Eminem
LIFESTYLE

คว้านแก่นศิลปิน Eminem ทำไมใครๆ ก็ต้องยกให้เขาเป็นเจ้าโลกแห่งการแร็ป

เหตุผลที่ทำให้ Eminem เป็นเจ้าแห่งการแร็ปที่แม้แต่คนผิวสีผู้บุกเบิกดนตรีประเภทนี้ยังต้องคารวะให้กับเขา

     ฮิปฮอปเป็นอีกหนึ่งสายดนตรีที่มีศิลปินจำนวนมากจับเจ่าเป็นเจ้าของ หากในวันที่ชนผิวดำผู้สร้างเพลงสายนี้กำลังโลดแล่นอยู่ในวงการเป็นจำนวนมาก Marshall Bruce Mathers III หรือชื่อที่คนรู้จักกันทั่วโลกอย่าง Eminem ก็ก้าวเข้ามาประกาศกร้าวว่าคนขาวเองก็ทำเพลงฮิปฮอปและร้องแร็ปได้อย่างแฟร์ๆ ไม่ต่างกัน 

     ความกดดันและการต่อสู้เกิดขึ้นตั้งแต่ศึกยังไม่ทันเริ่ม เมื่อเอ็มรู้ดีว่าเพลงประเภทนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะเปิดประตูรับคนขาวอย่างเขา แต่เขาก็ยังเลือกที่จะดั้นด้นเดินหน้าและต่อสู้ทุกด่านด้วยสกิลการเล่าเรื่อง การแร็ป และการไรม์แสนเทพจนเจ้าของสายเพลงเองยังอดทึ่งไปกับฝีมือของเขาไม่ได้ ผลพวงเหล่านี้ถูกบ่มเพาะมาแต่เด็ก เนื่องจากเอ็มเปลี่ยนโรงเรียนบ่อยครั้งเลยทำให้เขามีเพื่อนน้อย เขามักจะโดนรังแกและถูกหาว่าเป็นคนจรเสมอ เนื่องจากเขากับแม่อยู่ไม่ค่อยเป็นหลักเป็นแหล่งเท่าไหร่นัก ชีวิตระหกระเหินทำให้เขากลายเป็นคนค่อนข้างหยาบคายตรงไปตรงมา หากสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้ได้ตลอดคือเอ็มหลงใหลในภาษา เขาชื่นชอบภาษาอังกฤษมาก ในวัยเด็กเขาเรียนรู้คำจากการอ่านหนังสือการ์ตูนและการเปิดพจนานุกรมเล่นอยู่บ่อยครั้ง 

Eminem

ภาพ: OutPump

     เอ็มออกสู้เพื่อความฝันเดินหน้าตะลุยเข้าแข่งขัน “Rap Battle” หลายต่อหลายครั้ง จนสกิลปราบเซียนของเขาดันไปเข้าหู Dr.Dre แร็ปเปอร์รุ่นเดอะที่มองเห็นพรสวรรค์และความสามารถในการแร็ปและการแต่งไรม์ของเอ็ม เขาเลยชวนเอ็มให้มาเซ็นสัญญาเข้าสังกัด Aftermath Entertainment ของเขาเอง แม้ว่าจะโดนเสียงวิจารณ์และเจอข้อขัดแย้งมากมายว่าเพลงฮิปฮอปนั้นเป็นของคนผิวดำ ไม่ใช่ผิวขาวอย่างเอ็ม แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด เพราะเขาค้นพบเพชรเม็ดงามที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการแร็ปไปตลอดกาล

Eminem

ภาพ: Capital FM

เพราะความสามารถอันยอดเยี่ยม

     เอ็มสร้างชื่อเสียงด้วยความสามารถของตัวเองจนกระทั่งกลายมาเป็นบุคคลต้นแบบ และเป็นศิลปินที่ได้รับการยกย่องจากแร็ปเปอร์ด้วยกันเองมากที่สุด เขาประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของการเป็นศิลปินนักแต่งเพลงและในแง่ของยอดขาย เขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายมากที่สุดในโลกรวมมูลค่าแล้วอยู่ที่ 220 ล้านเรกคอร์ด เอ็มเก็บรางวัลจำนวนมหาศาลทั้งจาก Grammy Awards 15 รางวัล, American Music Awards 8 รางวัล, และอีก 17 รางวัลจาก Billboard Music Awards และบิลบอร์ดยังยกให้เขาเป็น Artist of the Decade (2000–2009) อีกด้วย นอกจากนี้เขายังได้รางวัลจาก Academy Award สำหรับ Best Original Song ในเพลง Lose Yourself, นิตยสาร Rolling Stone ยกให้เขาติดทำเนียบ 100 ศิลปินยอดเยี่ยมตลอดกาล และทำเนียบ 100 นักแต่งเพลงยอดเยี่ยมตลอดกาล



