LIFESTYLE

ทำไมคุณควรหลงรักผู้ชายคนนี้...เปิดบทสัมภาษณ์ พัคโบกอม จากโว้กประเทศไทยฉบับสิงหาคม 2020

Park Bo-gum ขันอาสาเป็นไกด์นำชมและถ่ายทอดความงดงามของพระราชวังชังด็อก 1 ใน 5 พระราชวังสำคัญของเกาหลีซึ่งยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

ช่างภาพ: Janghyun Hong
บรรณาธิการแฟชั่น: Eunyoung Sohn
เรื่อง: Sohyun Cho
แปล: เมธาวี เตมียชาติ
อาร์ตไดเร็กเตอร์: วิวาน วรศิริ
กราฟิก: กุลสินีธิดา อุทัยผล
แต่งหน้า: Jinkyoung Baek
ทำผม: Heung Kwon Baek
สไตลิสต์: Hyeyoung Lee
สถานที่: Changdeokgung Palace

 

1 สัปดาห์ก่อน วันที่ได้รับแจ้งเตือนว่าจะมีพายุฤดูฝน เราอยู่ในสวนแห่งหนึ่งในพระราชวังชังด็อก ในบรรดาพระราชวังแห่งโชซอน พระราชชังด็อกเป็นสถานที่ที่มีพระราชาทรงพำนักอยู่เป็นเวลายาวนานที่สุด และมีสวนลับที่เรียกว่าอุทยานต้องห้าม เป็นสถานที่สำหรับพระราชาทรงประพันธ์บทกลอนและศึกษาเล่าเรียน บางครั้งก็ใช้จัดงานเลี้ยงรื่นเริง ไม่ก็เป็นสนามยิงธนู ในฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยพรรณไม้เขียวชอุ่ม เสียงร้องของนกโดโด้และนกคักคู ทุกครั้งที่ลมพัด หยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่ตามต้นแปะก๊วยจะร่วงพราวลงมา

 การมาถ่ายทำที่พระราชวังชังด็อกนี้เป็นความต้องการของพัคโบกอม “ผมอยากเผยแพร่ความงดงามของของเกาหลีครับ” พระราชวังนี้อยู่ในฉากที่องค์รัชทายาทอียองกับพระราชบิดาออกมาเดินด้วยกัน ในละครเรื่อง Moonlight Drawn by Clouds (2016) “ตอนนั้นมีโอกาสจัดงานแฟนไซน์ที่พระราชวังคย็องบกเพื่อขอบคุณแฟนละคร ในละครมีโอกาสได้ใส่ชุดฮันบกสวยๆ หลายชุด ทำให้ผมสนใจวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาหลีมากขึ้นเยอะ เลยอยากเผยแพร่ความงดงามนี้ให้ผู้อ่านทั่วโลกได้ชื่นชมกัน” เขาบอกว่าปกติก็ชอบออกมาเดินเล่นชมพระราชวังอยู่แล้ว

 

ผู้ชายคนนี้แอบไปฝึกภาษามือที่สื่อถึงการ “ขอบคุณ” เพื่อนำมาประกอบการถ่ายทำครั้งนี้ เป็นรหัสลับที่เขาอยากจะใช้ขอบคุณแฟนๆ ที่ให้ความรักมาโดยตลอด พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนตกทั้งวัน แต่ระหว่างการถ่ายภาพ กลุ่มเมฆฝนกลับค่อยๆ เคลื่อนตัวไกลออกไปจนฟ้าโปร่ง แสงอาทิตย์สาดส่องมา เมฆสีขาวโพลนลอยมาแทนที่! สระบัวสะท้อนภาพศาลาอย่างชัดเจนราวกับกระจก ดอกบัวที่ชูช่อขึ้นมาจากโคลนตมนั้นหมายความว่า “คุณช่างงดงามเหลือเกิน” หรือเปล่านะ สงสัยท้องฟ้าคงซาบซึ้งในจิตใจอันงดงามของพัคโบกอมละมัง ฉันนึกในใจ

