LIFESTYLE

เชื่อไหม! บ้านหลังนี้เคยเป็นแคมป์ลูกเสือมาก่อน...

สามีภรรยาจาก Chicago เปลี่ยนแคมป์ลูกเสือที่ Wisconsin ซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมให้เป็นสถานที่พักผ่อนชั้นเยี่ยม

ลูกเสือรุ่นแล้วรุ่นเล่าเคยมาทำกิจกรรมสารพัดรูปแบบที่แคมป์ขนาด 25 เอเคอร์แห่งนี้ในรัฐวิสคอนซิน ไม่ว่าจะเป็นการปีนป่าย พายเรือแคนู หรือร้องเพลงรอบกองไฟ แต่แล้ววันหนึ่งในช่วงทศวรรษ 1980 แคมป์เดลาแวนแห่งนี้ก็ปิดตัวลงและถูกแบ่งขาย นอกเหนือจากอาคารเก่าผุพัง 2-3 หลังและที่ดินซึ่งเริ่มจะรกร้าง ก็มีเพียงความทรงจำของบรรดาลูกเสือที่เคยมาเข้าแคมป์ที่นี่เท่านั้นที่หลงเหลืออยู่

 

 

จนกระทั่งเมื่อปี 2005 Jennifer Litowitz บังเอิญเห็นประกาศโฆษณาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้งเธอและสามี Alec ผู้ก่อตั้ง Magnetar Capital ฝันอยากจะสร้างสถานที่พักผ่อนในชนบทสำหรับมิตรสหายและสมาชิกในครอบครัวซึ่งรวมถึงลูกชายทั้งสี่คน Jack, Luke, Nick และ Jude วัย 12-20 ปีประกาศโฆษณาดังกล่าวจุดประกายความฝันของพวกเขาขึ้นมาอีก ทั้งคู่จึงอุ้มจู๊ดลูกชายตัวน้อยใส่ที่นั่งสำหรับทารกพร้อมลูกชายอีก 3 คนขึ้นรถขับขึ้นเหนือไปชั่วโมงครึ่งเพื่อดูสถานที่ “ใช่เลยๆ” เจนนิเฟอร์เล่าความรู้สึกในขณะนั้น “แต่อเล็กดูไม่ค่อยจะกระตือรือร้นนัก สภาพมันดูแย่ แย่มากจริงๆ” ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจเดินหน้า โชคดีที่ทั้งคู่เพิ่งทำบ้านเสร็จไป (เป็นคฤหาสน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานออกแบบของ Lutyens สถาปนิกชื่อดัง) ซึ่งอยู่ในย่านชานเมืองเกลนโค มลรัฐอิลลินอยส์ พวกเขามีทีมนักออกแบบชั้นเยี่ยมอยู่แล้วคือสถาปนิก R. Michael Graham และดีไซเนอร์ Bruce Fox

 

 

เจนนิเฟอร์ต้องการเก็บรักษาเสน่ห์ของแคมป์ไว้ให้มากที่สุด ทุกคนชอบโรงอาหารขนาดใหญ่ซึ่งมีเตาผิงมหึมาสูงเกือบ 20 ฟุตตั้งตระหง่านอยู่ แต่โครงสร้างของอาคารหลังนั้นอยู่ในสภาพไม่ปลอดภัยและจำเป็นต้องรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่ อย่างไรก็ดี พวกเขาเก็บหินสำหรับทำเตาผิง แผ่นไม้กรุฝาผนัง คาน และเสาไม้ซึ่งทำให้พื้นที่ส่วนนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเอาไว้ รวมถึงเก็บรักษาส่วนประกอบต่างๆ ในอาคารที่เคยใช้เป็นสตูดิโอศิลปะของแคมป์ไว้เช่นกัน จากนั้นก็ขยายอาคารเพื่อทำเป็นเกมเฮาส์ใกล้สระว่ายน้ำและติดตั้งแผ่นกระดานที่เต็มไปด้วยกราฟฟิตี้ที่บรรดาลูกเสือเขียนและวาดกันไว้เป็นสิบปีมาแล้ว

 

 

“เจนนิเฟอร์บอกว่า ‘ฉันอยากทำให้ที่นี่มีบรรยากาศแบบมลรัฐวิสคอนซินเมื่อทศวรรษ 1940’” บรูซ ฟอกซ์บอก “แรงบันดาลใจอย่างหนึ่งก็คือ ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ ช่วงฤดูร้อนเคยไปพักที่โรงแรมสำหรับครอบครัวทางตอนเหนือของมิชิแกน” เจนนิเฟอร์เล่า “มันทำให้ฉันอยากมีสถานที่สไตล์มิดเวสต์เทิร์นที่มีลักษณะหลากหลาย สวยงาม และน่าสบาย”ดูจากโรงอาหารเก่าที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นห้องสังสรรค์ที่มีความยาวถึง 64 ฟุต และกว้าง 38 ฟุต เป็นต้น เมื่อจัดวางเฟอร์นิเจอร์เข้าไปบนพื้นที่ขนาดนี้ก็ยังให้ความรู้สึกโล่งๆ อยู่ดี ดังนั้นบรูซจึงใช้จินตนาการตกแต่งห้องนี้ให้มีลักษณะเป็นการรวบรวมข้าวของจากรุ่นสู่รุ่น เฟอร์นิเจอร์วินเทจจัดวางอยู่กับของใหม่ “ของทุกชิ้นต้องให้ความรู้สึกว่าเป็นการหามาแต่งเติม แต่ก็ต้องให้ความสะดวกสบายกับชีวิตยุคปัจจุบันด้วย” เขาบอก