WATCH




ภาพ: Pinterest

     ความสามารถในการแต่งแร็ปของเอ็มเรียกว่าไม่มีใครเหมือน ทั้งพลังโฟลว์หรือความลื่นไหลในการแร็ปของเอ็มมีการแร็ปที่เร็วมากคร่าวๆ ที่ 97 คำ ภายใน 15 วินาที ยกตัวอย่างในเพลง Godzilla ท่อนหนึ่งมีความยาวประมาณ 31 วินาที ประกอบด้วย 224 คำ 330 พยางค์ คิดเป็น 10.65 พยางค์ (หรือ 7.23 คำ) ต่อวินาทีเท่านั้น นอกจากนี้คือฝีมือการแต่งแร็ปที่คล้องจองและเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นการบอกเล่าเรื่องราวและผูกโยงเข้าด้วยกันได้อย่างไล่เรียง เขามักจะแต่งไรม์ทั้งในประโยคและระหว่างประโยคได้แบบที่เรียกว่าเก็บเรียบ เลเยอร์และบาร์ในแต่ละท่อนผนวกรวมกันแล้วมีความหมายซ่อนนัยยะทั้งหมดไม่ใช่แค่คำที่สรรหาเพื่อใส่ให้เสียงลงตัวกันเท่านั้น 

     เอ็มจัดว่าเป็นคนหัวไวมากเมื่อเป็นเรื่องของคำศัพท์เขามีมันอยู่ในหัวแทบจะตลอดเวลา อย่างการแร็ปแบตเทิลเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาแต่งบาร์และไรม์ทั้งหมดแค่ 2 นาที หรือจะเป็นเพลงดัง Rap God ที่ทำให้เขาเป็น Rap God จริงๆ นั้นใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีในการแต่งแร็ปทั้งหมด 

Eminem

ภาพ: Eminem Pro

เพราะหลักการทำงานที่ไม่เหมือนใคร

     สำหรับวิธีการทำงานของเอ็มก็มีระเบียบแบบแผนเสียจนแร็ปเปอร์อย่าง Akon เองถึงกับอึ้งแต่ก็อดที่จะรู้สึกยกย่องไม่ได้ เขาเปิดเผยว่าการทำงานกับเอ็มนั้นไม่เหมือนกับการทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่น เอ็มมาทำงานราวกับพนักงานบริษัทที่เข้างาน 9 โมงเลิกงาน 5 โมงในขณะที่ศิลปินคนอื่นมักจะทำงานตามอารมณ์ เวลาไหนนึกคะนองก็อยู่ในสตูดิโอทั้งวันทั้งคืน วันไหนนึกอะไรไม่ออกก็ไม่ทำเลย 

     “เขาเข้ามาที่สตูดิโอเวลา 9 โมงเช้าทุกวัน ออกไปกินข้าวเที่ยงตอนบ่ายโมง แล้วก็ออกงานตอน 5 โมงเย็นเป็นเวลา ผมไม่เคยนึกอะไรแบบนี้จากเขาเลย วันแรกที่ผมไปทำงานกับเขา ผมไปสตูดิโอประมาณ 6 โมงเย็น เอ็มกำลังจะกลับพร้อมพูดว่าฉันไปแล้วนะ ผมบอกแต่ผมเพิ่งมานายจะกลับเข้ามาอีกไหม เอ็มบอกจะกลับเข้ามาตอน 9 โมงเช้า พอวันรุ่งขึ้นผมก็ไปหาเขาเราเจอกัน 9 โมง ก็ทำเพลงกันไปแล้วเอ็มบอกเขาจะไปหาข้าวกินตอนกลางวัน พอกลับมาเราก็ทำงานต่อ อัดเสียง อัดคอรัส พอ 5 โมง เขาบอกโอเคเพื่อนไปแล้วนะเจอกันพรุ่งนี้ ผมแบบนี่ล้อเล่นหรือเปล่า”

     เอ็มตอบกลับมาว่า “ฉันชอบอยู่ที่นี่นะ ฉันทรีตมันเป็นงานจริงจัง ฉันไม่ทำมากเกินกว่าที่จำเป็นไม่อยากให้มันทำฉันเครียดหรือต้องทำให้ฉันหมกมุ่นกับมันนานเกินไป ฉันมีครอบครัว มีลูกสาว ฉันต้องทำเวลา แล้วผมก็เลยแบบนี่มันโคตรจริง เพราะบางครั้งผมอยู่สตูฯ ติดกัน 3-4 วัน ไม่ออกไปไหน ไม่เจอลูกเมีย ผมมานั่งคิดว่าการทำงานของเอ็มมันเมกเซนส์มากเลยทีเดียว”

