ในปัจจุบันอุตสาหกรรมดนตรีทั่วโลกก็มีศิลปินมากฝีมือแจ้งเกิดขึ้นมากมาย เปิดทางเลือกให้เหล่าผู้ชมและผู้ฟังได้เสพความบันเทิงกันอย่างไม่ขาดสาย และถือเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเดี่ยว ดูโอ้ หรือศิลปินกลุ่มก็ล้วนแต่มีเอกลักษณ์ของแต่ละคนที่น่าจดจำแตกต่างกันไปทั้งสิ้น และความวิเศษของโลกแห่งเสียงเพลงนี้คือไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หากมีใครฝากผลงานไว้ได้อย่างสวยงามก็ไม่มีอะไรมาโค่นหรือลบผลงานดังกล่าวออกไปได้ เชื่อว่าถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ‘One Direction’ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘1D’ คงเป็นอีกหนึ่งศิลปินกลุ่มที่สร้างผลงานในเส้นทางแห่งเสียงเพลงไว้มากมาย แม้สมาชิกทั้ง 5 หนุ่มอย่าง Zayn Malik, Harry Styles, Liam Payne, Louis Tomlinson และ Niall Horan จะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางการทำงานของตัวเองแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขาพ่วงนามสกุลวันไดเร็กชั่นต่อหลังไปด้วยทุกครั้ง เพราะภาพจำที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผลของมันว่าทำไมพวกเขาถึงได้สร้างตำนานของวงไว้เหนือกาลเวลาเช่นนี้

 

One Direction ในรายการประกวดร้องเพลงชื่อดังอย่าง The X Factor ปี 2010 / ภาพ: Elginpk

 

เป้าหมายและความฝันที่เหมือนกัน

     ย้อนกลับไปในปี 2010 กับรายการประกวดร้องเพลงที่โด่งดังมากในสมัยนั้นอย่าง The X Factor ที่รวบรวมผู้เข้าแข่งขันที่มีพรสวรรค์และพรแสวงทางด้านการร้องเพลงมาเฉิดฉายกันบนเวที แน่นอนว่าในปีนั้นทั้ง 5 หนุ่มก็เดินทางมาประชันฝีมือในรายการนี้เช่นกัน และก็เป็นไปตามคาด ด้วยความสามารถที่มีและเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้ 5 หนุ่มผ่านเข้ารอบแรกมาอย่างง่ายดาย

 

 

     Simon Cowell และวง One Direction / ภาพ: CNN

     ทว่าการเดินทางที่เรียบง่ายมักไม่ค่อยเกิดขึ้นในชีวิตจริงเท่าไหร่นัก เพราะแสงสว่างของเด็กหนุ่มหน้าใสทั้ง 5 คนกลับดับลงเมื่อพวกเขาไม่ผ่านเข้ารอบต่อไปในรอบแยกหมวดหมู่ตามประเภทของศิลปิน แต่อย่างที่กล่าวไปแต่แรกว่าความสามารถและความโดดเด่นของพวกเขากลับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายของเหล่ากรรมการหากปล่อยพวกเขากลับบ้านไปอย่างดื้อๆ Simon Cowell หนึ่งในคณะกรรมการรายการนี้จึงเสนอมัดรวมพวกเขาทั้ง 5 คนให้มาอยู่ด้วยกันเพราะแต่ละคนโดดเด่นในเรื่องที่แตกต่าง ฉะนั้นการรวมตัวกันอาจจะเป็นหนทางที่พวกเขาพากันไปสู่ความฝันสูงสุดคือการเป็นศิลปินก็ได้ ซึ่งหนุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 ก็สร้าง ‘One Direction’ ขึ้นมาเพื่อพาไปสู่จุดหมายเดียวกัน ความฝันเดียวกัน คือการก้าวสู่ฐานะศิลปินระดับโลกเหมือนกัน

 

ภาพจากมิวสิกวิดีโอเพลง What Makes You Beautiful ของวง One Diection ผลงานเพลงที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ / ภาพ: Itl.cat

 

แค่ฟังก็รู้ว่าเพลงนี้ 1D ร้อง

     แม้การแข่งขันในครั้งนั้นวันไดเร็กชั่นจะได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเส้นทางบนสายดนตรีของพวกเขาจะสิ้นสุดลง เมื่อทั้ง 5 หนุ่มร่วมกันปล่อยอัลบั้มแรก Up All Night ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีอย่างล้นหลามโดยเฉพาะเพลงฮิตอย่างเพลง ‘What Makes You Beautiful’ ที่ไม่ว่าจะสถานีวิทยุไหน หรือช่องรายการเพลงใดต่างก็เปิดฟังกันทั่วบ้านทั่วเมือง และในปัจจุบันเพลงนี้เองก็ยังคงโด่งดังข้ามเวลาจนตอนนี้ยอดวิวในยูทูบก็ทะลุ 1,300 ล้านวิวเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้พวกเขายังปล่อยอัลบั้มเพลงเรื่อยมาอย่าง Take Me Home, Midnight Memories, Four และอัลบั้มสุดท้าย Made in the A.M. ก่อนที่เหล่าสมาชิกจะแยกตัวกันไปทำผลงานเดี่ยวของตัวเอง

