LIFESTYLE

ล้วงทุกมุมของฮัลล์สตัทท์ที่ตอบคำถามว่า แค่ไฟไหม้บ้าน 2 หลังทำไมโลกต้องสนใจ

     ความเก่าแก่และสวยงามของสถานที่แต่ละแห่งทั่วโลกมักเป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนเสมอ โดยเฉพาะบรรยากาศบ้านเมืองสีสันสดใส กลิ่นอายดั้งเดิม เป็นภูเขา แถมยังมีทะเลสาบไม่มีอะไรมีส่วนผสมที่ลงตัวไปมากกว่า ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) หมู่บ้านเล็กๆ ในแหล่งมรดกโลกซัลทซ์คัมเมอร์กูท รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ประเทศออสเตรีย ซึ่งที่แห่งนี้ถือเป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก และถือเป็นสถานที่ในใจของคนไทยหลายคนที่ในชีวิตนี้ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง แต่วันนี้ทัศนียภาพของฮัลล์สตัทท์ไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ไฟเพลิงเผาทำลายบางส่วนของหมู่บ้านแห่งนี้จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก...

ซากของอาคารที่ไฟไหม้ใน Hallstatt / ภาพ: AFP/APA 

     ย้อนพูดถึงข่าวไฟไหม้ฮัลล์สตัทท์กันสักหน่อย เหตุการณ์นี้ต้องย้อนกลับไปวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านเก่า 2 หลัง ณ หมู่บ้านแห่งนี้ ไฟลุกลามรวดเร็วมากและทำลายที่อยู่อาศัยอายุเก่าแก่พังลงพร้อมทั้งสร้างความเสียหายไปรอบๆ ประมาณหนึ่ง ด้วยความที่สิ่งปลูกสร้างในเมืองเป็นไม้และสร้างติดกันอย่างหนาแน่นทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนสร้างความเสียหายจนน่าตกใจ ถึงแม้ระยะเวลาเกิดเหตุจะไม่นานแต่ก็ส่งผลเสียทั้งด้านกายภาพและภาพลักษณ์ในการดูแลรักษาเมืองไม่น้อยเลยทีเดียว

รายละเอียดของอาคารที่พังลงมาหลังจากไฟไหม้ / ภาพ: CGTN

     เรื่องนี้ส่งผลเสียอะไรต่อฮัลล์สตัทท์บ้าง เริ่มแรกเลยคือเรื่องความเสียหายด้านกายภาพของเมือง ถึงแม้ว่ามีอาคารไหม้อย่างจริงจังจนพังทลายลงเพียง 2 หลังเท่านั้น แต่อาคาร 2 หลังดังกล่าวอยู่ในแหล่งมรดกโลก ฉะนั้นเมื่อลองคิดมูลค่าทางประวัติศาสตร์นั่นหมายถึงการปรับเปลี่ยนไปของผังบ้านเมืองเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้ฮัลล์สตัทท์เปลี่ยนไปอยู่เหมือนกัน ถนนเส้นนั้นถูกสั่งปิดหลายวัน และสร้างความโกลาหลในการหาสาเหตุเรื่องไฟในระแวกนั้น เพราะไฟไหม้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเพราะสามารถเกิดขึ้น ลุกลาม และควบคุมค่อนข้างยาก จึงต้องสืบหาต้นตอกันต่อไป



WATCH




ความโกลาหลในการควบคุมเพลิงครั้งนี้ที่ Hallstatt / ภาพ: FF Hallstatt

     “ภาพลักษณ์” เรื่องนี้สำคัญมากกับทั้งนักท่องเที่ยวและการเป็นแหล่งมรดกโลก อย่าลืมว่าคำว่ามรดกมักต้องถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นฮัลล์สตัทท์ก็สั่นคลอนไม่น้อยเรื่องความมั่นคง เพราะไม่ใช่แค่มันเกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วพวกเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ทันเวลานัก อีกข้อหนึ่งคือการที่ควบคุมไม่ได้นั้นไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติแต่เกิดจากบ้านเรือนภายในเมืองโดยตรง นั่นแปลว่าไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ในการควบคุมเพลิงไว้ไม่ได้ และที่นี่มีรายงานว่านักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 10,000 คนต่อวัน ด้วยจำนวนขนาดนี้เมืองจะต้องเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมเพราะถ้าหากมีอัคคีภัยหรือภัยใดๆ ก็แล้วแต่เกิดขึ้นอีกโดยเฉพาะช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวอาศัยอยู่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่สำหรับสวรรค์บนดินแห่งนี้

ภาพถ่ายเก่าของหมู่บ้านแห่งนี้ที่เมืองมองในปัจจุบันชาวบ้านก็ยังเก็บรักษากลิ่นอายดั้งเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน / ภาพ: pogled sa sjevera (WIKI)

