Oscar-best-memoral-moment-take-picture-2014
LIFESTYLE

ย้อนอดีตกับ 9 เหตุการณ์ในงานประกาศรางวัลออสการ์ที่น่าจดจำที่สุดตลอดกาล

จะมีเหตุการณ์ใดบ้างในงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติที่ผู้คนยังคงจดจำไม่ลืมเลือน บทความนี้ได้รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว

       เหตุผลที่ทำให้ Academy Awards หรือ ออสการ์ เป็นงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ และผู้คนหลงรักมาอย่างยาวนาน นอกจากเหตุผลด้านคุณภาพของภาพยนตร์ที่เข้าชิงแล้ว สถาบันแห่งนี้ยังมีเรื่องราวมากมายให้น่าติดตาม โดยเฉพาะเหตุการณ์ในงานประกาศรางวัลแต่ละปีที่แทบจะคาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

       รางวัลออสการ์เริ่มต้นมอบรางวัลครั้งแรกในปี 1927 ถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาเกือบศตวรรษแล้ว แน่นอนว่าที่ผ่านมามีเหตุการณ์น่าจดจำที่เกิดขึ้นในงานประกาศรางวัลมากมาย และในบทความนี้จะขอหยิบยก 9 เหตุการณ์ในอดีตดังกล่าวมาปัดฝุ่นเล่าใหม่ให้ทุกคนได้อ่านกันอีกครั้ง ก่อนที่งานประกาศรางวัลครั้งที่ 94 จะมีขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม 2022 ที่จะถึงนี้

Oscar-best-memoral-moment-Hattie McDaniel

ภาพ: OneCMS

 

1. Hattie McDaniel คนผิวสีคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ในปี 1940

       นับตั้งแต่รางวัลออสการ์เริ่มต้นขึ้นในปี 1927 จนถึงปี 1939 เป็นเวลากว่า 13 ปีที่คนผิวสีไม่เคยได้สัมผัสรางวัลนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นงานสำหรับคนผิวขาวอย่างแท้จริง จนกระทั่งสิ่งนี้สิ้นสุดลงในปี 1940 เมื่อ Hattie McDaniel กลายเป็นคนผิวสีคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิง จากบทบาทในภาพยนตร์ระดับตำนานเรื่อง Gone with the Wind เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ก้าวแรกที่ความหลากหลายด้านสีผิวและชาติพันธุ์เกิดขึ้นในออสการ์ เธอได้กล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนั้นไว้ด้วยว่า “ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉันจะมีเครดิตในการแข่งขันและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ฉันทุ่มเทให้มาโดยตลอด” 

Oscar-best-memoral-moment-Charlie Chaplin

ภาพ: Hollywood Reporter

 

2. Charlie Chaplin รับรางวัลออสการ์เกียรติยศในปี 1972 

       ถึงแม้จะถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ เป็นผู้วางรากฐานมากมายแก่วงการภาพยนตร์ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า Charlie Chaplin ไม่เคยได้รับรางวัลออสการ์ในฐานะส่วนตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากภาพยนตร์เรื่อง The Circus ซึ่งเขาทั้งกำกับและนำแสดงเองก็ได้รางวัลออสการ์เกียรติยศในปี 1929 

       จนกระทั่งในปี 1972 ทาง Academy Awards เล็งเห็นความสำคัญที่ชาร์ลีได้สร้างให้แก่วงการภาพยนตร์ จึงได้มีการมอบรางวัลออสการ์สาขาเกียรติยศให้แก่เขา เพื่อเป็นการขอบคุณและยกย่องนักแสดงตลกผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในวัยชราแล้ว แต่ก็ยังไว้ลายการเป็นนักแสดงตลกด้วยการเล่นมุกหมวกหล่นอันเป็นซิกเนเจอร์จนสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในงานได้ ก่อนจะก้าวขึ้นไปรับรางวัลพร้อมเสียงปรบมือดังเกรียวกราว



