เชื่อว่าตอนนี้ภาพของ Arc de Triomphe de l'Étoile หรือที่คนไทยคุ้นหูกันในชื่อว่า “ประตูชัยแห่งฝรั่งเศส” บนถนนฌ็องเซเลิเซ่ ใจกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสนั้น น่าจะถูกเผยแพร่ และกระจายไปทั่วโลกโซเชียลมีเดียอย่างล้นหลาม ซึ่งภาพของประตูชัยที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่ได้เห็นในครั้งนี้แตกต่างออกไปจากครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะครั้งนี้ประตูชัยที่คนทั่วโลกคุ้นเคยได้ถูกห่มคลุมไปด้วยผ้าตลอดทั้งอนุสรณ์สถานแล้วเรียบร้อย เหลือไว้ให้เห็นเพียงแค่ที่ซิลูเอตที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางวนเวียนแห่งนั้น ทว่านี่ไม่ใช่การประท้วงแต่อย่างใด หากเป็นส่วนหนึ่งในผลงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดใจมาจากความตั้งใจ และเพื่อเป็นการสดุดีแด่ Christo Vladimirov Javacheff ศิลปินผู้ล่วงลับนั่นเอง

     คริสโต วลาดิมิโรฟ ญาวาแชฟฟ์ คือศิลปินชาวบัลแกเรียน ผู้มีชื่อเสียงในการสร้างสรรค์งานศิลปะประเภท Land Art จนกลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลก ผลงานของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิทัศน์ สิ่งก่อสร้าง และสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ได้ ด้วยเทคนิค “การห่มคลุมด้วยผ้า” ซึ่งคริสโตก็เคยสำแดงฝีมือให้ชาวโลกได้เห็ฯกันไปบ้างแล้วเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ด้วยการเปลี่ยนสภาพของเหล่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ผลงานการห่มคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเล Little Bay Sydney ประเทศออสเตรเลีย หรือแม้แต่จะเป็นสะพาน Pont Neuf ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก็เคยถูกห่มคลุมมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยฝีมือของคริสโตเช่นกัน

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

     กระนั้นความฝันที่แท้จริงที่ยังคงติดอยู่ในใจของคริสโตมาเป็นเวลานาน กลับเป็นการห่มคลุมประตูชัยแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำ เนื่องจากคริสโตได้เสียชีวิตเสียก่อนเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา เจตนารมณ์ดังกล่าวถึงถูกถ่ายทอดไปสู่หลานชายอย่าง Vladimir Javacheff ที่ออกโรงใช้เงินที่หามาได้จากการขายผลงานศิลปะของคริสโตกว่าห้าร้อยล้านบาท มาช่วยสานฝันของคริสโตให้เป็นจริงแล้ววันนี้ ด้วยการใช้ผ้าผืนขนาดมหึมาขนาดกว่า 25,000 ตารางเมตร ที่ถูกผลิตขึ้นแบบกันไฟ และเคลือบผิวด้วยอะลูมิเนียมรีไซเคิล ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อใช้งานต่อได้หลังจากที่โปรเจกต์ดังกล่าวจบลงในวันที่ 3 ตุลาคม 2021 ที่จะถึงนี้

     อย่างไรก็ตาม นี่ไม่เป็นเพียงโปรเจกต์งานศิลปะทั่วไปที่ทำเพื่อความสวยงามเท่านั้น หากเบื้องหลังของงานชิ้นนี้ยังเกี่ยวโยงกับความรักของคริสโต และภรรยาของเขาอย่าง Jeanne-Claude อีกด้วย เนื่องจากทั้งคู่พบรักกัน ณ สถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก และใช้ชีวิตคู่กันโดยผูกพันกับกรุงปารีส และประตูชัยแห่งนี้มาแสนนาน ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960’s และเกิดเป็นความตั้งใจของคริสโตที่อยากจะทำงานศลิปะชิ้นนี้ให้เกิดขึ้นจริงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดังนั้นแล้วงานศิลปะชิ้นนี้จึงไม่อาจจะสะท้อนความงามเพียงฉาบฉวยดังที่เราเห็นได้ด้วยตาเพียงอย่างเดียว แต่ยังนับเป็นการอุทิศให้กับความรักของคริสโต และฌอนน์ ที่รอให้เหล่าคู่รัก และนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้มาสัมผัสบรรยากาศตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป