LIFESTYLE
มัดรวม 5 ภาพยนตร์แนะนำของผู้กำกับระดับตัวพ่อ ‘คริสโตเฟอร์ โนแลน’หลังจาก 'คริสโตเฟอร์ โนแลน' ประกาศสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ในชื่อ ‘The Odyssey' เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงฝีมือระดับขึ้นหิ้ง โว้กขอรวบ 5 ภาพยนตร์แนะนำจากฝีมือเสด็จพ่อโนแลนว่ามีเรื่องไหนน่าดูบ้าง |
หลังจากคริสโตเฟอร์ โนแลนประกาศสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ในชื่อ ‘The Odyssey' ที่เตรียมฉายเดือนกรกฎาคม 2026 นี้ก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจและการรอคอยให้แก่คอภาพยนตร์เป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่รู้กันว่าฝีมือการกำกับของโนแลนไม่เคยทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวัง เรียกได้ว่าเข้าขั้นระดับตัวพ่อจนได้ฉายาที่แฟนๆ ประดับให้ว่า ’เสด็จพ่อ’ และเพื่อเป็นการย้ำเตือนถึงความเป็นผู้กำกับตัวพ่อของวงการฮอลลีวู้ด โว้กเลยขอรวบรวม 5 ภาพยนตร์จากฝีมือการกำกับของเสด็จพ่อโนแลนมาแนะนำว่ามีเรื่องไหนที่ไม่ควรพลาด!
Courtesy of Universal Pictures
oppenheimer ออปเพนไฮเมอร์
ภาพยนตร์การกำกับเรื่องล่าสุดของคริสโตเฟอร์ โนแลนที่คว้ารางวัลออสการ์ไปได้หลายสาขา โดยเป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่เล่าถึงเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ผู้เป็นหัวหอกในการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ ขึ้นชื่อว่าหนังชีวประวัติหลายคนอาจเบือนหน้าหนีให้กับความเบื่อหน่ายในเรื่องราวที่ล้วนเคยได้ยินมาบ้าง แต่สิ่งที่ทำให้ต้องกลับมาพิจารณาหนังชีวประวัติเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น End Credit ที่มีชื่อของโนแลนเป็นผู้กำกับ เพราะเราต่างประจักษ์มาแล้วว่าลวดลายการเล่าเรื่องของเขาไม่เหมือนใคร และเป็นอย่างที่แฟนๆ คาดหวังหนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวชีวประวัติเรียบง่ายของนักวิทยาศาสตร์แต่กลับแฝงไปด้วยปรัชญา จริยธรรม และสภาพจิตใจของตัวละครที่ถ่ายทอดออกมาล้นจอ หากใครชอบภาพยนตร์ลึกซึ้งแฝงอารมณ์และมีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ Oppenheimer เป็นเรื่องที่ต้องดูสักครั้ง
WATCH
Courtesy of Warner Bros. Thailand
Interstellar ทะยานดาวกู้โลก
หากกล่าวถึงภาพยนตร์ไซไฟของโนแลนหลายคนอาจนึกถึงหนังเรื่องนี้เป็นอันดับแรกๆ ที่โด่งดังจนมีชื่อเข้าชิงออสการ์ แต่มากกว่าความเป็นไซไฟตัวหนังได้สอดแทรกความดราม่าเข้าไปอย่างแนบเนียน Interstellar เรื่องราวของกลุ่มนักบินอวกาศที่ต้องออกไปหาดาวเคราะห์ใหม่ที่จะช่วยให้มวลมนุษยชาติเอาตัวรอดจากโลกที่กำลังเสื่อมสภาพเพราะปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมีการใช้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างน่าสนใจมาผสมผสานเข้ากับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง ถ้าคุณชอบความไซไฟและดราม่าครบอารมณ์นี่คือภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาด
Courtesy of Netflix
Inception จิตพิฆาตโลก
หนึ่งในหนังสเกลใหญ่ของโนแลนที่รวมดาวเด่นของวงการฮอลลีวู้ดไว้มากมาย เรียกได้ว่าปล่อยของอย่างเต็มที่กับพล็อตล้ำๆ เหนือความคาดหมายกับเรื่องราวสุดซับซ้อนของนักจารกรรมความคิดที่มักเข้าไปในฝันและปลูกฝังจิตใต้สำนึกของเหยื่อ สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นไม่เหมือนใครคือการเล่นกับแนวคิดความจริงและความฝันที่สลับซับซ้อน สร้างความสับสนว่าสิ่งที่เผชิญอยู่คือความฝันหรือความจริง Inception หนังท้าทายความคิดและความเป็นจริงที่ผสมผสานความตื่นเต้นของโลกแฟนตาซีกับเรื่องราวทางอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง หากใครชอบหนังเหนือจินตนาการถ่ายทอดเรื่องราวปลายเปิดที่เล่นไปกับการตีความของผู้ชม เรื่องนี้นับเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องดู!