WATCH





3. Marlon Brando ปฏิเสธขึ้นรับรางวัลออสการ์ในปี 1973

       Marlon Brando คือหนึ่งในตำนานนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลแห่งฮอลลีวู้ด อย่างไรก็ตามการกล่าวสปีชต่อหน้าสาธารณชนดูจะไม่ใช่สิ่งที่เขาชื่นชอบเท่าไรนัก ดังนั้นในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 45 หลังจากที่เขาคว้ารางวัลสาขานักแสดงนำชายจากบท Vito Corleone ภาพยนตร์เรื่อง The Godfather เขาจึงปฏิเสธขึ้นรับรางวัล และเลือกที่จะส่งตัวแทนขึ้นไปรับ ทว่าตัวแทนที่เขาเลือกคือคนที่ไม่มีใครคาดคิด ไม่ใช่ดาราดังหรือเพื่อนสนิทคนไหน แต่เป็น Sacheen Littlefeather หญิงสาวชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียแดง ซาเชียนไม่ได้ขึ้นมากล่าวสปีชขอบคุณแทนมาร์ลอน แต่เธอใช้พื้นที่แห่งนี้ซึ่งผู้คนทั่วโลกกำลังจับจ้องชะตากรรมที่ถูกรุกรานของชนเผ่าพื้นเมือง ณ บริเวณ Wounded Knee ไว้ว่า “ฉันขอโทษจริงๆ เพราะฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาทำลายบรรยากาศงานค่ำคืนนี้ และหวังว่าในอนาคต (เกี่ยวกับเรื่องของการถูกรุกรานของชนเผ่าพื้นเมือง) หัวใจของเราและความเข้าใจของทุกฝ่ายจะมาบรรจบกันด้วยความรักและความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน" ซึ่งก็สร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังทั่วทุกมุมโลก


4. ชายเปลือยกายในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 1974

       เหตุการณ์คนเปลือยกายกระโดดลงจากอัฒจันทร์ ก่อนจะวิ่งพล่านไปทั่วสนาม เดือดร้อนถึงหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องตามจับกันจ้าละหวั่น เป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้บ่อยในการแข่งขันกีฬา แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นในงานประกาศรางวัลออสการ์มาแล้ว

       ในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 1974 ขณะที่ David Niven นักแสดงรุ่นใหญ่ชาวอังกฤษกำลังทำหน้าที่พิธีกรประกาศรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอยู่นั้น จู่ๆ ด้านหลังก็ปรากฏเป็นชายที่ทราบชื่อภายหลังว่าคือ Robert Opel นักเคลื่อนไหวทางสังคมวิ่งออกมาด้วยสภาพเปลือยเปล่า ก่อนที่เขาจะชู 2 นิ้วที่สื่อถึงสันติภาพ และหายไปจากหน้าจอ ในภายหลังโรเบิร์ตก็ไม่ได้ถูกจับหรือไล่ออกจากงาน แต่เขากลับได้รับการแถลงข่าวราวกับเป็นผู้ชนะในตอนเย็นวันเดียวกัน ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ว่า “คุณรู้ไหม ผู้คนไม่ควรละอายที่จะเปลือยกายในที่สาธารณะ" เหตุการณ์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ผู้คนจดจำมาจนถึงทุกวันนี้

5. Jack Palance โชว์ความฟิตด้วยการวิดพื้นมือเดียวในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 1991

       สำหรับรางวัลออสการ์ปี 1991 Jack Palance นักแสดงรุ่นใหญ่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง City Slickers ซึ่งในขณะนั้นเขาอยู่ในวัย 73 ปีแล้ว ผลปรากฏว่าแจ็กถูกประกาศชื่อให้เป็นผู้ชนะ ซึ่งถือเป็นรางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิต ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์ และทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดด้วยการลงไปวิดพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว ราวกับต้องประกาศให้โลกรู้ว่า ‘ถึงแม้จะอายุ 73 แต่ก็ยังแจ๋ว’ ซึ่งก็ทำให้ Billy Crystal พิธีกรผู้ดำเนินรายการในขณะนั้นถึงกับต้องวิ่งเข้าไปหา และเมื่อเห็นว่าทุกอย่างโอเค เขาก็กล่าวติดตลกกับผู้ชมว่า "แจ็ก พาแลนซ์ เพิ่งกระโดดบันจี้จัมป์จากป้ายฮอลลีวู้ด"



6. อารมณ์ขันแบบอิตาเลี่ยนของ Roberto Benigni ในงานประกาศรางวัลปี 1999

       1999 คือปีทองของ Roberto Benigni นักแสดงหนุ่มมาดทะเล้นชาวอิตาลีอย่างแท้จริง เนื่องจาก Life Is Beautiful ภาพยนตร์ที่เขาทั้งนั่งแท่นกำกับ และแสดงนำด้วยตัวเองมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งหมดถึง 7 สาขา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษ อีกทั้งยังคว้ารางวัลมาได้ถึง 3 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 71 โรแบร์โตจึงต้องขึ้นเวทีเพื่อกล่าวสปีชรับรางวัลถึง 2 ครั้ง ซึ่งนอกจากท่าทางการเดินที่ราวกับเป็นชาร์ลี แชปลินแห่งอิตาเลียนแล้ว สปีชของเขาก็น่าจดจำไม่แพ้กัน

