cover sex pitstol
LIFESTYLE

ย้อนอดีตเมื่อครั้ง Sex Pistols วงพังก์จอมขบถยกพลไปเซ็นสัญญาหน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม

ไม่ว่าจะนานเท่าไรวงดนตรีพังก์ร็อกวงนี้ก็ยังคงเป็นที่จดจำในฐานะกระบอกเสียงแก่เหล่าชนชั้นแรงงานที่ชีวิตต้องกัดฟันต่อสู้กับความไม่เท่าเทียม

     แม้ช่วงเวลาที่วงโลดแล่นจะแสนสั้นเพียง 3 ปีในช่วงปี 1975-1978 และมีผลงานออกมาเพียงอัลบั้มเดียวในชื่อ Never Mind the Bollocks, Here's the Sex Pistols แต่ทำไมชื่อ Sex Pistols วงพังก์ร็อกจากอังกฤษวงนี้ ยังคงเป็นตำนานแห่งโลกพังก์ร็อกอย่างไม่เสื่อมคลาย แน่นอนว่าบทเพลงของพวกเขายอดเยี่ยม แต่อีกเหตุผลที่น่าจะสำคัญกว่าคือเรื่องราวและตัวตนที่ไม่มีใครเหมือน เรียกได้ว่า Sex Pistols คือ ‘วงพังก์ร็อกในอุดมคติ’ อย่างแท้จริง พวกเขาเต็มไปด้วยความห่าม ดิบเถื่อน แหกคอก ไม่สนว่าจะเป็นใครหน้าไหน ภาพคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยพฤติกรรมบ้าดีเดือด เช่นการทุบกีตาร์ กระโดดจากที่สูง หรือกรีดแขนคือเรื่องปกติสำหรับ Sex Pistols

     นอกจากนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Sex Pistols ดึงดูดความสนใจจากผู้คนและสื่อมวลชนได้มากมายมหาศาลคือทัศนคติการเมืองของพวกเขา วงพังก์ร็อกวงนี้เป็นตัวแทนของชนชั้นแรงงาน และพวกเขาไม่ปิดบังว่าเกลียดเหล่าคนรวย โดยเฉพาะคนรวยที่เสวยสุขจากภาษีของประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าหมายรวมถึงราชวงศ์อังกฤษด้วย แทบจะเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นคู่กัดกันเลยก็ว่าได้ “ถ้าราชวงศ์อังกฤษต้องการสังหารใครบางคน พวกเขาคงฆ่าผมไปนานแล้ว” ครั้งหนึ่ง John Lydon ฟรอนต์แมนแห่ง Sex Pistols ได้กล่าวไว้ ไม่ใช่เพียงประโยคที่ให้สัมภาษณ์เท่านั้น หลายต่อหลายบทเพลงของ Sex Pistols มีเนื้อหาโจมตีราชวงศ์อังกฤษอย่างรุนแรง ไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นครั้งหนึ่ง Sex Pistols เคยบ้าดีเดือดถึงขั้นยกพลไปเซ็นสัญญาเข้าค่ายเพลง A&M ถึงหน้าประตูพระราชวังบัคกิ้งแฮม บทความนี้จะพาย้อนกลับไปสำรวจเหตุการณ์ในวันนั้นว่ามันวายป่วงขนาดไหน และเกิดอะไรขึ้นตามมาบ้าง

 

sex pistols

ภาพ: BBC

     หลังจากเซ็นสัญญากับค่ายเพลง EMI บันทึกเสียง และปล่อยซิงเกิ้ล "Anarchy in the U.K." ออกมาเป็นที่เรียบร้อย Sex Pistols ก็กลายเป็นวงดนตรีที่โดดเด่นและเป็นที่รักของสื่อมวลชนในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยคาแร็กเตอร์อันจัดจ้านของเหล่าสมาชิก อีกทั้งเพลง Anarchy in the U.K ยังมีเนื้อหาเผ็ดร้อน วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและราชวงศ์อังกฤษอย่างดุเดือด

“Anarchy for the U.K.