 พัคโบกอมจะเริ่มเข้ารับการฝึกทหารปลายเดือนสิงหาคมนี้ เขาจึงต้องเร่งปิดกล้องผลงาน 3 เรื่องไว้ให้แฟนๆ ดูต่างหน้า เพื่อบอกว่า “อย่าลืมผมนะครับ” 3 เรื่องที่ว่าคือ The Moment ละครที่บอกเล่าเรื่องราวของวัยรุ่นผู้ไม่สิ้นหวังในการพยายามเพื่อความรักและความฝัน Seobok ภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวของพนักงานคนสำคัญที่เปลี่ยนสายอาชีพ และไปล่วงรู้ข้อมูลการปลูกถ่ายพันธุกรรมมนุษย์ตั้งแต่เริ่มแรก Wonder Land ภาพยนตร์ที่พูดถึงการกลับมาพบกันอีกครั้งของคนสำคัญที่จากโลกนี้ไปแล้วผ่านทางวิดีโอคอล พัคโบกอมสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินลายทางสีฟ้าน้ำทะเล หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์เดินลงมาจากรถบัสเล็ก ในบทซาฮเยจุน แฟชั่นโมเดลในละครเรื่อง The Moment เขาตัดผมสั้น ท่าทางดูสดชื่น บ่มผิวแทน ราวกับต้องการจะสื่อว่าตอนนี้คือเดือนกรกฎาคม (หน้าร้อนของเกาหลี) “คาแร็กเตอร์ของผมทั้ง 3 เรื่องไม่เหมือนกันเลยครับ จะได้เห็นภาพใหม่ๆ ของผมกัน ระหว่างที่ว่างเว้นจากการแสดง ผลงานเหล่านี้อาจทำให้คนดูรู้สึกว่า ‘อ๋อ พัคโบกอมก็รับบทแบบนี้ด้วย’ ‘พัคโบกอมมีภาพลักษณ์แบบนี้ด้วยเหรอ’ ‘อยากเห็นภาพลักษณ์ด้านอื่นๆ อีกจัง’” พัคโบกอมเล่าด้วยสีหน้าตื่นเต้นและมั่นใจเต็มที่ “ผมว่าน่าจะไปได้สวย ตอนนี้อยากลองรับบทใหม่ๆ ที่หลากหลายกว่าเมื่อก่อน บทที่หลายคนอยากเห็น และผมเองก็ยังไม่เห็นตัวเองเหมือนกัน อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ”



WATCH




ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักจากเรื่อง Reply 1988 และ Moonlight Drawn by Clouds พัคโบกอมเป็นนักแสดงตาใสที่ฉายแววและทำให้พี่ๆ นักข่าวยิ้มได้มากที่สุด ฮึงซูกย็อง คอลัมนิสต์ที่อยู่ในงานแคสติ้ง JJ Popcorn Talk พูดถึงพัคโบกอมว่าไม่เคยแสดงพฤติกรรมโอ่อวดเลยแม้แต่นิด และการสลับบทบาทชายหญิงในเรื่อง China Town นั้นก็ขาดพัคโบกอมไปไม่ได้เลย รุ่นพี่คนหนึ่งจากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนี้เล่าให้เราฟังว่าเคยเห็นเขาจากด้านหลัง ใส่เสื้อเชิ้ตลายตารางซอมซ่อนั่งห่อไหล่ร้องไห้อยู่ นักข่าวอีกคนเขียนชื่นชมการแสดงสีหน้าในบททนายโรคจิตในละครเรื่อง Remember Me ส่วนตัวฉันเองยังจดจำใบหน้าของเขาได้จากภาพยนตร์เรื่อง The Admiral บนเรือสำเภาที่มืดมิด ไม่สามารถแยกได้ว่าใครเป็นใคร แต่ใบหน้าของพัคโบกอมกลับสว่างวาบด้วยหัวใจที่งดงามและน่าสงสาร ตอนนั้นพวกเราเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อว่านักแสดงคนนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นดาวจรัสแสงเมื่อไรนะ ในละครเรื่อง Itaewon Class นักแสดงคว็อน นารา (รับบทโอ ซูอา) ได้เห็นพัคโบกอมในฐานะเชฟที่มาสัมภาษณ์งาน เขาพูดด้วยสีหน้าที่ดีใจยิ่งว่า “สุดยอด!” ฝ่ายพัคโบกอมก็หันกลับมา แล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อทักทาย “สวัสดีครับ” เป็นการแสดงที่วิเศษมากภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที มาถึงวันนี้พัคโบกอมยังคงเป็นนักแสดงที่มีความโดดเด่น

