LIFESTYLE
Billie Eilish เผยความเห็นเรื่องความรุนแรงของแฟนๆ ที่วิจารณ์กันด้วยความ “Toxic” อย่างยิ่งการออกโรงปกป้องและพยายามชี้นำความคิดอาจรุนแรงถึงขนาดเกิดการทะเลาะวิวาทกันบนโลกออนไลน์ นำมาสู่การใช้อารมณ์เพื่อบ่อนทำลายกันและกัน |
ปัจจุบันโลกออนไลน์เปรียบเหมือนสมรภูมิดุเดือดที่เหล่าแฟนคลับของศิลปินต่อสู้กันด้วยถ้อยคำผ่านแป้นพิมพ์ Billie Eilish คือหนึ่งในศิลปินที่รับรู้และรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผลงานเพลงที่เธอตั้งใจรังสรรค์ขึ้นในมุมมองเฉพาะตัว ซึ่งเรื่องราวเบื้องหลังของการแต่งเพลงกลายเป็นที่ถกเถียงกันของแฟนคลับ มันถูกนำไปตีความ ถอดรหัส และประเด็นดังกล่าวก็ถูกนำมาเป็นหัวข้อสำหรับการโต้แย้งของคนหลายกลุ่ม ทำให้บิลลี่รู้สึกว่าสถานการณ์มัน “Toxic” เสียเหลือเกิน
ผลงานอัลบั้มใหม่ล่าสุด ‘Hit Me Hard and Soft’ เปลี่ยนแปลงจากการหยิบยกแรงบันดาลใจจากมุมมองคนๆ เดียวสู่การบอกเล่าเรื่องราวในหลากหลายสถานการณ์มากขึ้น ทว่าเรื่องนี้นำมาสู่ประเด็นการถกเถียงกันของแฟนๆ จนทำให้บิลลี่มองว่าเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างยิ่ง และยังบอกด้วยว่า “โลกอินเทอร์เน็ตมันโหดร้าย” พร้อมเสริมว่า “คุณสามารถเขียนเพลงเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกในรูปแบบเฉพาะ และ(คนบน)โลกอินเทอร์เน็ตก็ปกป้องคุณจะสิ่งนั้นหรืออะไรก็ตาม แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องราวอันโหดร้าย”
ต้องบอกว่าบิลลี่ไม่ได้รู้สึกกับการวิพากษ์วิจารณ์โดยตรง แต่กลับรู้สึกถึงความคุกรุ่นที่เกิดขึ้นระหว่างแฟนคลับ ซึ่งเธอมองว่าแฟนฮาร์ดคอร์นั้นรุนแรงเกินไป บางครั้งพวกเขาโจมตีผู้เห็นต่างอย่างหนักหน่วง บิลลี่เปรียบเรื่องนี้ด้วยคำพูดว่า “ผู้คน(ในอินเทอร์เน็ต)นั้นเหี้ยมโหด” โดยเธอมองว่าประเด็นที่เกิดขึ้นนั้นทำให้หลายคนมีแนวคิดว่าคนเห็นต่างนั้นไม่ดีเพราะทำให้ตัวบิลลี่เองรู้สึกอะไรบางอย่าง และกระโดดเข้ามาปกป้องจนเกินพอดี มันเลยเถิดถึงขั้นอาจต้องการทำลายชีวิตหรือตัวตนบนโลกออนไลน์ของคนๆ นั้น ดังนั้นสำหรับบิลลี่การแต่งเพลงคือการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและประสบการณ์ ความเห็นของแฟนๆ หรือคนบนโลกออนไลน์ทั่วๆ ไปอาจทำให้มัน “Toxic” กว่าที่ควรจะเป็น วัฒนธรรมที่แฟนๆ ถกเถียงกันอย่างรุนแรงนั้นยากจะรับมือ ซึ่งเธอก็แนะนำและเน้นย้ำว่าไม่ควรแบกรับและหลีกหนีไปจากมันเสีย นี่คือสิ่งที่ศิลปินคนหนึ่งรู้สึกเกี่ยวกับประเด็นการโต้เถียงที่มันเลยเถิดสู่ความรุนแรงโดยมีจุดตั้งต้นจากมิติความนามธรรมที่ผู้แต่งเพลงเองไม่ได้ต้องการให้ใครถอดรหัสหรือพยายามเจาะประเด็นอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น
WATCH