Jonathan Bailey เริ่มต้นโด่งดังสุดขีดกับผลงาน Bridgerton ซีซั่น 2 ซึ่งเขาก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทั้งในฐานะนักแสดงและบุคคลสาธารณะผู้มีเสน่ห์จนหลายคนหลงใหล แม้จะเป็นดั่งที่รักของแฟนๆ รวมถึงเพื่อนร่วมวงการมากมาย ถึงกระนั้นโจนาธานก็เคยต้องปิดบังเรื่องเพศวิถีของตัวเอง เพราะเขาเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ ว่าเขาต้องปิดบังเรื่องดังกล่าวด้วยความอึดอัด หลายคนอาจจะมองว่าเขาเปิดกว้างและเป็นตัวแทนของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างเต็มภาคภูมิ แต่สำหรับอุตสาหกรรมบันเทิงก็ยังมีกรอบแนวคิดที่ปิดกั้นและชุดความคิดที่ผิดเพี้ยนสำหรับคนบางคนอยู่เช่นกัน

     ก้าวมาถึงวันนี้ที่โจนาธานประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม เขาขึ้นรับรางวัล Critics’ Choice Awards ครั้งที่ 29 (ประจำปี 2024) สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์หรือมินิซีรี่ส์ จากผลงานเรื่อง Fellow Travelers ซึ่งเป็นผลงานซีรี่ส์ที่บอกเล่าประสบการณ์รักที่อยู่ภายใต้ความเฟื่องฟูของแนวคิด McCarthyism ซึ่งมีชุดความคิดว่าเกย์และเลสเบียนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ นำไปสู่การต่อต้านและกำจัดจากระบบการจ้างงาน หรือกล่าวอย่างง่ายคือตัวละคร Hawkins Fuller รับบทโดย Matt Bomer นายทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และบทบาท Tim Laughlin ที่โจนาธานได้รับต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยการปิดกั้นทางความคิด

Jonathan Bailey: “To all the people who lost their lives and loves in the 80s and 90s and to every LGBTQ+ person living in a bigoted community, which still surround us, this is for you.” 🏳️‍🌈#CriticsChoiceAwards #FellowTravelers pic.twitter.com/lLJMsmScx4

— iRis 🐝 🧲🌷🧵👸🏾🤴🏻 (@iris_bee_) January 15, 2024

     ความสัมพันธ์ของตัวละครผูกโยงยาวมาตั้งแต่การประท้วงช่วงยุคสงครามเวียดนาม ยุคดิสโก้ และวิกฤตการณ์โรคเอดส์ในช่วงยุค ‘80s เรื่องราวพาสำรวจชีวิตของพวกเขาผ่านกรอบแนวคิดที่ปิดกั้น เรื่องราวและการแสดงของโจนาธานส่งให้เขารับรางวัลอันทรงเกียรติ ซึ่งเขาก็ขึ้นรับรางวัลพร้อมกล่าวว่า “ถึงทุกๆ คนที่สูญเสียชีวิตและความรักในช่วงยุค 80s และ 90s และถึงเหล่า LGBTQ+ ทุกคนผู้ต้องอยู่ภายใต้การรายล้อมของชุมชนอันคับแคบทางความคิด รางวัลนี้สำหรับพวกคุณ” นับเป็นสปีชสร้างพลังและสะท้อนให้เห็นว่าในหน้าประวัติศาสตร์มีการเหยียดและเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนพวกนี้อย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ยังมีชุมชนที่เต็มไปด้วยความคิดอันคับแคบปรากฏให้เห็น ดังนั้นเขาจึงใช้พื้นที่การขึ้นรับรางวัลเพื่อแสดงพลังออกมาดั่งการเป็นตัวแทนของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างเต็มภาคภูมิ