LIFESTYLE

ทำความรู้จัก 'Luca' ภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดยาว กับตัวละครสะท้อนความลื่นไหลทางเพศ

หลายคนยกให้ลูก้าเทียบเท่ากับภาพยนตร์เรื่อง Call Me By Your Name ในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นก็ไม่ปาน...

     ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์เวอร์ชั่นคนแสดงที่แทรกซึมประเด็นความหลากหลายทางเพศอย่างเข้มข้น ทว่าในอีกด้านหนึ่งสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่น หรือภาพยนตร์การ์ตูน เรากลับไม่ค่อยได้เห็นประเด็นของความหลากหลายทางเพศเข้าไปโลดแล่นมากนัก สาเหตุหนึ่งก็คงอันเนื่องมาจากกลุ่มคนดูภาพยนตร์ประเภทดังกล่าวยังเป็นเด็ก และเยาวชนเสียส่วนใหญ่ ที่ยังไม่อาจใช้วิจารณญาณได้อย่างเต็มที่ กระนั้นเมื่อสังคมโลกหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ไม่อาจห้ามกระแสการยอมรับความหลากหลายทางเพศที่เกิดขึ้น และแทรกซึมอยู่ในทุกพื้นที่ได้ นั่นจึงทำให้เราได้เห็นภาพยนตร์จากค่ายพิกซาร์เรื่องล่าสุดนามว่า “Luca” เกิดขึ้นในโลกภาพยนตร์เมื่อไม่นานมานี้

     หากยังจำกันได้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 สตูดิโอพิกซาร์ได้พาคนดูเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศเม็กซิโกมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อร่วมดื่มด่ำกับวัฒนธรรมชายฝั่งเม็กซิกันในภาพยนตร์เรื่อง Coco อันแสนโด่งดัง และในช่วงเวลาเพียงแค่ 4 ปีต่อมา ในปี 2021 พิกซาร์ก็กำลังจะพาพวกเราเดินทางไปยังชายฝั่งอิตาลีอีกที่หนึ่ง เพื่อร่วมผจญภัย และซาบซึ้งกับแอนิเมชั่นแนวคัมมิ่งออฟเอจเรื่องลูก้า ฝีมือการกำกับโดย Enrico Casarosa ผู้กำกับแอนิเมชั่นชื่อดัง ที่สรรสร้างเรื่องราวทั้งหมดให้เกิดขึ้นในบริเวณเมืองริมชายฝั่งอันแสนสวยงามบริเวณ The Italian Riviera พร้อมให้ทุกคนได้สัมผัสกับชีวิตเด็กชายคนหนึ่งที่ได้ไปเผชิญกับประสบการณ์ช่วงฤดูร้อนที่ไม่อาจลืมเลือน ทว่าสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กับเนื้อเรื่องที่หลายๆ คนต่างจับจ้อง ก็เห็นจะหนีไม่พ้นตัวละครเอกในเรื่องอย่าง “ลูก้า” ที่นักวิจารณ์หลายคนต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าคือ “ตัวละครรักร่วมเพศ”...

     สื่อหลายสำนักต่างตั้งข้อสังเกตไปในทางเดียวกันว่า ความสัมพันธ์ของตัวละครในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นความสัมพันธ์ของตัวละครรักร่วมเพศ เนื่องจากหลายองค์ประกอบที่ทำให้สามารถตีความไปได้เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวละครแอนิเมชั่นเด็กผู้ชาย 2 คน ให้ร่วมเดินทางผ่านประสบการณ์การผจญภัยเพื่อเติบโตไปพร้อมๆ กัน ไปจนถึงช่วงเวลาที่พิกซาร์นำภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ออกฉายนั่นคือเดือนแห่ง #PrideMonth จึงทำให้ชาวทวิตเตอร์อนุมานได้ว่า ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้อาจต้องการร่วมเฉลิมฉลองให้กับความหลากหลายทางเพศ อีกทั้งสื่อบางสำนักยังตีความต่อไปอีกว่า การสร้างตัวละครที่เป็นสัตว์ประหลาดขึ้นมาให้มีความสัมพันธ์กับตัวละครที่เป็นคนนั้น ก็ดูจะเข้าข่ายความสัมพันธ์แบบ Queer ไม่น้อย กระทั่งที่หลายคนยังยกให้ลูก้าเทียบเท่ากับภาพยนตร์เรื่อง Call Me By Your Name ในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นก็ไม่ปาน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่อง บรรยากาศที่โอบล้อมตัวละครเอาไว้ ไปจนถึงเงื่อนไขแบบคัมมิ่งออฟเอจที่ทำให้ตัวละครต่างเรียนรู้จากประสบการณ์ และเติบโตขึ้นจนจบเรื่องนั่นเอง

     แม้ว่าทางพิกซาร์จะไม่ได้ออกมายอมรับข้อสังเกตดังกล่าวอย่างชัดเจน หากก็ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “แอนิเมชั่นอาจจะไม่ได้ไปไกลขนาดนั้น แต่ก็มีหลายบริบทที่ปรากฏในภาพยนตร์ที่สามารถถูกเล่าให้เชื่อมโยงกับกลุ่มคน LGBTQ+ ได้เช่นกัน” ...กระนั้นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของพิ๊กซาร์ที่พูดถึงความหลากหลายทางเพศเสียทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้พิกซาร์ยังได้เปิดตัวแอนิเมชั่นขนาดสั้นเรื่อง “Out” ที่มีตัวละครเกย์เป็นครั้งแรกมาแล้ว เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา หากครั้งนี้ก็นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดยาวเรื่องแรก และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายปลายเปิดครั้งสำคัญที่ทำให้คนดูได้กลับไปขบคิด และไม่ตัดสินว่าตัวละครแอนิเมชั่นเป็นเพศอะไร ซึ่งนับว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว



WATCH




ข้อมูล : www.scmp.com, Buzzfeed, Major Ciniplex และ www.pixar.com

WATCH