 

พัคโบกอมไม่ได้มีเสน่ห์แค่รูปร่างหน้าตา แต่ยังมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ใบหน้าของเขามักแสดงความรู้สึก 2 ขั้ว อบอุ่น-เย็นชา อ่อนโยน-แข็งกร้าว และนั่นคือความน่าสนใจของการมี 2 บุคลิก มันดูน่าค้นหาและทำให้คนตกหลุมรัก ตามกฎของเม่งจื๊อนี่คือสัญชาตญาณในการดึงดูด ไม่ว่าจะเพศไหนวัยใดต่างก็รู้สึกแบบเดียวกัน (เหมือนเนื้อเพลง ไปดูดาวกัน ที่ถามว่าไปดูดาวกันไหม หรือโฆษณาเครื่องดื่มที่ถามว่า “ไปเที่ยวกับฉันไหม” แล้วทำให้เราเผลอตอบออกไปแบบไม่รู้ตัวว่า 'ไปสิ!') เพียงแค่ผลงาน Hyori's Homestay กับ Unplaned Trip-Africa ยังไม่อาจตัดสินความสามารถทางการแสดงของพัคโบกอมได้หรอก

รายการวาไรตี้ต่างๆ ก็เคยนำเสนอเรื่องราวอันน่าประทับใจในความมีน้ำใจ ความเอาใจใส่ และมอบรางวัลนิสัยดีมีมารยาทให้แก่พัคโบกอม (ผู้จัดการส่วนตัวที่อยู่ด้วยกันมา 8 ปีครึ่งยืนยันเรื่องนี้อีกคน “โบกอมไม่กัดหลอดและไม่ใส่รองเท้าผ้าใบเหยียบส้น มีระเบียบ เรียบร้อย สมบูรณ์แบบเลยครับ เวลาไปทัวร์ต่างประเทศยังเดินตรวจตราจนนาทีสุดท้ายถึงห้องทีมงานเลยว่าไม่มีใครลืมอะไรไว้ แต่บางทีเขาก็ชอบหลบไปถ่ายรูปอยู่เงียบๆ คนเดียวอย่างตั้งอกตั้งใจ”) ใน Moonlight Drawn by Clouds พัคโบกอมรับบทเป็นกษัตริย์สมัยโชซอน และใน Boyfriend (2019) ก็มาพบสุภาพสตรีคนหนึ่ง ณ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ไม่มีใครกล้าถามว่าทำไมเขาถึงไม่รับบทอื่นบ้าง เพราะเขาทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับคาแร็กเตอร์นักอ่านถือกล้องจนมั่นใจในบทบาทนั้น “เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ทำแล้ว” พัคโบกอมเลือกที่จะรับบทโรแมนติกและละครที่ทำให้เขาได้พัฒนาการแสดง

 

ฮึงซูกย็องคอลัมนิสต์ภาพยนตร์พูดถึงพัคโบกอมว่าเขามีความแตกต่างจากนักแสดงรุ่นเก่าอย่างเหลือเชื่อ “ตัวละครที่พัคโบกอมแสดงส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยตรงข้ามกับเจ้าตัว เช่น มีเล่ห์เหลี่ยม เสแสร้ง ถ้าคาแร็กเตอร์คลาสสิกแบบหล่อ สุภาพ อ่อนโยน สุขุม ต้องเป็นวอนบิน ฮย็อนบิน และโจอินซอง พัคโบกอมมีความหล่อที่แตกต่างจากนักแสดงรุ่นพี่ ถ้าเขารับบทเป็นคนดีมีศีลธรรม เชื่อมั่นในความรัก ความจงรักภักดี และความจริงใจ แล้ววันหนึ่งเกิดผิดหวังหรือได้รับบาดแผลในชีวิต บรรยากาศในเรื่องจะยิ่งเศร้าสลดมาก คนดูจะรู้สึกเจ็บปวดไปกับเขาด้วย เรียกได้ว่าพัคโบกอมมีส่วนทำให้วงการภาพยนตร์และละครเกาหลีมีคาแร็กเตอร์ของพระเอกที่หลากหลายขึ้นค่ะ”