It's coming sometime and maybe

I give a wrong time, stop a traffic line

Your future dream is a shopping scheme”

     ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง Anarchy in the U.K. มีกระแสตอบรับทั้งประนามและชื่นชอบ โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่ถึงกับยกย่องว่า Sex Pistols คือวงที่จะมาปฏิวัติดนตรีพังก์ร็อกขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามด้วยแรงเสียดทานจากสังคมที่มากเกินไป บวกกับพฤติกรรมสุดห่ามยากจะรับมือของสมาชิก Sex Pistols ทำให้สุดท้ายค่ายเพลง EMI ตัดสินใจบอกเลิกสัญญาวงพังก์ร็อกวงนี้ โดยที่ยังไม่ทันได้ปล่อยอัลบั้มออกมาเสียด้วยซ้ำ

 

queen

ภาพที่ใช้โปรโมตเพลง God Save the Queen ของ Sex Pistols / ภาพ: Moma

     หลังจากนั้นเป็นค่ายเพลง A&M Records ที่อยากลองของ รับไม้ต่อ Sex Pistols เข้าไปเป็นศิลปินในสังกัดพร้อมทั้งมีการเปลี่ยนตัวสมาชิกในตำแหน่งมือเบสจาก Glen Matlock เป็น Sid Vicious ที่แม้จะแทบเล่นเบสไม่เป็นเสียด้วยซ้ำ แต่เรื่องความบ้าทะลุจุดเดือด เขาคนนี้คืออันดับหนึ่ง การเปิดตัว Sex Pistols เป็นสมาชิกค่าย A&M Records เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาได้อัดเพลงซิงเกิ้ลที่ 2 อย่าง “God Save the Queen” เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย แม้จะเป็นชื่อเพลงเดียวกับเพลงชาติอังกฤษ และเพลงประจำตัวสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แต่แน่นอนว่าเมื่อเป็นผลงานของ Sex Pistols เนื้อหาย่อมแตกต่างออกไป เพราะ God Save the Queen ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงที่โจมตีราชวงศ์อังกฤษอย่างหนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ โดยในท่อนหนึ่งถึงขั้นบอกว่าราชินีแห่งอังกฤษไม่ใช่มนุษย์!

“God save the Queen

She ain't no human being

There is no future

In England's dreaming”

    ด้วยเหตุนี้ Malcolm McLaren ผู้จัดการของวงในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดปิ๊งไอเดียว่าจะทำอย่างไรถึงจะดึงดูดกระแสสังคมและความสนใจจากสื่อมวลชนได้มากที่สุด สุดท้ายลงเอยด้วยการตั้งโต๊ะเซ็นสัญญา Sex Pistols เข้าสู่ค่าย A&M Records ที่หน้าพระราชวังบักกิ้งแฮม ห่างจากทางเข้าเพียงไม่กี่ร้อยฟุต ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงการเซ็นสัญญาฉบับจริงพร้อมรับเงิน 75,000 ปอนด์เสร็จสิ้นไปก่อนหน้านั้นแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งเพื่อดึงดูดกระแสความสนใจเท่านั้น ซึ่งก็ต้องบอกว่าได้ผล หลังจากที่เพลง God Save the Queen ถูกปล่อยออกมา พร้อมภาพถ่ายหน้าพระราชวังบักกิ้งแฮมตีพิมพ์สู่สาธารณชน Sex Pistols กลายเป็นวงที่ทุกคนให้ความสนใจทันที ปนเปทั้งเสียงชื่นชมในความกล้าหาญจากฝ่ายหัวก้าวหน้า และเสียงสาปแช่งด่าทอจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม 

 



