LIFESTYLE
'Jim Twins' โคตรฝาแฝดที่ถูกพรากออกจากกันแต่กลับมีทุกสิ่งในชีวิตเหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อถ้าสงสัยว่าฝาแฝดมีอะไรเหมือนกันบ้าง ฝาแฝดคู่นี้คงเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหมือนกันได้แทบทุกเรื่องในชีวิต |
โลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความพิศวงหลายต่อหลายอย่าง บ้างก็เป็นความแตกต่างกันสุดขั้ว บ้างก็เป็นความสุดโต่งในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือบางครั้งความเหมือนของมนุษย์ที่เหมือนวิญญาณผูกโยงไว้ด้วยกันก็น่าพิศวงไม่น้อย มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับฝาแฝดเรื่องแล้วเรื่องเล่า ความพิเศษของคู่แฝดอิน-จันก็สร้างปรากฏการณ์ให้คนทั้งโลกได้ตื่นเต้น วันนี้โว้กจะพาทุกคนย้อนอดีตไปสัมผัสกับเรื่องราวชวนขนลุกของฝาแฝดที่ถูกพลัดพรากจากกันไป แต่ทั้งคู่กลับมีทุกอย่างเหมือนกัน แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเหมือนกันได้ เตรียมพบกับความน่าตื่นเต้นของ “Jim Twins” หรือ “ฝาแฝดจิม” ได้ในบทความนี้
ฝาแฝดมักมีอะไรเหมือนกัน...แต่จะแปลกใหม่หากทั้งคู่มีแทบทุกอย่างเหมือนกันและแทบไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลยแม้แต่นิดเดียว เรื่องราวพิศวงนี้ถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกนานหลายทศวรรษ ชื่อตำนาน “ฝาแฝดจิม” กลายเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความมหัศจรรย์หนึ่งบนโลกใบนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเด็กน้อยกำพร้า 2 คน ถูก 2 ครอบครัวคือครอบครัวลูอิสและสปริงเกอร์ที่ไม่รู้จักกันแยกรับไปเลี้ยงตั้งแต่ยังไม่รู้ความ เท่ากับว่าทั้งคู่แทบไม่มีโอกาสรู้เลยว่าฝาแฝดของตัวเองนั้นอยู่ที่ไหนและมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร แต่เรื่องชวนพิลึกก็เกิดขึ้นเมื่อผู้รับเลี้ยงของทั้งคู่ตั้งชื่อว่าเจมส์เหมือนกัน อีกทั้งยังมีชื่อเล่นหรือชื่อที่เรียกในหมู่คนสนิทว่าจิมเหมือนกันด้วย เรื่องบังเอิญนี้อาจจะฟังดูเป็นไปได้ แต่เรื่องราวหลังจากนี้มันช่างพิศวงเกินกว่าจะจินตนาการ
ภาพ: The Lima News
ทั้ง 2 ครอบครัวรู้เป็นอย่างดีว่าเด็กบุญธรรมของตัวเองมีฝาแฝด แต่ไม่รู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางอะไรเลย ดังนั้นการตั้งชื่อเหมือนกันจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นได้ แต่แล้วเรื่องราวมันก็ชวนขนลุกขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่และกำลังจะสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง ทั้ง 2 จิมกลับสร้างเรื่องมหัศจรรย์อีกครั้ง พวกเขาแต่งงานกับหญิงสาวชื่อลินดา ก่อนจะต้องเลิกรากันเพราะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่น จิมและจิมยังคงเดินหน้าใช้ชีวิตต่อจนกระทั่งพบกับผู้หญิงคนหนึ่งและตกลงปลงใจแต่งงานเป็นรอบที่ 2 ครั้งนี้จิม ลูอิสแต่งงานกับผู้หญิงชื่อเบตตี้ มาถึงตรงนี้ลองเดากันดูว่าจิม สปริงเกอร์จะแต่งงานกับใคร ใช่! เดากันไม่ผิดแน่ ภรรยาคนที่ 2 ของอีกจิมก็ชื่อเบตตี้เหมือนกัน
หากย้อนกลับไปช่วงวัยเด็กเหมือนกับฝาแฝดจิมจะมีอะไรคล้ายกันมาโดยตลอด พวกเขามีสุนัขชื่อทอยเหมือนกัน เก่งเลขและงานไม้เหมือนกัน อ่อนด้านสะกดคำเหมือนกัน และยังมีนิสัยวัยเด็กคล้ายกันอีกด้วย (จากเรื่องเล่าที่บันทึกไว้ของ 2 ครอบครัว) ตอนนี้เรื่องราวของจิมกำลังทำเราขนหัวลุกขึ้นเรื่อยๆ ข้ามกลับมาหลังชีวิตแต่งงานครั้งที่ 2 กันบ้าง คราวนี้ดูเหมือนทั้ง 2 จิมจะพัฒนาชีวิตได้ดียิ่งขึ้น และแล้วเขาก็มีลูกชายกับเบตตี้เหมือนกัน มากไปกว่านั้นลูกชายของพวกเขายังชื่อเจมส์ อลันเหมือนกันอีกด้วย เรียกว่านี่คือปรากฏการณ์อันน่าตื่นเต้นที่ใครได้รู้ก็คงประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ภาพ: LifeBuzz
