LIFESTYLE
ทำความเข้าใจ 'การปิดหน้าลูก' ใหม่อีกครั้ง ผ่านบทเรียนของเหล่าเซเลบริตี้ฮอลลีวู้ดในฐานะผู้ปกครอง สิ่งสำคัญที่ควรทำคือ 'การพิทักษ์สิทธิความเป็นส่วนตัวและปกป้องความปลอดภัยของเด็ก' อย่างถึงที่สุด จนกว่าที่เด็กคนนั้นจะสามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ |
หากใครก็ตามที่เป็นแฟนคลับศิลปินและนักแสดงฝั่งฮอลลีวู้ด เมื่อช่วงเดือนหลายเดือนที่ผ่านมา ก็คงจะได้ยินข่าวคราวของการให้กำเนิดทายาทกันอย่างต่อเนื่อง ทว่าสิ่งที่ดูจะต่างออกไปจากสมัยก่อนหน้านี้ก็เห็นจะเป็นการตัดสินใจของเหล่าคุณแม่เซเลบริตี้เหล่านั้น ที่ให้ความสำคัญกับ ‘ความเป็นส่วนตัว’ ในการให้กำเนิดทายาท และการเปิดเผยลูกของพวกเธอต่อหน้าสาธารณชนในขณะที่ยังเป็นเด็กทารกอยู่ จุดประกายให้สังคมอันศิวิไลซ์เริ่มตั้งคำถามและถกเถียงกันต่อไปถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งในฝั่งตะวันตกก็ดูเหมือนจะเห็นตรงกันว่า การพิทักษ์สิทธิของเด็กที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรทำเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งที่ในหลายๆ ประเทศที่เล็งเห็นความสำคัญของสิทธิเด็กก็ยังบัญญัติเอาไว้เป็นกฎหมายชัดเจน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ซูเปอร์โมเดลแห่งยุคอย่าง Gigi Hadid ให้กำเนิดทายาทของคนแรกของเธอ และได้พาลูกสาวของเธอไปเดินเล่นพร้อมรถเข็นในพื้นที่สาธารณะ จนทำให้เกิดประเด็นที่เธอได้ออกมาประกาศขอความร่วมมือให้เหล่าปาปารัสซี่เบลอใบหน้าลูกของเธอออกจากสื่อทุกแขนง เพื่อปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของเด็กในฐานะของผู้เป็นแม่มาแล้ว แม้แต่กรณีของแร็ปเปอร์หญิงชื่อดังอย่าง Cardi B และสามีของเธอ Offset ยังตัดสินใจเลือกที่จะปกปิดใบหน้าทายาทของพวกเขา โดยหลีกเลี่ยงที่จะถ่ายภาพลูกของตัวเองลงบนโซเชียลมีเดีย เนื่องจากตระหนักในประเด็นนี้ หรือแม้แต่ Kylie Jenner เองที่ดูจะเป็นเซเลบริตี้ที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ตลอดเวลา ยังตระหนักถึงสิทธิและความเป็นส่วนตัวของลูกของเธอ แม้ว่าในตอนแรกที่เธอให้กำเนิดทายาท Stromi ในปี 2018 ที่ผ่านมา เธอจะกระหน่ำโพสต์รูปถ่ายของลูกของเธออย่างหนักก็ตาม แต่ในเวลาต่อมาไคลีย์ก็ตัดสินใจไล่ลบรูปทั้งหมดของลูกเธอบนโซเชียลมีเดียของเธอ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นของเซเลบริตี้สังคมโลกตะวันตกตระหนักถึงประเด็นสิทธิ ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของเด็กเป็นสำคัญ (กระทั่งที่เซเลบริตี้บางคนยังให้ความสำคัญในการให้กำเนิดทายาทเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เปิดเผยต่อสื่อสาธารณะอีกด้วย)
กระนั้นสิ่งที่สังคมไทยต้องทำความเข้าใจในประเด็นดังกล่าวให้เข้มข้นมากขึ้นก็คือ สิทธิของเด็กเป็นของเด็ก และในฐานะของพ่อแม่หรือผู้ปกครองมีหน้าที่ในการพิทักษ์สิทธิ ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของเด็กอย่างถึงที่สุด จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขานั้นโตมากพอที่จะตัดสินใจได้ว่าตัวของเขาต้องการจะโลดแล่นอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียอย่าง เมื่อนั้นเขาจะต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง
ที่เรากำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยของเด็กไม่รู้ประสีประสาที่อาจถูกคุกคามและเข้ามาทำร้ายถึงตัวเท่านั้น หากอาชญากรรมเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ หนึ่งในกรณีศึกษาสำคัญคือ Children Predator หรือนักลักพาตัวเด็กที่อาจติดตามการเคลื่อนไหวผ่านโลกโซเชียลมีเดีย และวางแผนก่อการลักพาตัวกับลูกของคุณก็เป็นได้ หรือกรณีที่มีการนำรูปไปแอบอ้างเพื่อการทำอาชญากรรมในช่องทางอื่นๆ ก็อาจเกิดขึ้นกับลูกของคุณได้เช่นเดียวกัน และท้ายที่สุดที่ดูจะเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เลยเถิดจากกรณีเปิดเผยใบหน้าของลูกคนดังก็คือ การทำให้ทายาทของตัวเองกลายเป็นสินค้าหารายได้อย่างหนึ่งในอนาคต ซึ่งอาจขัดต่อกฎหมายการใช้แรงงานเด็กได้อีกด้วย
WATCH
จะบอกว่าเป็นประเด็นใหม่ก็คงจะไม่ใช่ เพราะประเด็นดังกล่าวถูกถกเถียงอย่างกว้างขวางในหลายประเทศมาแล้วเนิ่นนาน ซึ่งตอนนี้ผู้เขียนก็คิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมานั่งวิพากษ์ประเด็นดังกล่าวกันอย่างกว้างขวางในสังคมไทย เพื่อตกตะกอนความรู้ให้กับสังคมส่วนรวม อีกทั้งก็คงจะถึงเวลาแล้วเช่นเดียวกันที่เหล่าคนดัง และแฟนคลับ ต้องแยกให้ออกระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน และตอบแทนแฟนคลับด้วยผลงานคุณภาพฝีมือระดับพระกาฬ ไม่ใช่การเปิดหน้าลูกให้คนอื่นดู ทั้งที่ยังไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัว และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตเด็กคนหนึ่งในอนาคต
ข้อมูล : Mamaslatinas.com
WATCH