พัคโบกอมอธิบายเรื่องการแสดงให้ฟังว่า “ถ้าทำความเข้าใจกับตัวละครและรู้สึกร่วมไปด้วย การแสดงก็จะออกมาดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อได้ดูผลงานของผมแล้วจะรู้สึกประทับใจกันนะครับ ไม่อยากให้ดูเพื่อฆ่าเวลาหรือเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อยากให้มองหาข้อคิดที่ซ่อนอยู่ในผลงานด้วย บทตัวโกงผมก็เล่นได้ แต่ไม่อยากรับบทที่ฆ่าคนโดยไม่รู้จักแยกแยะ เพราะคนดูจะรู้สึกอึดอัดหรือไม่อยากดูต่อ”

 

ดาราหนุ่มคนนี้มีความนอบน้อมและสุขุม แม้จะมีชีวิตที่หรูหรา แต่กลับไม่มีความหยิ่งยโสเลย ต่างจากนักแสดงหนุ่มสาวทั่วไป แต่ช่วงนี้เขากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองเรื่องการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อก่อนโอเคหมดทุกอย่าง เป็น Yes Man ถึงไม่ชอบก็โอเค เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจคนอื่น เลยพยายามที่จะเสียสละมาโดยตลอด แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าควรพูดตรงๆ ดีก็คือดี ไม่ดีก็คือไม่ดี คนอื่นจะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง การเสียสละทำให้เราเครียดนะ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้วิธีแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาอยู่ครับ” เขาได้ความคิดนี้มาจากคาแร็กเตอร์ซาฮเยจุนใน The Moment “ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากตัวละครที่ผมแสดง อย่างซาฮเยจุน เขาเป็นคนตรงไปตรงมา มีสติสัมปชัญญะ รักอิสระมาก มีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น สื่อสารความรู้สึกตัวเองออกมาได้ชัดเจน ตรงไปตรงมา พอรู้จักตัวละครตัวนี้เลยคิดว่าตัวเองควรใช้ชีวิตแบบนี้บ้าง” แน่นอนว่านิสัยดีกับตรงไปตรงมานั้นแตกต่างกัน “ตอนที่รู้ว่าจะต้องรับบทเป็นนายแบบก็กังวลอยู่เหมือนกัน ต้องไปศึกษาเทคนิคการเดินบนรันเวย์ ดูคลิปที่เขาเดินกันบนรันเวย์ ในโฟโต้บุ๊กนิตยสาร และพยายามเรียนรู้จากนายแบบคนอื่นๆ ที่เข้าฉากด้วยกัน”

ถึงจะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับการเล่นเป็นคน 2 บุคลิกในภาพยนตร์เรื่อง Seobok พัคโบกอมก็ทำออกมาได้ดี ผู้กำกับลียงจูบอกว่า “เขาเหมาะกับบทซอบกที่สุดแล้ว ถึงจะมีความสุภาพอ่อนโยน ไม่หยาบคายเลยสักนิด แต่สายตาของเขาก็ดูเหมือนมีความลับซ่อนอยู่ ผมเห็นความพยายามของเขาตั้งแต่ตอนมาแคสติ้งแล้ว ดีใจที่ได้ร่วมงานกันครับ” ฝ่ายพัคโบกอมพูดถึงตัวละครตัวนี้ว่า “เป็นภาพยนตร์ที่ให้แง่คิดเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความโลภเป็นสิ่งไม่ดี จะเรียกว่าเป็นหนังเกี่ยวกับการพัฒนาหรือความก้าวหน้าของชีววิทยาก็ได้ ซอบกมีรูปลักษณ์ที่สะอาดเกลี้ยงเกลาและสุขภาพดีครับ (หัวเราะ) ซอแปลว่าเงียบสงบ บกแปลว่าความสุข ซอบกจึงแปลว่าการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างเงียบๆ และสงบสุขครับ ความรู้สึกของตัวละครไม่ได้หวือหวา จึงเป็นเรื่องยากที่จะแสดงออกมาให้ละเอียดชัดเจน การได้ร่วมงานกับผู้กำกับและรุ่นพี่กงยูทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ พี่กงยูมีพลังและสมาธิมาก ผมเคยขอคำแนะนำเรื่องการแสดงอารมณ์โกรธ เขาบอกว่าให้รวบรวมความมั่นใจแล้วตะโกนออกมา ที่จริงต้องรวบรวมความรู้สึกมาเรื่อยๆ ตามเนื้อเรื่อง แต่เนื่องจากไม่สามารถถ่ายทำตามลำดับเนื้อเรื่องได้ รู้สึกเขินเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็ต้องแสดงความรู้สึกออกมาเลย พี่กงยูเลยแนะนำว่าการควบคุมจิตใจคือสิ่งสำคัญ” ผู้กำกับลียงจูเสริมว่าพัคโบกอมเข้ามาเพิ่มสีสันให้หนัง “ถึงจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่หวังว่าผู้ชมจะได้เห็นคาแร็กเตอร์ที่ทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกของแต่ละฝ่าย บางครั้งก็ดูเหมือนวัยรุ่น บางครั้งก็มีความเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน ดวงตาที่สดใสนี้บางทีก็มีน้ำตารื้น แล้วก็เป็นสายตาคู่เดียวกันนี้แหละที่สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมวางอาวุธลงได้ ผมขนลุกเลยครับ คิดไม่ถึงว่าหน้าตาที่ดูเป็นคนดีจะแสดงความเย็นชาจนเสียวสันหลังได้ขนาดนี้”

 

พัคโบกอมเป็นนักแสดงที่ทุกคนรัก ตอนอยู่ในกองถ่ายเขาเรียกทีมงานทุกคนมาถ่ายรูปหมู่ทุกๆ คัต แสดงให้เห็นว่าเขาอยากจะเก็บความทรงจำช่วงเวลานี้ไว้ พอถามถึงแบบวัดบุคลิก MBTI พัคโบกอมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วแนะนำให้รู้จักแบบวัดบุคลิก ESFJ-A ของตัวเอง แบบวัดนี้ช่วยให้นักแสดงมีความมั่นใจในนิสัยของตัวเองมากขึ้น "ตอนเด็กๆ ผมจะไปเล่นเปียโนที่โบสถ์และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า แล้วคุณพ่อก็จะใช้กล้องวิดีโอบันทึกไว้ ผมเลยไม่เขินกล้องเพราะชินกับที่คุณพ่อคอยเก็บภาพผมมาตลอดตั้งแต่ยังเล็ก ผมมั่นใจในท่าเต้นของตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เวลาเจอผู้คนผมจะเป็นฝ่ายเข้าไปทักทายพร้อมกับยื่นมือให้ก่อนโดยไม่ได้รู้สึกเขินอะไร ผมว่ามันช่วยให้รู้สึกไม่ห่างเหินดีนะ" พัคโบกอมยังจำเรื่องแรกที่เขาแสดงได้ดี ละครเรื่องนั้นคือ Wonderful Mama ที่เขาแสดงกับแพจงอ๊ก "เราเล่นเป็นแม่ลูกกัน ตอนที่ผมมองตาเธอ แว่บหนึ่งผมคิดไปว่าเธอเป็นแม่ของผมจริงๆ กำลังพูดกับผมอยู่ ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกว่าการแสดงนี่เป็นอะไรที่สนุกจริงๆ ทุกเรื่องที่เล่นจะมีช่วงเวลาแบบนี้ มันจะแว่บขึ้นมา"

