LIFESTYLE
การเดินทางผ่านขวากหนามไร้ซึ่งกลีบกุหลาบของ ‘BTS’ เมื่อพวกเขาเล่าเรื่องราวผ่านอัลบั้มใหม่ ‘Proof’หรือการคัมแบ็กในครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณกลายๆ ว่าพวกเขาจะก้าวสู่ศิลปินระดับตำนานแห่งประเทศเกาหลีใต้ |
หลังจากที่ต้นสังกัด Hybe Insight ประกาศอย่างเป็นทางการว่าวง BTS จะปล่อยอัลบั้มใหม่ ‘Proof’ (ย่อมาจาก Bulletproof) ในวันที่ 10 มิถุนายนที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบอายุวง 9 ปีก็สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าอาร์มี่ไม่น้อย ซึ่งในวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมามีการเปิดสั่งจองอัลบั้มล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าถึงยังไม่จำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่แฟนๆ ก็แห่จับจองเป็นเจ้าของแบบแทบไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะความพิเศษของการคัมแบ็กของพวกเขาในรอบ 2 ปีมันกลับแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง
ภาพจากมิวสิกวิดีโอเพลง 'No More Dream' (2013) ที่วง BTS ได้ปล่อยเป็นเพลงแรกเป็นการเปิดตัวเดบิวต์ / ภาพ: IMDb
เป็นที่ทราบกันดีว่าบีทีเอสเดินทางบนอุตสาหกรรมเพลงมาเป็นเวลากว่า 10 ปีหากไม่เริ่มนับตั้งแต่พวกเขาเดบิวต์ การก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ทั้งคำวิจารณ์ คำครหาทั้งเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกรวมถึงความสามารถที่ในช่วงแรกบีทีเอสมักโดนคำดูถูกเหยียดหยามเสมอว่าพวกเขาไม่ใช่แร็ปเปอร์ตัวจริง ความเก่งกาจและสไตล์ที่ต้องการนำเสนอยังไงก็ไม่สามารถสร้างชื่อเสียงและโดดเด่นในวงการเคป๊อปได้ พวกเขาอาศัยอยู่กับคำพูดเหล่านั้นมานานจนเกือบล้มเลิกความตั้งใจไปหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายกลับใช้คำบั่นทอนเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันและตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ‘พวกเขาจะไม่เพียงแค่สร้างชื่อเสียงในประเทศ แต่ต้องการสร้างปรากฏการณ์สะท้อนตัวตนของตัวเองให้เป็นที่รู้จักและยอมรับความสามารถของพวกเขาไปทั่วโลก’
BTS กับการชนะรายการเพลงครั้งแรกบนเวที The Show ด้วยผลงาน ‘I Need U’ ในปี 2015 / ภาพ: Twitter @ilikekpopidol
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบีทีเอสได้พิสูจน์ตัวเองผ่านผลงานเพลงของเขามากมาย แน่นอนว่าในช่วง 1-2 ปีแรกก็ยังคงไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไรนัก ด้วยความที่แนวเพลงมีความเป็นแร็ปจ๋า แอบฟังยากไปบ้างสำหรับวงการไอดอล แต่พวกเขาเลือกที่จะนำเสนอความเป็นตัวเองต่อและลองพัฒนาแนวเพลงที่หลากหลายมากกว่าเดิม จนกระแสเหล่านั้นเบนเข็มไปในทิศทางที่ดีขึ้น บีทีเอสได้รับรางวัลต่างๆ จากหลายสถาบันไม่ว่าจะเป็นการชนะรายการเพลงครั้งแรกบนเวที The Show ด้วยผลงาน ‘I Need U’ ในปี 2015, รางวัลแดซังครั้งแรกในฐานะศิลปินยอดเยี่ยมแห่งปีที่งานประกาศรางวัล MAMA 2016 และอื่นๆ อีกมากมาย หลายคนคงคิดว่ารางวัลดังกล่าวจะสร้างกำลังใจให้กับพวกเขาและคงโด่งดังมากขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ ก็จริงอยู่ที่บีทีเอสเริ่มมีชื่อเสียงในวงกว้างไปถึงระดับสากล แต่เบื้องหลังที่เจอกลับทำร้ายพวกเขาจนเกือบจะยอมแพ้
WATCH
จิน BTS กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตาที่งานประกาศรางวัล MAMA 2018 / ภาพ: Hallyu K Star
“นึกถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมาเลยนะครับ พวกเราพบกับความยากลำบากทางจิตใจอย่างมากเลยครับ เพราะแบบนั้นพวกเราก็เลยคุยกัน…คุยกันว่าจะยุบวงดีไหม แต่พวกเราก็ยังประคองกันไว้ และโชคดีมากๆ ที่ผลออกมาดีแบบนี้ ต้องขอบคุณเมมเบอร์ที่อยู่ด้วยกัน และขอบคุณเมมเบอร์ที่รักกันอยู่เสมอเลย แล้วก็ขอบคุณอาร์มี่ทุกๆ คนที่รักพวกเราด้วยนะครับ ขอบคุณครับ” ประโยคทั้งน้ำตาของจิน หนึ่งในสมาชิกของวงที่กล่าวขอบคุณเมื่อขึ้นรับรางวัลศิลปินแห่งปีในงานประกาศรางวัล MAMA 2018 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจให้กับเหล่าแฟนคลับเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าพวกเขาอยากทิ้งความฝันทั้งที่สามารถข้ามผ่านความเลวร้ายมาได้ทุกครั้ง แต่ต้องขอบคุณทั้ง 7 คนจริงๆ ที่ในปีนั้นเลือกที่จะก้าวต่อในเส้นทางนี้ เพราะไม่ใช่แค่การสร้างผลงานเพลงคุณภาพเยี่ยม แต่บีทีเอสยังกลายเป็นกลุ่มคนผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกไปแล้วที่มักสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอยู่เสมอในเวลาต่อมา