Eminem

ภาพ: BuzzFeed

เพราะการสู้ไม่ถอย

     แม้เขาจะเป็นศิลปินที่มีความสามารถและเก่งกาจขนาดไหน หากในอีกด้านหนึ่งเอ็มมิเน็มเองก็ไม่ได้ดีถี่ถ้วนเสมอไป เขายังคงเป็นมนุษย์สีเทาๆ ที่มีความก้าวร้าวและการคิดน้อย เขาเสียดสีผู้คนจำนวนมากเป็นอาชีพจากการแร็ป ซึ่งบางครั้งมันก็เป็นเรื่องจริงที่กล่าวโทษไม่ได้ อย่างตอนเขาอุทิศเพลง Killshot ให้กับ Machine Gun Kelly หลังจากที่ลูกสาวเขาถูกพาดพิงถึงในทางที่ไม่ดี แต่บางครั้งมันก็เกินขอบเขตไปหน่อยอย่างเนื้อหาถึง Christina Aguilera ในทางเสื่อมๆ จากเพลง The Real Slim Shady หรือตอนว่า Rihanna เพราะเขาดันไปเข้าข้าง Chris Brown ที่ใช้ความรุนแรงกับเธอ ยังมีอีกหลายครั้งที่เขาดูจะสนับสนุนความรุนแรงอย่างการแร็ปเรื่องการใช้กำลังกับภรรยาเก่าของตัวเองอีกต่างหาก

     นอกไปจากนั้นเอ็มยังเคยติดสุรา ยานอนหลับ และยาแก้ปวดขนาดหนัก จนเกือบสังเวยชีวิตให้กับมันเมื่อปี 2007 จากการทำงานอย่างหนักในช่วงถ่ายทำภาพยนตร์ 8 Mile ที่มากถึง 16 ชั่วโมงต่อวันและไม่ได้หยุดพัก เหตุการณ์ช็อกหมดสติของเขาทำให้เอ็มมิเน็มตัดสินใจเข้าสถานบำบัดเพื่อคลีนตัวเอง โดยมีศิลปิน Elton John คอยช่วยเช็กอัปเขาเป็นระยะๆ จนกระทั่งเขาสามารถเอาชนะมันได้สำเร็จและคลีนเป็นครั้งแรกหลังการติดยาเมื่อปี 2008 และครั้งนั้นเขากลับมาพร้อมอัลบั้ม Recovery โดยมีเพลงดังอย่าง Not Afriad ที่พรั่งพรูเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว การเยียวยาตัวเองทั้งจากการเสพยาและจากสภาพจิตใจที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก 

Eminem

ภาพ: BuzzFeed

สู่ที่สุดของคำยกย่อง

     เหล่าศิลปินผิวสีผู้เป็นต้นกำเนิดของเพลงฮิปฮอปเองกล่าวยกย่องถึงเขาด้วยความจริงใจกันทั้งสิ้น เพราะมองเห็นและยอมรับถึงความสามารถที่ไม่สิ้นสุดของเอ็มมิเน็ม ไม่เพียงแค่ความสามารถในการแต่งเพลงเท่านั้น แต่จรรยาบรรณในการทำงานเองก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้เขาเป็นที่เคารพต่อผู้อื่น ข่าววงในเล่าว่าเอ็มมักจะทำงานร่วมกับศิลปินที่ต้องการทำงานกับเขาอย่างจริงใจ มากกว่าการได้รับผลประโยชน์ ดังเช่นที่ศิลปิน Pink เคยเขียนอีเมลยาวเหยียดถึงความชื่นชอบและต้องการทำงานร่วมกับเขา ซึ่งเอ็มก็ตอบรับด้วยความเต็มใจ หรือจะเป็นตอนที่เขาต้องโทรหาผู้จัดการส่วนตัวว่ามีเงินมากพอที่จะสามารถซื้อนาฬิกา Rolex ได้สักเรือนไหม แม้สุดท้ายเขาจะใส่แบรนด์ธรรมดาๆ อย่าง G-Shock ก็ตาม ซึ่งขณะนั้นเขาขึ้นทำเนียบเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและมียอดขายแบบถล่มทลายเรียบร้อยแล้ว หากความเจ๋งของเอ็มอธิบายอย่างไรก็คงไม่พอ เราจึงขอหยิบคำพูดของเหล่าแร็ปเปอร์ผู้ยิ่งใหญ่มาให้อ่านกัน ว่าพวกเขาพูดถึงเอ็มมิเน็มอย่างไรบ้าง

Eminem

ภาพ: Eminem Pro

“น่าเสียดายที่สำหรับคนบางคนมันเป็นการยาก ที่จะยอมรับว่าศิลปินผิวขาวทำเพลงได้ดีว่าศิลปินผิวดำ” - 50 CENT 

“เอ็มมีอิทธิพลต่อการทำงานเพลงของผมมาก ผมไม่คิดว่าจะมีใครเทียบเท่าระดับเดียวกับเขาได้อีกแล้ว” - KENDRICK LAMAR

“เขาเสิร์ฟทั้งเนื้อร้องและดนตรี เขายอดเยี่ยมมาก” - NAS

“ไม่มีใครที่จะเยี่ยมยอดและยิ่งใหญ่ไปกว่าเอ็มมิเน็มอีกแล้ว” - KANYE WEST

“ถ้าเอ็มเป็นผิวดำล่ะก็ เขาต้องเป็น Muhammad Ali แห่งวงการแร็ปแน่นอน” - RAKIM

“ทุกคนอาจมีเนื้อเพลงแร็ปของผมติดผนังห้อง แต่สำหรับผมเนื้อเพลงของ Em และ Caibus เท่านั้นที่จะได้อยู่ใกล้ผม” - J.COLE

ข้้อมูล : Rolling Stone, Hiphop24x7

WATCH