ถึงแม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Netflix บริการสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลกจะพยายามอย่างหนักในการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ ‘Original Content’ ออกมามากมาย ทว่าก็ผลลัพธ์ที่ออกมาส่วนใหญ่กลับ ‘แป๊ก’ มากกว่า ‘ปัง’ อย่างเช่นในปี 2021 ก็มีทั้ง Awake, Sweet Girl, Black Island,  Beckett และอีกหลายเรื่องที่ถือเป็นช้างล้มตัวใหญ่ ซึ่งหากเทียบกับฝั่งซีรี่ส์ก็ยิ่งเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจน 

     อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าภาพยนตร์ Netflix Original จะน่าผิดหวังไปเสียทุกเรื่อง ตรงกันข้ามก็มีหลายเรื่องที่คุณภาพจัดอยู่ในระดับขึ้นหิ้ง เห็นได้ชัดว่าในแต่ละปี Netflix พยายามดึงผู้กำกับ และมือเขียนบทฝีมือดี มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์คุณภาพเยี่ยม ที่เป้าหมายสูงสุดอาจจะไม่ใช่การทำกำไร แต่เป็นการกวาดรางวัลจากสถาบันต่างๆ ราวกับต้องการประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า ‘Netflix ก็ทำภาพยนตร์ดีกรีรางวัลได้เหมือนกัน’ The Irish Man, Roma, Mank, Ma Rainey's Black Bottom เหล่านี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

     ในปี 2021 ก็เช่นกัน ถึงแม้จะแป๊กไปหลายเรื่อง แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าจับตามอง และอาจไปไกลถึงขั้นเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่จะถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็น tick, tick...BOOM!, The Power of the Dog รวมถึง Don’t Look Up ที่หยิบยกมาเล่าในบทความนี้ถึงเหตุผลที่ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจับตามอง ก่อนที่ทุกคนจะได้รับชมพร้อมกันในวันที่ 24 ธันวาคม

 

Hollywood Assemble

     หาก Don’t Look Up เป็นภาพยนตร์ในจักรวาล Marvel Cinematic Universe ก็คงอยู่ในสถานะเดียวกับเรื่อง Avengers: Endgame เพราะนี่คือภาพยนตร์รวมดาวดังฮอลลีวูดแห่งยุคอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น Leonardo DiCaprio, Jennifer Lawrence, Meryl Streep, Cate Blanchett, Jonah Hill, Timothée Chalamet, Ariana Grande รายชื่อเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า Netflix จะสามารถรวมซูเปอร์สตาร์มากมายขนาดนี้ไว้ในภาพยนตร์เรื่องเดียว และด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Don’t Look Up จะใช้ทุนสร้างสูงถึง 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีฉากหลังยิ่งใหญ่ตระการตา มีฉากแอ็คชั่นมากมาย หรือเป็นมหากาพย์แฟนตาซี

     นอกจากชื่อเสียงที่โด่งดังแล้ว นักแสดงนำแทบทุกคนยังมีดีกรีระดับคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วแทบทั้งสิ้น หรืออย่างน้อยก็เคยเข้าชิง ดังนั้นเมื่อยอดฝีมือมารวมตัวกันมากขนาดนี้ พวกเขาจะประชันบทบาทผ่านเรื่องราวบนแผ่นฟิล์มกันดุเดือดขนาดไหน แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว

 

การกลับมาอีกครั้งของ Adam McKay

     หากเปรียบ Don’t Look Up เป็นอาหาร ทัพนักแสดงในเรื่องก็เปรียบเหมือนวัตถุดิบราคาแพงชั้นเลิศ อย่างไรก็ตามต่อให้จะมีวัตถุดิบที่ดีขนาดไหน ก็คงไม่สามารถกลายเป็นอาหารรสเยี่ยมได้ หากคนปรุงไม่มีความสามารถมากพอที่จะรีดศักยภาพของวัตถุดิบให้ออกมากลมกล่อมลงตัวได้

     แต่การที่ Don’t Look Up ได้รับการคาดหมายว่าเป็นภาพยนตร์น่าจับตามองแห่งปี และอาจไปไกลถึงรางวัลออสการ์ นอกจากทัพนักแสดงยอดฝีมือแล้ว เชฟที่มาปรุงแต่งรสชาติ ซึ่งก็คือผู้กำกับของเรื่องนี้ก็มีดีกรีที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เขาคนนั้นคือ Adam McKay