       ครั้งแรกที่โรแบร์โต เบนิญญีขึ้นรับรางวัลสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม เขากล่าวสปีชเพียงสั้นๆ ด้วยการตะโกนว่า “Roberto!” และเรียกเสียงปรบมือได้อย่างเกรียวกราว แต่สปีชที่เป็นไฮไลต์ของเขาจริงๆ คือครั้งที่สองในตอนที่เขาขึ้นรับรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไว้ว่า “This is a terrible mistake!” โรแบร์โตเริ่มต้นสปีชของเขาด้วยการเล่นมุกแซวคณะกรรมการออสการ์ ว่าการที่ให้นักแสดงอิตาเลียนอย่างเขารับรางวัลนี้ต้องเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงแน่ๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยประโยคบอกรักและขอบคุณที่หวานซึ้ง จนอาจจะฟังดูเลี่ยน แต่ก็เข้ากับตัวตนของเขาเป็นอย่างดีว่า “I would like to be Jupiter and kidnap everybody and lie down in the firmament making love to everybody!"

7. รางวัลออสการ์แด่ Heath Ledger ผู้ล่วงลับในปี 2009

       การจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหันของ Heath Ledger ในปี 2008 ทำให้ฮอลลีวู้ดต้องเผชิญความโศกเศร้าครั้งใหญ่ ก่อนที่ 7 เดือนต่อมาเมื่อภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight เข้าฉาย และได้เห็นความมหัศจรรย์ของบทโจ๊กเกอร์ โลกก็ได้รู้ว่าพวกเขาสูญเสียหนึ่งในนักแสดงฝีมือดีที่สุดไปตลอดกาลแล้ว 

       ฮีธ เลดเจอร์ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชาย โดยครอบครัวของเขาเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทนในนามของ Matilda ลูกสาววัย 3 ขวบ โดย Kate Ledger น้องสาวของเขาได้กล่าวสปีชไว้ว่า "เราต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่คุณสร้างในโจ๊กเกอร์เป็นอะไรที่พิเศษมาก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะเป็นเช่นนั้น แต่เราภูมิใจรับรางวัลนี้ในนามของมาทิลดา นางฟ้าของคุณ" ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่ยังคงตราตรึงใจผู้ชมอย่างไม่ลืมเลือน


Oscar-best-memoral-moment-jennifer lawrence

ภาพ: USA Today

 
8. Jennifer Lawrence ลื่นล้มในปี 2013

       ในปี 2013 ถือเป็นช่วงเวลาที่เส้นทางอาชีพนักแสดงของ Jennifer Lawrence กำลังรุ่งโรจน์ แฟรนไชส์ Hunger Game ที่เธอรับบทนำทำเงินได้อย่างมหาศาล ก่อนที่เธอจะคว้ารางวัลออสการ์ครั้งแรกในชีวิตสาขานักแสดงนำหญิง จากบทบาทภาพยนตร์เรื่อง Silver Linings Playbook อย่างไรก็ตามในตอนที่เธอกำลังย่างก้าวขึ้นเวทีเพื่อไปรับรางวัล เดรสเจ้ากรรมกลับไม่เป็นใจทำให้เธอลื่นล้มลงกลางบันได แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่สามารถทำลายความมั่นใจและรัศมีของเธอได้เลย เพราะทุกคนในฮอลต่างหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู กลายเป็นเสน่ห์ที่น่าจดจำสำหรับเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์

Oscar-best-memoral-moment-take-picture-2014

ภาพ: Glamour

 

9. เซลฟี่แห่งประวัติศาสตร์ของ Ellen DeGeneres ในปี 2014

       เมื่อ Brad Pitt, Meryl Streep, Jennifer Lawrence, Bradley Cooper, Jared Leto, และ Angelina Jolie มาอยู่ร่วมเฟรมภาพเดียวกัน และคนกดชัตเตอร์คือ Ellen DeGeneres ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่จะกลายเป็นหนึ่งในภาพถ่ายประวัติศาสตร์แห่งฮอลลีวู้ดแน่นอน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 2014 และผู้คนเรียกมันว่า ‘เซลฟี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์’

       ขณะที่ภาพดังกล่าวได้โพสต์ลงในทวิตเตอร์ ปรากฏว่าจำนวนผู้เข้าชมพุ่งสูงอย่างรวดเร็วจนทะลุ 37 ล้านคนภายในวันเดียว ถึงแม้ว่าในภายหลังทาง Wall Street Journal จะออกมาเปิดเผยว่า Samsung คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ โดยแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีได้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้มันเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคุณค่าของภาพถ่ายนี้ก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย



เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH