tongtong
LIFESTYLE

เปิดสัมภาษณ์ 'ตงตง-กฤษณกร' กับการไม่หยุดพัฒนาตัวเองจนเอาชนะคำสบประมาทว่า "ดีไม่พอ" ได้สำเร็จ

"วันที่ซิตคอมเรื่องแรกออนแอร์ แม่ผมดูแล้วมีความสุขมาก ยิ่งรู้สึกว่ายอมแพ้แค่นี้ไม่ได้ ตั้งแต่นั้นผมไม่เคยปฏิเสธละครเลย เพราะอยากให้แม่เห็นเราในจอทุกวัน" ตงตงกล่าว

     ไม่บ่อยนักที่ค่ายละครยักษ์ใหญ่จะประกาศปั้นนักแสดงหนุ่มพร้อมกันทีเดียว 5 คน ด้วยเหตุนี้ โว้กจึงไม่อยากให้คุณพลาดสัมภาษณ์พิเศษของพวกเขา ด้วยความหล่อและน่ารักของ 5 หนุ่ม ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ, เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล, ตงตง-กฤษกร กนกธร, ตรี-ภรภัทร ศรีขจรเดชา และไบร์ท-นรภัทร วิไลพันธุ์ เลยทำให้บรรยากาศในกองถ่ายมีแต่รอยยิ้ม และไหนๆ พวกเขาก็มารวมตัวกันเพื่อเราโดยเฉพาะ เราจึงชวนทุกคนมาอัปเดตชีวิต ความคิด และผลงานในปี 2022 รวมถึงโปรเจกต์พิเศษ “Mission Unscripted ภารกิจชีวิตนอกจอ” ที่ออกอากาศทางช่อง One 31 ซึ่งทั้ง 5 หนุ่มมาทำภารกิจสนุกๆ แบบไม่มีบท ไม่มีสคริปต์ ให้แฟนๆ ได้เห็นตัวตนจริงๆ ของแต่ละคนมากขึ้น
     

     หลายปีก่อนตงตงอยู่บนทางแยกของชีวิตว่าจะไปต่อหรือไม่บนเส้นทางสายบันเทิงที่เขาโดนวิจารณ์ว่ายังทำได้ไม่ดีพอจนบอกตัวเองว่า “หรือจะพอแค่นี้...” เขาตัดสินใจลุยต่อ ตั้งแต่นั้นเราก็ได้เห็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดด และในปีนี้เขาจะมีผลงานให้แฟนๆ ติดตามเพียบ ทั้งละครเรื่อง กู้ภัยหัวใจสู้ กับ คุณชาย ซีรีส์เรื่อง เจ้าหญิง

tongtong

Vogue: ประสบการณ์ในวงการบันเทิงที่ตงตงนึกถึงเสมอคือเรื่องอะไร

Tongtong: ตอนถ่ายละครเรื่องแรกครับ ผมได้รับโอกาสเล่นซิตคอม บางรักซอย 9/1 ตอนนั้นยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการแสดงเลย จำได้ว่าโดนผู้กำกับ พี่กิ๊ก-พงษ์ศักดิ์ ฉิมเจริญดุตลอด จนถ่ายทำไปได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ พี่กิ๊กต้องไปกำกับซิตคอมเรื่องอื่น ตอนนั้นผมร้องไห้เลย แต่พี่กิ๊กบอกว่าพี่ไปเพราะกล้าปล่อย เชื่อว่าตงทำได้ พี่จะคอยดูแลอยู่ห่างๆ นะ วันนั้นผมเศร้ามาก แต่บอกตัวเองว่าจะลุยต่อเพื่อให้ผู้ชายคนนี้เห็นว่าผมเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นได้ 2 ปีต่อมาผมได้ร่วมงานกับพี่กิ๊กในละครเรื่อง 4 เทพผู้พิทักษ์ พอถ่ายทำจบพี่กิ๊กบอกว่ามึงเก่งขึ้นมากนะ ได้ยินแล้วใจฟูเลยครับเพราะตั้งใจว่าถ้าได้ทำงานด้วยกันอีกก็อยากให้พี่กิ๊กเห็นว่าผมพัฒนาขึ้น ซึ่งตลอดการทำงานที่ผ่านมาชีวิตผมไม่ง่ายเลย อย่างช่วงที่เล่น บางรักซอย 9/1 ก็เคยคิดว่าตรงนี้ใช่ทางของเราไหม เคยจะยอมแพ้ไปทำอย่างอื่นแล้ว แต่สุดท้ายก็พยายามสู้ต่อ