     ถึงแม้จะเป็นผู้กำกับยุคใหม่ ที่ดีกรีและเกียรติประวัติอาจจะยังเทียบกับระดับเก๋าในวงการไม่ได้ แต่ Adam McKay ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับฝีมือดีที่น่าจับตามอง พิสูจน์จากผลงาน 2 เรื่องล่าสุดของเขาทั้ง The Big Short และ Vice ที่ต่างก็เข้าชิงราวัลออสการ์ทั้งคู่

     Adam McKay เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีสไตล์ชัดเจน โดดเด่นด้วยการเล่าเรื่องที่กระชับฉับไว แต่ก็เต็มไปด้วยการจิกกัดเสียดสีอย่างแสบสัน นอกจากนั้นยังมี ‘ความตลกร้าย’ ที่ถือว่าเป็นท่าไม้ตายประจำตัวของเขา ซึ่งภายใต้ทัพนักแสดงคับคั่ง Don’t Look Up กลับเต็มไปด้วยความตลกร้าย ที่ถึงแม้จะเป็นตัวอย่างสั้นๆ เพียง 2 นาทีที่ปล่อยมาก็เริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะวายป่วงขนาดไหน 

     เรียกได้ว่า Don’t Look Up เป็นภาพยนตร์ที่เพียบพร้อมทั้งวัตถุดิบชั้นเลิศ มีคนปรุงฝีมือเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นสไตล์ที่ Adam McKay ถนัดที่สุด ดังนั้นจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ดูมันล่ะ

 

ข้อความทรงพลังในความตลกร้าย

     Don’t Look Up ว่าด้วยเรื่องราวของนักดาราศาสตร์ผู้เอาจริงเอาจังสองคน (Leonardo DiCaprio และ Jennifer Lawrence) ที่ค้นพบว่าอุกาบาตลูกใหญ่กำลังจะพุ่งเข้าชนโลก โลกกำลังจะถึงกาลอวสาน พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อเตือนชาวโลกถึงเรื่องนี้ ออกตระเวนทัวร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อ แต่กลับไม่มีใครเชื่อ และมองว่าพวกเขาเป็นตัวตลก แม้กระทั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังหัวเราะใส่เขา

     ถึงแม้พล็อตจะดูเต็มไปด้วยความตลกร้ายชวนวายป่วง แต่หากมองให้ลึกลงไป Don't Look Up เป็นภาพยนตร์ที่เสียดสีการเมืองอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังมีเป้าหมายในการปลุกกระแสโลกร้อน ซึ่งเป็นปัญหาที่ DiCaprio เองก็ให้ความสำคัญ เพียงแต่ว่าการพูดถึงประเด็นนี้ในสไตล์ของ Adam McKay ไม่ใช่การประนีประนอม บอกว่า ‘เราทุกคนต้องช่วยกันนะ’ แต่เป็นการชี้หน้าด่าว่ามนุษย์คือผู้โง่เขลา ชีวิตคือการเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของธรรมชาติ และตอนนี้การเอาคืนของธรรมชาติก็ใกล้มาถึงแล้ว โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหากยังทำตัวไม่รู้ร้อน ไม่ฟังคำเตือน ก็จงตายไปอย่างคนโง่เสีย

     ถึงแม้เวทีออสการ์จะไม่ค่อยชื่นชอบภาพยนตร์แนวตลกร้ายเท่าไรนัก เพราะแม้กระทั่ง Fargo ภาพยนตร์ผลงานของผู้กำกับ Ethan Coen ที่ถือว่าเป็นมาสเตอร์พีซของแนวนี้ ก็ยังไปได้ไกลที่สุดแค่การเข้าชิงสาขา Best Picture ในปี 1996 แต่ภายใต้ความตลกร้ายของ Don’t Look Up กลับมีข้อความที่คมคายและทรงพลังซ่อนอยู่ ดังนั้นไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลกลับไปนอนกอดในงานออสการ์ครั้งที่จะถึงนี้ก็เป็นได้