“Minions” แค่พูดชื่อก็เชื่อว่าแทบทุกคนจะต้องจินตนาการหน้าตาและท่าทางของตัวละครสุดน่ารักกวนๆ แก๊งนี้ออกอย่างแน่นอน คาแร็กเตอร์ตัวสีเหลืองรูปร่างสั้นป้อม ดวงตากลม มาพร้อมกับอุปนิสัยชวนติดตาม ต้องบอกว่าเมื่อมันปรากฏตัวครั้งแรกใน Despicable Me ก็ทำเอาคนหลงรักจนอยากให้ผู้สร้างนำเสนอภาพยนตร์ภาคแยกของเหล่าตัวเหลืองเหล่านี้แบบจริงจัง เพราะความโดดเด่นของมันสามารถสร้างความสุขให้กับผู้รับชมอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังสร้างภาพจำที่คนทั้งโลกเห็นอะไรเหลืองๆ แบบนี้ก็จะเรียกมันว่า “มินเนี่ยน”

ภาพ: Behance

     “Banana” ความหิวกล้วยของมินเนี่ยนคือสิ่งที่ทุกคนจดจำได้ การเรียกร้องหาผลไม้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดในภาพยนตร์สั้นช่วงปี 2010 กลายเป็นกระแสที่หลายคนต้องเคยผ่านสักครั้ง นับจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาร่วม 12 ปีที่มินเนี่ยนปรากฏบนหน้าจอสร้างรอยยิ้มให้ผู้ชม ทว่าเมื่อเทียบเวลา 1 รอบของมินเนี่ยนกับอายุของตัวละครคลาสสิกอื่นๆ ต้องบอกว่ามินเนี่ยนใหม่มากๆ เพราะส่วนใหญ่ตัวละครที่ขึ้นชื่อว่าคลาสสิกและดึงดูดผู้ชมได้มักเริ่มจากงานอิลลัสเตรชั่นดั้งเดิมอายุหลายทศวรรษ แต่การทะยานขึ้นมาของมินเนี่ยนทำให้เรารู้ว่าความคลาสสิกไม่ได้จำเป็นต้องเก่าแก่เสมอไป

ภาพ: IMDb

     และแล้วภาพยนตร์ภาคแยกภาคแรกก็ถือกำเนิดขึ้นในปี 2015 กว่าครึ่งทศวรรษที่แฟนคลับรอคอยความปั่นป่วนของกองทัพตัวเหลืองชนิดเต็มรูปแบบ หลายคนคาดหวังว่านี่จะเป็นภาพยนตร์ซีรี่ส์ฮิตที่สร้างได้ไม่รู้จบ และอาจจะปรับรูปแบบให้โลดแล่นอยู่บนหลายแพลตฟอร์มด้วย ตัวละครสีเหลืองๆ ไซซ์มินิ ไม่มีหู สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เพราะถึงแม้หน้าตาจะดูน่ารัก แต่ก็สร้างช่วงเวลาปั่นป่วนอลเวงแบบสุดขีด อีกทั้งยังมีไดนามิกของตัวละครแต่ละตัวที่คลุกเคล้ากันอย่างกลมกล่อม จากทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกประมาณ 74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เชื่อไหมว่ามินเนี่ยนทำรายได้ถล่มทลายกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว

ภาพ: We Heart It

     พูดไม่รู้เรื่องแต่เข้าใจได้...มินเนี่ยนมีภาษาของตัวเองที่บางทีฟังแล้วก็มึนงงเล็กน้อย แต่สำหรับจุดนี้มันเป็นเหมือนเอกลักษณ์ที่ยากจะลืม เสียง “บา โด บี๊บ” และอื่นๆ อีกมากมายชวนให้เราเข้าถึงโลกของกองทัพตัวเหลืองแบบไม่ต้องเข้าใจความหมายลึกซึ้ง เพียงแค่ดูบริบทและลักษณะท่าทางประกอบก็เข้าใจพวกมันได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งพวกมันมีชื่อที่เป็นสากลเรียกง่าย รวมถึงใช้การผสมภาษามากมายเข้ามาสร้างจุดเด่น ดังนั้นไม่แปลกเลยที่คนจะชื่นชอบความไม่รู้เรื่องในภาษาและเหลงเสน่ห์กับตัวละครชื่อง่ายๆ ของเหล่ามินเนี่ยน