V: วันที่เกือบเลิก จุดเปลี่ยนอะไรที่ทำให้สู้ต่อ

T: แม่ครับ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันเพราะแม่อยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม แต่เราโทรศัพท์คุยกันตลอด วันที่ผมท้อมากๆ แม่พูดประโยคหนึ่งว่า “ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านนะ” พอเจอคำนี้ทำให้เราอยากสู้ต่อเพราะสมัยก่อนผมนอนดูละครกับแม่ทุกวัน จนวันที่ซิตคอมเรื่องแรกออนแอร์ แม่ผมดูแล้วมีความสุขมาก ยิ่งรู้สึกว่ายอมแพ้แค่นี้ไม่ได้ ตั้งแต่นั้นผมไม่เคยปฏิเสธละครเลย เพราะอยากให้แม่เห็นเราในจอทุกวัน ครั้งไหนที่แม่ชมว่าเรื่องนี้เล่นดีขึ้นนะ ผมจะมีความสุขมาก ที่มาถึงวันนี้ได้เป็นเพราะแม่จริงๆ (ยิ้ม น้ำตาคลอ)



WATCH




V: รู้มาว่าวิธีเรียนการแสดงของตงตงคือการนั่งหลังผู้กำกับในกองถ่าย

T: ใช่ครับ ผมมีความฝันอยากเป็นผู้กำกับ เลยชอบดูขั้นตอนการทำงานต่างๆ นอกจากนี้เวลาอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ ได้เห็นผู้กำกับให้คำแนะนำนักแสดงคนอื่นๆ ยังช่วยให้เราเข้าใจตัวละครของตัวเองและของคนอื่นมากขึ้นด้วย กว่าจะมาถึงวันนี้ผมผ่านเรื่องหนักๆ มาเยอะพอสมควร ทั้งไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม ฝึกพูดให้ชัด เรียนร้องเพลงจนได้มาเล่นละครเรื่อง วันทอง ที่ได้รับคำชมเยอะ ผมน้อมรับด้วยความขอบคุณ แต่ก็บอกผู้ใหญ่และทีมงานตลอดว่าถ้ามีจุดไหนที่ยังไม่ดี พี่ติได้เลยนะครับ ผมอยากพัฒนาต่อ ไม่อยากหยุดอยู่แค่นี้

V: อีกเรื่องที่น่าจะเติบโตขึ้นเช่นกันคือความรักกับเบสท์ (รักษ์วนีย์ คาสิงห์) 

T: ครับ (หัวเราะเขิน) ถึงวันนี้ก็คบกับเบสท์ได้ปีกว่าๆ แล้ว ยังจำวันที่ฟิตติ้งละครด้วยกันได้อยู่เลย เวลาผ่านไปเร็วมาก แต่ก็ทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น เป็น 1 ปีที่มีความสุข และอยากให้มีปีที่ 2, 3, 4 แบบนี้ไปนานๆ เป็นความรักที่ดีครับ นอกจากจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานแล้ว เรายังเป็นกำลังใจให้กันทุกเรื่องด้วย (ยิ้ม)

ช่างภาพ : เอกรัชต์ อุบลศรี
สไตลิ่ง : ตะวัน ก้อนแก้ว

WATCH

คีย์เวิร์ด: #VoguexOne31 #VogueCulture