1 / 3
BTS เป็นตัวแทนของประเทศเกาหลีใต้ขึ้นกล่าวสปีชในองค์กรสหประชาชาติ (UN) ในประเทศสหรัฐอเมริกา / ภาพ: Pinterest
2 / 3
BTS ขึ้นแสดงเพลง 'Butter' บนเวทีงานประกาศรางวัล Grammy Awards ประจำปี 2022 / ภาพ: Pitchfork
3 / 3
BTS คว้ารางวัลใหญ่ ‘ศิลปินแห่งปี’ จากเวที American Music Awards ประจำปี 2022 / ภาพ: NME
จากกลุ่มไอดอลเคป๊อปที่ใครๆ ต่างก็เหยียบย่ำ สู่การเป็นบอยแบนด์ระดับโลกที่สร้างปรากฏการณ์ไว้มากมาย ทั้งการเป็นตัวแทนของประเทศเกาหลีใต้ขึ้นกล่าวสปีชในองค์กรสหประชาชาติ (UN) ในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือเพลงสากลที่สร้างสรรค์ขึ้นเองได้แก่ Dynamite, Butter และ Permission to Dance จนบีทีเอสได้ขึ้นแสดงโชว์บนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเพลง Grammy Awards รวมถึงมีชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาศิลปินกลุ่มแห่งปี ไม่เพียงเท่านั้นในปลายปีที่ผ่านมาบีทีเอสยังคว้ารางวัลใหญ่ ‘ศิลปินแห่งปี’ จากเวที American Music Awards และเป็นศิลปินกลุ่มจากเอเชียกลุ่มแรกที่ได้รับรางวัลนี้อีกด้วย จากรางวัลดังกล่าวล้วนการันตีแล้วว่าบีทีเอสคือศิลปินที่มากความสามารถและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่เจอจนทำให้ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวันนี้
ภาพจากวิดีโอทีเซอร์การโปรโมตอัลบั้ม 'Proof' ของวง BTS / ภาพ: Youtube
เพราะเส้นทางที่บีทีเอสเลือกเดินนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในอัลบั้มใหม่ครั้งนี้ซึ่งพวกเขาตั้งใจปล่อยเป็นรูปแบบ ‘Anthology’ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ามันแตกต่างจากอัลบั้มที่ผ่านมาทั้งสิ้น เพราะนี่คือการนำเสนอเพลงที่เคยถูกถ่ายทอดมาแล้วแต่เลือกกลับมานำเสนออีกครั้งในเวอร์ชั่นที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน มากไปกว่านั้นบีทีเอสเพิ่มอีก 3 เพลงที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อมอบให้แฟนคลับอีกด้วย นับเป็นครั้งแรกของวงบีทีเอสและศิลปินกลุ่มแรกในเกาหลีใต้ที่ปล่อยอัลบั้มในรูปแบบนี้เช่นเดียวกับศิลปินกลุ่มตะวันตกระดับตำนานอย่าง The Beatles, MJ, Jackson5 และ Queen ที่เคยสร้างอัลบั้มเพลงแบบ Anthology มาแล้ว บีทีเอสเลือกที่จะนำผลงานเดิมมาถ่ายทอดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวถึงเส้นทางบนวงการเพลงระหว่างพวกเขากับอาร์มี่ที่อยู่เคียงข้างกันตั้งแต่วันแรกที่ไม่มีอะไรเลย จนถึงวันที่พวกเขามีพร้อมทุกอย่างและทำตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ได้สำเร็จ
ภาพจากคอนเสิร์ต Permission To Dance in Seoul ของวง BTS / ภาพ: Bandwagon Asia
ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานเพลง การไม่หยุดพัฒนาตัวเองแม้จะมีชื่อเสียงมากเพียงใดก็ตาม ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความน่ารักที่ไม่ปรุงเสริมเติมแต่งในตัวของพวกเขาทำให้มีฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากแบบไม่มีอะไรยั้งไว้ได้ การสร้างลายเซ็นของบีทีเอสกับการคัมแบ็กในครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณกลายๆ แล้วว่า พวกเขาจะก้าวสู่การเป็นตำนานที่ใครหลายคนล้วนจดจำว่า ศิลปินบอยแบนด์จากเกาหลีใต้ชื่อ ‘BTS’ ผู้เอาชนะคำสบประมาทจนกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกในอุตสาหกรรมเพลงที่ทลายกรอบความคิดเดิมๆ ทั้งแนวเพลงและวัฒนธรรมอย่างแท้จริง
ข้อมูล : BT Sub Thai
WATCH