ภาพ: We Heart It

     มินเนี่ยนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความบันเทิงและสีสันชวนอมยิ้ม ตลอดระยะกว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา มินเนี่ยนก้าวกระโดดจากดาวรุ่งแอนิเมชั่นดวงใหม่ สู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ มันกลายเป็นมาสคอตของงานสำคัญๆ มากมาย รวมถึงรายการโทรทัศน์ และเป็นส่วนหนึ่งในคอนเทนต์สายบันเทิง และที่โดดเด่นที่สดครั้งหนึ่งคือการร่วมใน The Simpsons ในเวอร์ชั่นเหลืองๆ ของตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้คนจดจำตัวละครได้อย่างชัดเจน อีกทั้งสร้างความคุ้นเคย และด้วยลักษณะที่เข้าใจได้อย่างสากล ประกอบกับวิธีการนำเสนอที่ตอบโจทย์ผู้ชมก็อาจพูดได้ว่ามินเนี่ยนสร้างนิยามคำว่า “คลาสสิก” ในแบบฉบับของตัวเองได้โดยไม่ต้องสนใจเรื่องระยะเวลาความเก่าแก่แต่อย่างใด

ภาพ: Major Cineplex

     นิยามความคลาสสิกอย่างหนึ่งคือการนำเสนออะไรก็ตามแต่ให้คงอยู่และผู้คนจดจำนึกถึงอยู่ตลอด มินเนี่ยนมีปัจจัยนั้นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะจับกองทัพสีเหลืองไปไว้ไหนหรือทำอะไร มันก็จะแสดงแสงแห่งความโดดเด่นออกมาอย่างเป็นเอกลักษณ์ ก้าวข้ามมาถึงปี 2022 มินเนี่ยนกลับมาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่อีกครั้งกับ “Minions: The Rise of Guru” ภาพยนตร์เรื่องแยกที่นำเสนอมินเนี่ยนในยุค ‘70s ที่เต็มไปด้วยความสนุกที่ย้อนรำลึกถึงความโดดเด่นในอดีต ซึ่งอย่างที่กล่าวไปว่า กองทัพตัวเหลืองนี้สามารถสอดประสานไปกับได้ทุกสถานการณ์และทุกยุคสมัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในนิยามคำว่าคลาสสิก พวกมันยังคงฉายแสงเป็นดาวเด่นแม้คนจะคุ้นชินกับความปั่นป่วนแบบยุคใหม่ แต่เมื่อมันต้องสร้างโลกในแบบ 50 ปีก่อนก็ทำได้แบบไม่ประดักประเดิด ส่วนหนึ่งก็ต้องชมทีมผู้สร้างด้วยที่สามารถขับเอามนต์เสน่ห์ของมินเนี่ยนมาคลุกเคล้ากับบรรยากาศต่างๆ อย่างลงตัว โดยภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้สามารถเปิดตัวสัปดาห์แรกได้อย่างร้อนแรงด้วยตัวเลขกว่า 129 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยิ่งตรงกับสัปดาห์วันชาติของสหรัฐอเมริกา (4 กรกฎาคม) ก็ต้องบอกว่ามินเนี่ยนภาคนี้ยังมีแนวโน้มการเติบโตได้อีกไกล ส่วนหนึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าในระยะเวลาเพียงทศวรรษเดียว มินเนี่ยสร้างวิถีของตัวเองจนไม่น่าเกลียดเลยหากเราจะพูดมันว่าช่างคลาสสิกดีจริงๆ