     เมืองที่สวยที่สุดในยุโรปไม่ได้สร้างภายในวันเดียว วลีคล้ายๆ กับการเปรียบเปรยเรื่องกรุงโรมเห็นจะจริง ความยอดเยี่ยมของทั้งบรรยากาศความลงตัว และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องสถาปัตยกรรมทั้งผังเมืองและบ้านเรือนในหมู่บ้าน กว่าจะมาเป็นฮัลล์สตัทท์ทุกวันนี้ต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ทำนุบำรุงรักษาไว้อยู่ตลอดเวลามาเป็นเวลาหลักร้อยปี ภาพถ่ายเก่าเมื่อนำมาเทียบกับปัจจุบันจะเห็นว่าความเก่าแก่สวยงามขั้นเทพประทานนี้ไม่เคยจางหายไปจากเมืองทะเลสาบแห่งนี้ โชคดีที่เพลิงทำลายได้ไม่เยอะเกินไป ทิ้งไว้เหลือแต่ควัน กลิ่นไหม้ และซากปรักหักพัง ณ จุดเกิดเหตุ หากไฟสามารถลุกลามไปย่านใจกลางเมืองเก่า ฮัลล์สตัทท์คงดูไม่จืดเหมือนกัน

ความสวยงามของหมู่บ้านที่ถูกคงไว้มานับร้อยๆ ปี / ภาพ: GetYourGuide

     พออ่านบทวิเคราะห์ความเสียหายที่มากกว่าไฟไหม้บ้าน 2 หลังกันแล้วเราอยากจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับฮัลล์สตัทท์ที่นอกเหนือจากทัศนียภาพล่องชิดทะเลสาบ เราเคยเห็นบรรยากาศคลาสสิกกันได้จากทุกหนทุกแห่ง แต่ทว่ามีบางมุมของเมืองที่น่าสนใจแต่ไม่ค่อยถูกนำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประวัติศาสตร์และความเก่าแก่ด้านศาสนา และสถาปัตยกรรมบางรูปแบบที่คนอาจจะสนใจแค่บ้านเรือนจนสิ่งเหล่านี้อาจจะจางหายไปจากหน้าความสำคัญด้านการท่องเที่ยวของแหล่งมรดกโลกแห่งนี้ไปโดยปริยาย

เข็มกลัดโรมันโบราณในพิพิธภัณฑ์กลางใจ Hallstatt / ภาพ: Tyssil

     ถ้าไม่มีความล้ำลึกทางประวัติศาสตร์คงไม่มีมรดกโลกชื่อ “ฮัลล์สตัทท์” ทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นดินแดนใต้ปกครองของอาณาจักรโรมัน นั่นแปลว่าแท้จริงแล้วรากฐานเบื้องลึกของที่แห่งนี้ถูกหล่อหลอมโดยวัฒนธรรมบางโรมันบางส่วน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเศษตะกอนทางประวัติศาสตร์อย่างถ้วยชามรามไห เครื่องใช้ รวมถึงงานแกะสลักตัวอักษรโรมันอีกด้วย หากใครสนใจรากลึกเช่นนี้ ถ้ามีโอกาสไปถึงฮัลล์สตัทท์แล้วอย่าพลาดจะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เพื่อย้อนนึกถึงความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์กระแสหลักมาตั้งแต่ยุคโรมัน จนตอนนิ้สิ่งของและสถาปัตยกรรมบางส่วนก็ยังพบได้ในปัจจุบัน

Hallstatt ดินแดนสวรรค์บนดินที่ใครก็อยากสัมผัสสักครั้งในชีวิต / ภาพ: Wallup.net

     เชื่อไหมว่าหมู่บ้านสุดคลาสสิกแห่งนี้เคยเป็นเหมืองเกลือมาก่อน พื้นที่ถูกขุดเจาะลึกลงไปใต้ดิน พร้อมทั้งสร้างท่อขนส่งยาวตัดออกนอกเมืองเพื่อส่งเกลือ และที่นี่ก็ได้รับสมญานามว่า “ท่อขนส่งหรือ pipeline ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก” ซึ่งหลักฐานแน่ชัดระบุไว้ช่วงปี 1595 เลยทีเดียว แต่ไม่ใช่แค่ความเก่าแก่ที่น่าสนใจ แต่การแปรสภาพจากเหมืองเกลือสู่ความเป็นฮัลล์สตัทท์นั้นแบบปัจจุบันนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เพราะเราจะเห็นสิ่งของจากเหมืองยังคงสภาพดีจนถึงปัจจุบัน และการจะแปรสภาพเป็นอาณาจักรสวรรค์บนดินอย่างที่ใครหลายคนกล่าวขานได้จะต้องมีรากฐานวัฒนธรรมที่คลุกเคล้าในเชิงทัศนศิลป์และสถาปัตยกรรมอย่างลงตัว เพราะฉะนั้นฮัลล์สตัทท์จึงไม่ใช่หมู่บ้านแห่งความสวย แต่ที่นี่คือจุดแข็งที่ปรับเปลี่ยนตัวตนผ่านประวัติศาสตร์ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ลองให้พวกเขาย้อนอดีตไปถึงยุคเหล็กพวกเขาชาวฮัลล์สตัทท์ก็ยังมีตัวตนปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าหลักแต่การมีตัวตนอย่างมั่นคงในทุกช่วงยุคคือกุญแจสำคัญที่เหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน 2 หลังที่นี่จึงกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วทั้งโลก

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Travel