เรื่องราวที่กล่าวมายังสาธยายความเหมือนของทั้งคู่ได้ไม่หมด ทั้ง 2 จิมยังมีแง่มุมต่างๆ เหมือนกันอีกมากมาย ทั้งการเป็นนักสูบตัวยง ขับรถยี่ห้อเดียวกัน ทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยเหมือนกัน แม้แต่ตอนพักผ่อนพวกเขาก็ไปพักผ่อนที่หาดเดียวกันในเมืองฟลอริดา พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีทุกอย่างเหมือนกันขนาดนี้ ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาหรือนิสัยเบื้องต้น แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาแทบจะเป็นคนๆ เดียวกันที่แยกร่างได้อย่างไรอย่างนั้น วันหนึ่งจิม ลูอิสตัดสินใจว่าเขาอยากพบฝาแฝดที่พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่เด็ก ในปี 1977 ทั้งคู่ก็พบกันเป็นครั้งแรก เริ่มจากพูดคุยทางโทรศัพท์ ก่อนจะตัดสินใจนัดเจอกันในที่สุด
เรื่องราวของพวกเขากลายเป็นที่สนใจของวงการแพทย์อย่างยิ่ง ดร.โธมัส บูชาร์ด ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมินนิโซตา จึงขอให้ทั้งคู่เข้าร่วมการทดสอบความเกี่ยวพันของฝาแฝด เขาทดสอบด้วยแบบทดสอบบุคลิกภาพไปจนถึงวิจัยคลื่นสมอง ซึ่งผลลัพธ์ออกมาแทบจะเหมือนกันจนแยกไม่ออก มีเพียงข้อแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ด้วยเหตุผลนี้เรื่องราวของฝาแฝดจิมจึงถูกหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาและเป็นต้นแบบในการทำวิจัยเรื่องฝาแฝดมนุษย์ต่อไป จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
WATCH
ภาพ: All That's Interesting
ความพิศวงของฝาแฝดจิมจุดประกายให้การศึกษายีนมนุษย์เข้มข้นขึ้นอีกระดับ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนล้วนหยิบเรื่องนี้มาถอดรหัสเพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วนของมหาวิทยาลัยมินนิโซตาเองก็ศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง พวกเขาพบคำตอบว่ามีโอกาสที่ฝาแฝดจะมียีนคล้ายคลึงกันมากและส่งผลเกี่ยวกับร่างกาย กระทำ ลักษณะนิสัย และอื่นๆ อีกมากมายโดยตรง เรื่องนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อนักวิชาการเชิงสังคมวิทยาที่มองว่ามนุษย์เติบโตด้วยการหล่อหลอมทางสังคมมากกว่าถูกกำหนดด้วยยีน แต่ละฝ่ายต่างมีเหตุผลและข้อมูลอ้างอิงที่หนักแน่น แต่จนถึงปัจจุบันมีเพียงคำว่า “ทฤษฎีกระแสหลัก” กับ “ทฤษฎีกระแสรอง” ขึ้นอยู่กับยุคสมัยเท่านั้น แต่ยังไม่มีใครพร้อมตอบคำตอบแบบฟันธงว่า “ทำไมฝาแฝดที่แยกห่างจากกันถึงมีอะไรเหมือนกันได้ขนาดนี้”
ฝ่ายวิทยาศาสตร์เหมือนจะค้างคาใจกับเรื่องนี้ที่สุด พวกเขาเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับคุณสมบัติของมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกกำหนดด้วยยีน แต่ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลชุดไหนที่สามารถตอบได้ว่าพวกเขาบังเอิญมีชื่อสัตว์เลี้ยง ภรรยาทั้ง 2 คน ลูกชาย หรือแม้แต่อาชีพการงานที่เหมือนกันได้อย่างไร หลายครั้งมีผลลัพธ์จากการทดลองที่น่าสนใจระบุว่าฝาแฝดที่ถูกพรากจากกันไปยังคงถ่ายภาพด้วยลักษณะท่าทางเดียวกัน แม้จะไม่รู้จักกันหรือเคยเห็นกันมาก่อนก็ตาม ทว่าสุดท้ายคำอธิบายก็วนเวียนอยู่เพียงขอบรอบๆ เรื่องฝาแฝดจิมอยู่เสมอ ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากพยายามพูดถึงความเหมือนกันทางยีนที่ส่งผลไปยังพฤติกรรมและความคิดส่วนลึก แต่ข้อมูลเฉพาะเจาะจงอย่างชื่อหรือดวงชะตาบางอย่างไม่เคยถูกอธิบาย วันนี้เรื่องของฝาแฝดจิมยังคงเป็นปริศนา ยังคงเป็นตำนานความพิศวงที่เข้าขั้นเรื่องราวระดับท็อปของ Ripley’s มากไปกว่านั้นยังเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของมวลมนุษยชาติที่ตั้งคำถามว่าเรากำลังพยายามหาคำตอบกับบางสิ่งโดยใช้วิทยาศาสตร์นั้นถูกต้องแล้วจริงหรือไม่ แล้วคุณล่ะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องฝาแฝดจิมบ้าง
ข้อมูล:
WATCH