Courtesy of Prime Video
Memento ภาพหลอนซ่อนรอยมรณะ
หนึ่งในภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของโนแลนที่ทิ้งลายเซ็นการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร เล่าล้อไปกับความทรงจำของมนุษย์ ตัวหนังเล่าถึงชายผู้สูญเสียความสามารถในการสร้างความทรงจำระยะยาวหลังจากประสบอุบัติเหตุจนต้องตกอยู่ในภาวะความจำเสื่อม โดยเขากำลังตามหาคนที่ฆาตกรรมภรรยาของเขาด้วยวิธีการจดบันทึกและถ่ายภาพ แต่แล้วการตามหาความจริงกลับยุ่งเหยิงมากขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นที่ทำให้หนังเรื่องนี้ต้องถูกเพิ่มเข้าลิสต์คือการเล่าเรื่องที่ไม่ทิ้งลายตามสไตล์โนแลน ส่งให้ผู้ชมได้สัมผัสและมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร Memento ภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยปริศนาและความซับซ้อน โดยเฉพาะการถ่ายทอดเรื่องราวและการเล่นกับเวลา ถ้าคุณชอบภาพยนตร์ติสต์ๆ ไม่ตามสูตรเดิมๆ นับว่าไม่ควรพลาด
Courtesy of SF Cinema
Batman แบทแมน
ขอปิดท้ายบทความไปด้วยภาพยนตร์ไตรภาคมหากาพย์ของโนแลนอย่าง Batman Begins ที่ถือเป็นการรีบูตที่ยอดเยี่ยมของแฟรนไชส์แบทแมน โดยโนแลนพาย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของอัศวินรัตติกาล ความเจ็บปวดต่างๆ ที่ต้องเผชิญรวมถึงการตัดสินใจว่าจะเป็นฮีโร่แบบไหน ถัดมาที่เรื่องราวที่สองของไตรภาคและหลายๆ คนยกให้เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่าง The Dark Knight ที่มายกระดับความหวังของแฟรนไชส์ เมื่ออัศวินรัตติกาลต้องมาเจอกับบททดสอบขนาดใหญ่อย่างโจ๊กเกอร์ ศัตรูคู่บุญที่มาพร้อมความบ้าดีเดือดที่จะมาทดสอบขีดจำกัดของแบทแมนและจิตใจของบรูซ เวย์น และปิดไตรภาคอย่างยิ่งใหญ่ด้วย The Dark Knight Rises ที่แม้จะตกหล่นจากมาตรฐานของสองภาคแรกไปบ้าง แต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งในตัวของมันเอง โดยเป็นเรื่องราว 8 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคก่อน แบทแมนหายตัวไปและชาวเมืองก็อธแธมต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่ โดยภาคนี้เน้นการฟื้นฟูสภาพจิตใจของบรูซ เวย์นที่ต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียความมั่นคงในตัวเองและการกลับมาผงาดอีกครั้งในฐานะแบทแมน นับเป็นบทสรุปที่น่าประทับใจและส่งท้ายไตรภาคได้อย่างสมบูรณ์
ภาพ: Courtesy of Steaming (Apple TV, Netflix, Prime Video)
WATCH