ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง, งานนิทรรศการน้ำหอม J'ADORE
LIFESTYLE

ออกเดินทางกับ ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ ชมงาน DIOR J’ADORE นิทรรศการสุดพิเศษที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส

โว้กเปิดภาพ ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ กับบรรยากาศงาน DIOR J’ADORE ณ Beaux-Arts de Paris ประเทศฝรั่งเศส นิทรรศการบันทึกเรื่องราวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ J’ADORE น้ำหอมกลิ่นไอคอนิกระดับกูตูร์ที่สาวกบิวตี้ทั่วโลกต่างหลงรัก

     โว้กเปิดภาพบรรยากาศงาน DIOR J’ADORE กับนักแสดงสาว ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง หนึ่งในแขกคนสำคัญที่เดินทางไปร่วมชมนิทรรศการสุดพิเศษ ณ สถาบัน Beaux-Arts de Paris ประเทศฝรั่งเศส พร้อมพาสาวกดิออร์บิวตี้ร่วมเปิดประสบการณ์และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศงานที่บันทึกประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อของ J’ADORE  น้ำหอมกลิ่นไอคอนิกของดิออร์ ผ่านการจัดงานในรูปแบบ Immersive และ Interactive ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการในทุกประสาทสัมผัสภายใต้การจัดอีเวนต์ที่ตกแต่งด้วยสีทองส่องประกาย เผยเรื่องราวการเดินทางของดิออร์ในการรังสรรค์น้ำหอม ตั้งแต่ความหลงใหลในดอกไม้ของคริสเตียน ดิออร์ ไปจนถึง L’Or de J’ADORE ความหอมใหม่ล่าสุดที่ได้รังสรรค์โดย Francis Kurkdjian,  Perfume Creation Director คนล่าสุดของ Christian Dior Parfums นักปรุงน้ำหอมคนสนิทที่ร่วมงานกับเมซงมาเป็นเวลานาน

 

ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง ร่วมงาน DIOR J’ADORE ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 



WATCH




ภาพ: Loara Queyras

 

     J’ADORE เปรียบเสมือนการเดินทางที่ความหลงใหลจากทุกทิศทางมาบรรจบกัน โดยเรื่องราวในทุกๆ มิติของการรังสรรค์น้ำหอมถูกถ่ายทอดผ่านห้องจัดแสดงซึ่งรวบรวมอัตลักษณ์ของดิออร์ที่ฝังลึกอยู่ในดีเอ็นเอของกลิ่นหอมที่หลอมรวมความหลงใหลในดอกไม้ของคริสเตียน ดิออร์ ซึ่งไล่ตั้งแต่ประวัติของนักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังความหอมของดิออร์ บรรดาช่างฝีมือ จวบจนความน่าอัศจรรย์ของเสื้อผ้าระดับโอตกูตูร์และภาพระดับตำนานที่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจหลักของกระบวนการสร้างสรรค์   

 

 

     นิทรรศการครั้งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของ J’ADORE ซึ่งสอดแทรกอยู่ในทุกๆ รายละเอียดของอีเวนต์ โดยสถาบัน Beaux-Arts de Paris บนถนน Quai Malaquais ถูกแปลงโฉมด้วยการแต่งแต้มด้วยสีทองตั้งแต่ประตูทางเข้างานจวบจนทุกๆ มุมของแต่ละห้องจัดแสดงสะท้อนตำนานอันรุ่งโรจน์ของความหอม อย่างทางเดินที่ประดับด้วยสีทองเป็นประกาย พร้อมนำพาผู้เยี่ยมชมเข้าสู่อาณาจักรส่วนตัวของดีไซเนอร์ระดับกูตูร์ พร้อมเผยเสน่ห์หรือความทรงจำที่มองซิเออร์ ดิออร์ ผูกพันอย่างลึกซึ้ง รวมถึงเรื่องราวความหลงใหลในดอกไม้ที่สานต่อมายังผลงานการออกแบบในตำนาน ที่มาของการถูกขนานนามให้เป็นผู้ออกแบบชุดในคอนเซปต์ Flower-Women ซึ่งภายในงานมีการจัดแสดงบรรดาชุดที่สวยที่สุดของมองซิเออร์ ดิออร์ตลอดการเยี่ยมชม

 

ภาพ: Adrien Dirand

 