WATCH




queen

ภาพที่ใช้โปรโมตเพลง God Save the Queen ของ Sex Pistols / ภาพ: Moma

     นอกจากนั้นการที่เพลง God Save the Queen ถูกปล่อยออกมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกับวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ครบรอบ 25 ปีของพระองค์ยิ่งทวีดีกรีความร้อนแรงยิ่งระอุขึ้นไปอีก สุดท้ายแม้จะโดนประท้วงด้วยวิธีต่างๆ นานา เช่นการสั่งห้ามจาก BBC สถานีวิทยุและร้านแผ่นเสียงหลายแห่งให้ห้ามเปิดห้ามจำหน่ายแผ่นซิงเกิ้ล God Save the Queen อย่างเด็ดขาด แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหยุดความร้อนแรงของเพลงนี้ได้ God Save the Queen เพราะไต่ขึ้นถึงอันดับ 2 ของ UK Chart เลยทีเดียว

     เรื่องราวยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนในวันที่ 7 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กำลังอยู่ในช่วงสำคัญที่สุด Sex Pistols ได้แสดงการต่อต้านราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง ด้วยการเช่าเรือสำราญชื่อ Queen Elizabeth มาเปิดการแสดงสด เชิญบรรดาแขกผู้ชื่อเสียงจากหลายวงการเช่น นักเขียน ศิลปิน ทีมงานภาพยนตร์ เข้ามาเต็มลำเรือโดยเรือลำนี้จะแล่นออกจากท่าเรือชาริงครอสสู่แม่น้ำเทมส์ 

 

boat

 เรือตำรวจเข้าโอบล้อมขณะเล่นเพลง God Save the Queen / ภาพ: Brian Cooke/Redferns/Getty Images

     การล่องเรือเริ่มขึ้นอย่างสงบ เหล่าสมาชิกวงอย่าง Johnny Rotten, Sid Vicious, Paul Cook และ Steve Jones ดื่มเบียร์และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทว่าความตึงเครียดเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังพระอาทิตย์ตกดิน และเหล่า Sex Pistols ก้าวขึ้นเวทีเพื่อทำการแสดง พวกเขาเริ่มต้นด้วยเพลง Anarchy in the UK ขณะที่เรือแล่นผ่านรัฐสภาอังกฤษ ก่อนที่ความดุเดือดจะยิ่งทวีคูณเมื่อเพลง "God Save the Queen", "No Feelings" และ "Pretty Vacant" บรรเลงขึ้น ถึงขั้นมีตำรวจขี่เรือมาประกบ และสั่งให้หยุดทำการแสดงเดี๋ยวนี้ จากนั้นไฟในเรือถูกตัดก่อนที่ตำรวจจะนำพา Sex Pistols และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนขึ้นสู่ชายฝั่ง “ผมจำได้ว่าเมื่อถึงฝั่ง Malcolm McLaren ชูมือขึ้นและตะโกนใส่ตำรวจว่า 'ไอ้พวกฟาสซิสต์ ไอ้พวกฟาสซิสต์' ก่อนที่เขาจะถูกตำรวจทุบตีอย่างรุนแรง” Alan Jone หนึ่งในผู้ที่อยู่จุดเกิดเหตุกล่าว

     การกระทำนี้นับได้ว่าอื้อฉาวเป็นอย่างมากถึงขั้นที่ทำให้ Sex Pistols และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนต้องนอนอยู่ในคุกเป็นเวลากว่า 6 วัน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกมา ส่วนแผ่นเพลง God Save the Queen จำนวนหลายหมื่นแผ่นถูกทำลายทิ้ง อย่างไรก็ตามนั่นคือโทษสูงสุดแล้วที่ Sex Pistols ได้รับจากการต่อต้านราชวงศ์อังกฤษ และหลังจากนั้น Johnny Rotten ยังคงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เคยต้องรับโทษอะไร ส่วน Sex Pistols กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคือตำนานแห่งพังก์ร็อกตัวจริง และไม่ว่าจะนานเท่าไรก็จะถูกจดจำในฐานะวงดนตรีที่เป็นกระบอกเสียงแก่เหล่าชนชั้นแรงงานที่ชีวิตต้องกัดฟันต่อสู้กับความไม่เท่าเทียม

 

ข้อมูล : Westword

WATCH

คีย์เวิร์ด: #SexPistols