พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

LIFESTYLE

‘จากเกลียดแรกพบสู่รักนิรันดร์’ ย้อนรอยเรื่องราวความรักของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระพันปีหลวง

โว้กขอพาย้อนเรื่องราวแห่งความรักและความทรงจำของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

โดย Vogue Thailand
27 ตุลาคม 2568

เกลียดแรกพบ ประโยคแรกที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคยพระราชทานสัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ BBC กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถึงครั้งแรกที่ได้พบกับ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นครั้งแรก ย้อนกลับในปีพุทธศักราช 2489 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเสด็จฯ ไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อทอดพระเนตรรถยนต์พระที่นั่งแทนคันเดิมซึ่งทรงใช้นายาวนาน โปรดเกล้าฯ ให้ ม.จ. นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส พร้อมครอบครัวเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันนี้เองที่ทรงได้พบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (ม.ร.ว. สิริกิติ์ กิติยากร ณ ขณะนั้น) ผู้เป็นธิดาที่มารับเสด็จ

 

ว่ากันว่าในครั้งนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปรากฏพระสิริโฉมในชุดสูทสีเนื้อและหางเปียยาวถึงกลางหลัง เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัยเยาว์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ มาถึงช้ากว่ากำหนดอันเนื่องมาจากเหตุรถยนต์ขัดข้อง ทรงตรัสว่าจำได้ดีถึงสีหน้าของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งขณะนั้นทั้งหิวและรอนาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงราชเลขาฯ ก็ได้เชิญแต่แขกผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะเสวย และให้เด็กไปรับประทานอาหารจีนอีกที่ จึงทำให้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคืองอยู่นิดๆ เมื่อตรัสถึงเรื่องนี้ทั้งสองพระองค์จะทรงพระสรวล โดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงล้อแซว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ว่า ...เดินตุปัดตุเป๋ หน้างอ คอยถอนสายบัว... สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงกราบบังคมทูลตอบว่า ที่หน้างอ เพราะให้แต่ผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะเสวย เด็กกลับไล่ไปกินที่อื่น

 

Article

ก่อนทรงได้พบกับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทราบถึงความน่ารักจากสมเด็จพระราชชนนีมาก่อนแล้ว ในการเสด็จเยือนปารีสครั้งแรกสมเด็จพระราชชนนีรับสั่งเป็นพิเศษว่าให้ไปทอดพระเนตรลูกสาวของ ม.จ. นักขัตรมงคล ว่าจะสวยน่ารักไหม ทรงกำชับว่าเมื่อถึงปารีสแล้วให้โทรศัพท์มาบอก เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ถึงก็โทรศัพท์หาและตรัสว่า ...เห็นแล้ว น่ารักมาก... จากความใกล้ชิดเกิดเป็นความผูกพัน เมื่อได้พบพระพักตร์บ่อยครั้ง ผนวกกับความชอบในสิ่งเดียวกันโดยเฉพาะดนตรี ประกอบกับนิสัยร่าเริง สุภาพอ่อนน้อม และขี้อายในบางครั้ง ทำให้ยิ่งประทับพระราชหฤทัย ก่อเป็นความรู้สึกดีโดยมีเมืองโลซานเป็นฉากหลังที่โรแมนติกต่อทั้งสองพระองค์

 

จนกระทั่งเดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2491 ข่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์นอกเมืองโลซาน โดยระหว่างที่ประทับรักษาพระองค์ ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้กล่าวว่าสิ่งแรกเมื่อรู้สึกพระองค์คือทรงหยิบรูปของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ออกจากพระกระเป๋าส่งถวายสมเด็จพระราชชนนีพร้อมรับสั่งว่า "...แม่ เรียกสิริมาที"  โดยรูปนั้นเป็นรูปแรกที่ทรงถ่ายเป็นรูปหมู่ที่ถ่ายตอนบุคคลเข้าเฝ้าฯ ณ สถานทูต สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อยู่เป็นคนสุดท้ายจึงเห็นหน้าไม่ชัดนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงรับสั่งว่า คนข้างหลังโผล่หน้ามาหน่อยสิ รูปนั้นทรงตัดเฉพาะหน้าของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เก็บไว้ในกระเป๋าเรื่อยมา

 