     อีกมุมสำคัญที่ชวนให้ผู้เข้าชมงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสแนปภาพต้องยกให้มุมเผยโฉม L’Or de J’adore ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นดังผลงานชิ้นมาสเตอร์พีซที่อยู่กลางห้องจัดแสดง น้ำหอมเฉดสีอำพันที่เปล่งประกายระยิบระยับใต้แสงสปอตไลต์เชิญชวนให้แขกผู้ร่วมงานเดินเข้าไปชื่นชมความงามของขวดน้ำหอมรูปทรงโค้งมนสุดไอคอนิกกันแบบใกล้ชิด พร้อมดื่มด่ำความเป็นมาของการรังสรรค์ขวดน้ำหอมที่มีจุดเริ่มต้นมาจากขวดทรง Amphora ในตำนานที่มองซิเออร์ ดิออร์ ได้เลือกใช้รูปทรงเดียวกันในการบรรจุน้ำหอม Miss Dior ซึ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นแรกของเขา เพื่อถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างชุดเดรสทรงโค้งในตำนานของดิออร์และการศึกษาเรื่องขวดบรรจุน้ำหอมนับไม่ถ้วน ทำให้ได้มาซึ่งส่วนเว้าโค้งของขวดที่สมบูรณ์แบบและการเรียงตัวอย่างแม่นยำของสร้อยบนขวดน้ำหอมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสร้อยไข่มุกหลายเลเยอร์ทรง Belle Époque ของคุณแม่ของเขา พร้อมกับซีลปิดขวดที่ใช้ด้ายสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ผสานเทคนิคที่เรียกว่า Baudruchage ซึ่งศิลปินหลายคนได้ปรับโฉมของขวดรูปทรงนี้เพื่อรังสรรค์น้ำหอมชั้นสูง (Haute Parfumerie)

 

การซีลปิดขวดที่ใช้ด้ายสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ผสานเทคนิคที่เรียกว่า Baudruchage

 

     สำหรับแนวกลิ่นหอม J’ADORE คือการเฉลิมฉลองของดอกไม้และการเดินทางสู่ใจกลางของช่อดอกไม้อันสง่างาม เป็นแนวกลิ่นฟลอรัลสดชื่นที่เปล่งประกายความหอมที่เปี่ยมไปด้วยโน้ตของมะลิ (Jasmin Sambac) และกุหลาบดามัสก์ Damascena Rose ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของนักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์ทั้งสามคน อย่าง Calice Becker, François Demachy และ Francis Kurkdjian, Perfume Creation Director คนล่าสุดของ Christian Dior Parfums ผู้อยู่เบื้องหลังกลิ่นหอมใหม่ L’Or de J’adore ที่นำเสนอความงามของช่อดอกไม้ดิออร์ในอีกมิติผ่านกลิ่นหอมที่ผสมผสานระหว่างออเร้นจ์ บลอสซัม มะลิ และน้ำมันหอมระเหยดอกกุหลาบเซนติฟอเลีย โดยถูกจัดแสดงภายในห้องที่ถูกประดับประดาไปด้วยบรรดาดอกไม้จากทั่วโลกเพื่อสร้างบรรยากาศจำลองในหน้าร้อน ตั้งแต่เช้าตรู่จรดยามค่ำคืน

 

 

 

 

 

   

 

     นอกจากการทัวร์นิทรรศการครั้งนี้จะได้ดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์ของเมซงดิออร์กันแบบจุใจแล้ว ไฮไลต์ของงานยังรวมถึงการเปิดประสบการณ์แบบ Immersive และ Interactive ที่พาสาวกดิออร์ดำดิ่งสู่โลกของศิลปะกับภาพลวงตาอันน่าทึ่งจากศิลปินมากฝีมืออย่าง Refik Anadol และการตีความ L’Or de J'adore ในมุมมองของเขา และรูปปั้น Gold Rose ของ Jean-Michel Othoniel ซึ่งเปรียบเสมือนการเดินทางเข้าสู่จุดที่สำคัญที่สุดของความหอมของ J’ADORE ที่ริเริ่มจากความหลงใหลในความงดงามของดอกไม้อีกด้วย 

 

ภาพ: Adrien Dirand

ผลงาน Immersive Art โดยศิลปินมากฝีมือ Refik Anadol

 

WATCH