 

 

ที่ด้านหนึ่งของห้องมีเก้าอี้นั่งสารพัดรูปแบบจัดวางอยู่รอบเตาผิง (“แน่นอนว่าฉันอยากให้มีที่นั่งรอบกองไฟ” เจนนิเฟอร์กล่าว) ส่วนอีกด้านหนึ่งมีโต๊ะอาหาร 2 ตัว ซึ่งหากนำมาต่อกันก็จะสามารถนั่งได้ถึง 30 คน (ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดในบ้านหลังนี้) บรูซใช้ผ้าร่วมสมัยที่แตกต่างกันบุเก้าอี้เพื่อทำให้รู้สึกว่าเก้าอี้เหล่านั้นเรียงรายอยู่รอบโต๊ะอาหารไม่ใช่โต๊ะประชุม บรูซตกแต่งส่วนอื่นๆ ของบ้านหลังนี้อย่างแยบยล เขาพิถีพิถันกับการเลือกผ้าและสีต่างๆ เพื่อเน้นแนวทางตกแต่งให้เด่นชัด “ถ้ามันดูไม่ค่อยเป็นสไตล์วินเทจ แสดงว่าไม่ถูกต้อง” เขากล่าว ตัวอย่างเช่น เขาใช้ผ้าทอมือสีฟ้าบุโซฟาตัวหนึ่งเพราะให้ความรู้สึกว่าเป็นของเก่า “ไม่ใช่ดูฝุ่นจับเขรอะนะครับ แต่ดูเหมือนเป็นโซฟาของรักของหวงทำนองนั้น” และเขาก็นำผ้าตาหมากรุกมาใช้ด้วยเพราะ “การใช้ผ้าตาหมากรุกตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยช่วยทำให้ดูย้อนยุค” เขาบอก “ผมต้องการให้รู้สึกอย่างนั้น” เขาให้ช่างทำม่านหน้าต่างในห้องหนึ่งโดยให้ปล่อยชายผ้าและทำพู่จากขอบผ้า “ผมคิดว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าคุณป้ามาร์ทาเป็นคนเย็บม่านนี้ตั้งนานมาแล้ว” เขาบอก

 

 

นอกจากนี้ เขายังคัดสรรงานศิลปะและของตกแต่งเพื่อช่วยสร้างความรู้สึกย้อนยุคอีกด้วย บรูซพบหีบแกะสลักซึ่งมีที่จับเป็นเชือกอันเป็นผลงานของลูกเสือคนหนึ่ง เขาให้ช่างต่อขาหีบใบนี้เพื่อใช้เป็นโต๊ะวางของ ส่วนในห้องนั่งเล่นมีแผ่นไม้แกะสลักรูปดวงตราความดี ผลงานของลูกเสือเช่นกันแขวนอยู่เหนือเตาผิง ในห้องเกมตกแต่งด้วยเกมบอร์ดแอนทีก ยิ่งไปกว่านั้น บรูซและลูกค้าคู่นี้ยังเป็นนักสะสมภาพเขียนของศิลปินที่ร่วมงานกับสถาบันศิลปะอันโด่งดังแห่งชิคาโกด้วย และพวกเขาก็ได้ภาพเขียนผลงานของ Norman Rockwell และ Thomas Hart Benton มาตกแต่งเพิ่มด้วยในภายหลัง

 

 

เจนนิเฟอร์และอเล็กปรับปรุงสถานที่แห่งนี้อยู่เสมอนับตั้งแต่ซื้อที่ดินผืนนี้มา พวกเขาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อทำให้เหมือนแคมป์ลูกเสือในอดีต นอกจากดัดแปลงเคบินให้เป็นบ้านที่มีเตียงนอน 2 ชั้นสำหรับ 8 คนและปรับปรุงโบตเฮาส์ที่มีอยู่แล้ว ทั้งคู่ก็สร้างอาคารหลังใหม่รวมทั้งกระท่อมพักสุดเนี้ยบสำหรับแขกอีก 2 หลัง มีอาคารสำหรับเล่นเทนนิสที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสนามเทนนิสในร่มซึ่งออกแบบโดยสถาปนิก David Adler และ James W. O’Connor ในทศวรรษ 1920 สำหรับครอบครัว Blair ที่ชิคาโก แคมป์เดลาแวนมีอะไรให้ทำมากมายไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็ตาม “สมัยนี้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากและทุกคนก็ออนไลน์ตลอด” เจนนิเฟอร์บอกเรา เธอเลื่อนแผนการติดตั้ง Wi-Fi ออกไปและย้ายทีวี 2-3 เครื่องไปให้พ้นหูพ้นตา “ฉันอยากให้คนที่มาที่นี่จดจำว่าการใช้เวลาสนุกๆ ด้วยกันแบบในอดีตเป็นอย่างไร”

 

Edited by Kullawit Laosuksri

ช่างภาพ: Björn Wallander

เรื่อง: Shax Riegler

แปลและเรียบเรียง: วิลาสินี เดอเบส

WATCH

คีย์เวิร์ด: Living Home Historical House Interier Lifestyle