสากล, ปัญหาของกัญชาเสรีที่ส่งผลกระทบในหลายด้านต่อเยาวชน, ปัญหาการศึกษาไทยที่มีเหยื่อเป็นคุณครู ซึ่งถูกกระทำจากระบบราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพฝังรากลึกในสังคมไทยมานาน เรื่อยไปจนถึงปัญหาของเหล่ากลุ่มชนพื้นเมือง และกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากกฎหมาย ที่มองว่าพวกเขาเป็นคนนอก และอีกมากมาย

     รายการมิสแกรนด์กับอนาคตเมืองไทย ไม่เพียงแค่สะกิดให้คนในสังคม และผู้ชมที่นั่งดูอยู่ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียได้ฉุกคิดว่า พวกเราในฐานะพลเมืองไทยกำลังถูกกดขี่จากการทำงานอันไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลอย่างไรบ้าง อีกทั้งการเรียงแถวออกมาพูดแลกเปลี่ยนทัศนคติกับเหล่านักการเมืองของเหล่าผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ปีนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ ว่า ‘นางงามก็คือประชาชนคนหนึ่ง’ และสำหรับประเทศไทยที่ ‘เสียง’ ของพลเมืองในสังคมยังไม่ได้ถูกรับฟังอย่างถ้วนหน้าเฉกเช่นประเทศโลกที่หนึ่ง นี่จึงถือเป็นหมุดหมายเริ่มต้นที่ดีที่ผู้เข้าประกวดนางงามซึ่งอยูในแพลตฟอร์มที่เสียงดังและกว้างขวางกว่าชาวบ้านทั่วไป จะใช้เสียงของพวกเธอให้เป็นประโยชน์เพื่อผู้ชมที่สนับสนุนเวทีประกวดนางงามนี้ และสร้างสำนึกให้ผู้คนได้ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพในฐานะประชาชนเจ้าของประเทศแห่งนี้อีกด้วย

     อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นบนเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ปีนี้ ที่แตกต่างไปจากปีก่อนหน้านี้คือ เรื่องของการเมืองและสังคมไม่ได้ถูกผลักให้ไปอยู่เป็นเพียงคำถามรอบไฟนอลหรือสปีชสวยๆ ปิดท้ายก่อนรับมงกุฎเหมือนที่ผ่านมา ทว่าเรื่องเหล่านี้ถูกนำมาตีแผ่และให้ความสำคัญเทียบเท่ารอบประกวดชุดราตรีและชุดว่ายน้ำได้อย่างน่าชื่นชม

 

 

ข้อมูล : GrandTV

WATCH