ในปี พ.ศ. 2521 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานสัมภาษณ์ในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง ‘ขวัญของชาติ’ ออกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ BBC กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พระราชทานสัมภาษณ์ถึงรักแรกพบ ซึ่งมีคำตอบหนึ่งว่า ...สำหรับข้าพเจ้าเป็นการเกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงแล้วเสด็จมาถึง 1 ทุ่ม ช้ากว่านัดหมายตั้ง 3 ชั่วโมง ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องซ้อมถอนสายบัวอยู่จนแล้วจนเล่า จึงเป็นการเกลียดแรกพบ มากกว่ารักเมื่อแรกพบ แต่ในการพบกันครั้งที่สอง ตอนนั้นกลายเป็นความรัก เป็นสิ่งธรรมดาอย่างที่เคยได้ยิน คือเป็นความรักแรกพบ...

 

ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าพระองค์ท่านทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้นอายุเพิ่งย่าง 15 ปี ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นนักเปียโน ท่านประทับที่โรงพยาบาลหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มีพระอาการสาหัส ตำรวจเขาโทรศัพท์ไปกราบบังคมทูล สมเด็จพระราชชนนี พระองค์ท่านรีบเสด็จไปทันที แต่แทนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระราชปฏิสันถารกับพระองค์ ท่านกลับทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋า โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า พระองค์ทรงมีรูปของข้าพเจ้าอยู่แล้ว  พระองค์ก็ตรัสว่าให้นำตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้า พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดถึงแต่เรื่องที่จะอยู่กับคนที่ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึงหน้าที่และภารกิจของพระราชินีเลย...

 

Article

ด้วยความใกล้ชิดจากการเข้าเฝ้าฯ ถวายการพยาบาล ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2492 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ม.จ. นักขัตรมงคล เข้าเฝ้าฯ ที่นครโลซาน ทรงมอบหมายให้ ม.จ. จักรพันธุ์เพ็ญศิริ เป็นผู้ทูลเกริ่นทาบทามเรื่องที่จะทรงขอหมั้นก่อนขณะที่พระองค์เองมีพระราชดำรัสเป็นการส่วนพระองค์กับ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ล่วงหน้าแล้ว โดยในค่ำวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 17 ปี ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ สถานทูตไทยในลอนดอน ทรงพระราชทานแหวนซึ่งเป็นวงเดียวกับที่สมเด็จพระบรมราชชนกเคยประทานให้แก่สมเด็จพระราชชนนีในครั้งอดีต และมีพระราชกระแสรับสั่งในขณะที่ทรงมอบว่า สิ่งนี้เป็นของสำคัญยิ่งและเป็นที่ระลึกด้วย ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศข่าวหมั้นให้คนไทยทราบโดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้ประกาศ และมีพระราชพิธีหมั้นภายใน ณ โรงแรมวินด์เซอร์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492

 

Article

หลังพระราชพิธีหมั้นผ่านไป 7 เดือน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จนิวัติประเทศไทยทางชลมารคโดยมี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และครอบครัวรวมถึงข้าราชบริพารตามเสด็จ และหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ประมาณ 1 เดือน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ณ วังสระปทุม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านสถาปนา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดแก่ สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์

 

เสด็จฯ ไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถและฮันนีมูนที่พระตำหนักวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประขวบคีรีขันธ์ เป็นเวลา 3 วัน พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามเสด็จโดยรถไฟ ตลอดเส้นทางที่เสด็จฯ นั้นมีประชาชนมาเฝ้าฯ รับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น เนื่องด้วยต้องการยลพระสิริโฉมอันงดงามของพระราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและถวายงานทั้งในประเทศและต่างประเทศเคียงคู่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยไม่ขาดตกบกพร่องมาตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีตลอดการครองราชย์

 

ในครั้งหนึ่งนักข่าวต่างประเทศเคยกราบบังคมทูลถามว่า เพราะเหตุใดพระมหากษัตริย์ไทยจึงไม่ค่อยยิ้ม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงผายพระหัตถ์ไปทาง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วตรัสว่า “She is my smile.” จากความรักแรกพบในวัยเยาว์ ก่อเกิดเป็นความรักยาวนานอันแน่นแฟ้นที่สถิตอยู่ในใจประชาชนชาวไทย

 

(สามารถตามไปอ่านบทความ สมเด็จพระพันปีหลวง ราชินีผู้พลิกฟื้นผ้าไหมไทย และสร้างชุดไทยพระราชนิยม’ ได้ที่นี่)

Photo : Getty Images