หลายคนทราบกันดีว่าพัคโบกอมมุ่งมั่นจะเป็นนักร้องมาก่อน แต่ต้นสังกัดชักชวนให้มาเป็นนักแสดง ถึงกระนั้นเราก็ยังได้ฟังเขาร้องเพลงประกอบละครหรือไม่ก็ออกซิงเกิลอยู่บ่อยๆ ในงานแฟนมีตติ้ง เขาก็ยังโชว์เพลง Boy with Luv ของ BTS ให้แฟนๆ ประทับใจ ด้วยความที่ชอบดนตรีและอยากโปรโมตกระแส K-Pop ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก เขาจึงรับเป็นพิธีกรงานประกาศรางวัลเอ็มเน็ต เอเชียน มิวสิก อะวอร์ดเป็นปีที่ 4 แล้ว ถึงแม้จะออกตัวว่าเล่นเปียโนได้แค่ "พอจับคอร์ดได้" แต่ตอนที่เขาไปออกรายการ You Hee-Yeol's Sketchbook เล่นเปียโนเพลง I Will Give You All และร้องคู่กับนักร้องลีซึงชอลนั้นมันน่าทึ่งมาก!

 

คีย์บอร์ดยามาฮ่าที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องที่บ้านยืนยันได้ว่านักแสดงหนุ่มรักดนตรีแค่ไหน "เวลาไม่อยากคิดอะไร ผมจะเล่นเปียโน ค่อยๆ อัดเพลงใหม่สะสมไปเรื่อยๆ ผมคิดทำนองได้เยอะมาก แค่เราจับคอร์ดได้จากการเล่นเปียโน เราก็ได้เพลงมา 1 เพลงแล้ว เวลาเล่นเปียโนแจ๊ซต้องใช้สกิลด้วยครับ แล้วพอเอาเทคนิคนั้นไปใช้กับเพลงแนวอื่นก็จะรู้สึกดีใจที่อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมา 'โอ้ ใช้ได้เลยนะเนี่ย มันเข้ากันมากๆ เลย' (หัวเราะ) ผมเล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กๆ คิดว่าถ้ามีลูกก็จะสอนลูกให้เล่นเปียโนด้วย ถ้าเราเล่นเปียโนเป็นมันจะช่วยให้เรียนเครื่องดนตรีชนิดอื่นได้ง่ายขึ้น" วันที่ 10 สิงหาคมเป็นวันครบรอบเดบิวต์ พัคโบกอมจะปล่อยซิงเกิล All My Love "ผมร่วมงานกับแซม คิม ศิลปินคนโปรดครับ ผมเดบิวต์มาครบ 9 ปีแล้ว เลยอยากจะให้ของขวัญแฟนคลับก่อนเข้ากรมไปรับใช้ชาติ เป็นผลงานสนุกๆ ครับ"

เต้นก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ เล่นเปียโนก็เป็น มีอะไรอีกไหมที่พัคโบกอมทำไม่ได้ นี่คือคอมเมนต์หนึ่งใต้คลิปวิดีโอในยูทูบ 'ข้อเสียของดาบอันสูงส่งและล้ำค่า (ความหมายของชื่อโบกอม) นั้นไม่มีเลย’ ถึงจะผ่านงานแสดงมามากมาย แต่พัคโบกอมก็ยังยืนยันว่า "ยิ่งผ่านมาเยอะยิ่งยาก แม้จะพยายามเต็มที่แล้ว แต่เราก็ยังไม่พอใจอยู่ดี ผมไม่ได้เก่งทุกเรื่องหรอกนะครับ คุณพ่อบอกผมเสมอว่าเราไม่ได้เก่งด้านไหนแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง ร้องเพลง หรือเล่นเปียโน ดังนั้นเราต้องถ่อมตัวให้มากๆ" เชื่อว่าความอบอุ่นที่ได้รับจากครอบครัวและมหาชนจะเป็นกำลังใจให้พัคโบกอมก้าวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของอาชีพได้แน่นอน "ผมพยายามรับบทที่แตกต่างกันไปในแต่ละเรื่อง อยากพลิกบทบาทไปเรื่อยๆ โค้งสุดท้ายของช่วงอายุ 20 ปี ผมถ่ายงานไป 3 ชิ้น อยากรู้เหมือนกันว่าการแสดงของผมในวัย 30 จะออกมาอย่างไร" มาถึงคำถามสุดท้าย อยากรู้ว่าเขามีความทะเยอทะยานบ้างไหม "มีสิครับ! ช่วยแนะนำช่องทางสู่ฮอลลีวู้ดให้ผมบ้างก็ดีนะ"

WATCH

คีย์เวิร์ด: Vogue Interview Park Bo Gum