 

 

     ผลงานอัลบั้มดังกล่าวล้วนตราตรึงใจแฟนๆ ทั้งเพลงฮิตหลากหลายเพลงเช่น Kiss You, Best Song Ever, Steal My Girl, Drag Me Down และอื่นๆ อีกหลายเพลงที่ไม่ได้กล่าวถึง เพราะไลน์เพลงที่บ่งบอกความเป็นป๊อป สีสันหรือความซุกซนในเพลงที่มีทั้งความเด็กและค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังคงกลิ่นอายความสดใหม่และเสน่ห์ของเมโลดี้ จังหวะ เนื้อเพลง และเอกลักษณ์ของวงได้อย่างชัดเจน รวมถึงเสียงร้องของแต่ละคนที่เพียงแค่ฟังก็รู้แล้วว่าเสียงใคร ทำให้ผลงานเพลงของพวกเขาล้วนสร้างปรากฏการณ์ไว้มากมายทั้งติดชาร์ตเพลงฮิตจำนวนหลายสัปดาห์ติดต่อกัน และมีรางวัลจากหลากสาขาหลายเวทีจนได้รับการขนานนามว่าพวกเขาคือบอยแบนด์ระดับโลกตัวจริงที่ใช้เวลาไม่นานในการเข้าไปในหัวใจเหล่าแฟนคลับเลยทีเดียว

 

One Direction ร่วมถ่ายภาพกับเหล่า Directioners อย่างอบอุ่น / ภาพ: HuffPost UK

 

การใส่ใจแฟนเพลงล้วนเป็นเสน่ห์ที่น่าประทับใจ

     เมื่อพวกเขาทั้ง 5 คนปรากฏตัวตามงานอีเวนต์ งานประกาศรางวัล หรือแม้กระทั่งการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตทั่วประเทศ วันไดเร็กชั่นไม่เคยลืมเลยสักครั้งที่จะกล่าวถึงแฟนๆ หรือเหล่าไดเร็กชันเนอร์ของพวกเขาที่อยู่เคียงข้างกันตั้งแต่วันแรกที่ไม่มีอะไรเลยจนถึงวันที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ถึงแม้ความสามารถที่โดดเด่นบนเวทีจะสะกดสายตาผู้ชมและผู้ฟังได้อย่างอยู่หมัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเดินทางที่แสนพิเศษบนเส้นทางสายนี้ล้วนต้องมีแฟนเพลงคอยสนับสนุนอยู่เสมอไม่เช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่มีวันนี้อย่างแน่นอน หนุ่มอังกฤษทั้ง 5 คนจึงแสดงการขอบคุณและความรักด้วยการสร้างผลงานที่มีคุณภาพเพื่อตอบแทนแฟนๆ ที่คอยมอบความรักและความอบอุ่นให้กันอยู่เสมอ หรือการเป็นแรงบันดาลใจที่ดีเพื่อให้แฟนเพลงได้มีความสุขในการเห็นพวกเขาทำผลงานเพลงและเฉิดฉายการเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว ทั้งยังกอดหรือพูดคุยอย่างเป็นมิตรทุกครั้งที่พวกเขามีโอกาส ไม่เคยคิดจะถือตัวหรือโอ้อวดว่าตนเป็นศิลปินดังระดับโลกเลยสักครั้ง ด้วยความน่ารักทั้งนิสัยส่วนตัวและมุมอบอุ่นที่พวกเขามอบให้แฟนเพลงจึงเป็นเสน่ห์ของวันไดเร็กชั่นที่สร้างความประทับใจให้แฟนๆ ได้อย่างไม่รู้ลืม

 

 

การแสดงเพลง History ของวง One Direction ร่วมกันครั้งสุดท้ายก่อนจะแยกเดินทางตามความฝันของตัวเองบนเวที The X Factor ปี 2016

     แม้ในตอนนี้พวกเขาจะแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทางของตัวเองไม่ว่าจะในฐานะศิลปินเดี่ยว นักแสดง หรือเลือกทำตามความฝันส่วนตัวของตนเองแล้ว แต่แฟนๆ ก็ยังคงจดจำบทบาทเดิมของทั้ง 5 หนุ่มไว้ไม่เคยลืม หากคิดถึงก็เปิดเพลงฟัง ดูบันทึกการแสดงสดบนเวทีต่างๆ ตามแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์จนกลายเป็นความเคยชิน รู้ตัวอีกทีว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของวันไดเร็กชั่นก็โลดแล่นอยู่ในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลกมาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว และคิดว่าต่อไปในอนาคตผลงานของพวกเขาจะคงถูกกล่าวถึงไปเรื่อยๆ และอยู่เหนือกาลเวลาสมฉายาบอยแบนด์ระดับตำนานอย่างแท้จริง