Vogue Thailand

LIFESTYLE

Vogue Living | เมื่อบ้านแบบควีนแอนน์ สถาปัตยกรรมวิตอเรียยุค 1890 ถูกเหล่าศิลปินรีโนเวตใหม่!

Jessica Helgerson นักออกแบบ และเพื่อนของ James Mercer แห่งวง The Shins และภรรยาของเขามาช่วยจินตนาการบ้านแบบควินแอนน์ สถาปัตยกรรมวิกตอเรียสร้างเมื่อปี 1890 ของครอบครัวขึ้นใหม่

โดย Amanda Ampornmaha
19 มิถุนายน 2568

ช่างภาพ: Aaron Leitz
เรื่อง: Kathryn O'Shea-Evans
แปลและเรียบเรียง: วิริยา สังขนิยม

 

      คงมีไม่บ่อยนักที่ผู้ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่จะลงมือซ่อมชักโครกที่บ้านด้วยตัวเอง แต่สำหรับ James Mercer นักร้องนักแต่งเพลงผู้อยู่เบื้องหลังวงอินดี้ร็อก The Shins ถังพักน้ำทรงสูงของชักโครกในห้องน้ำเล็กนั้นแม้จะไม่ถึงกับต้องแต่งเพลงบัลลาดให้ แต่ก็ควรค่าแก่การเก็บไว้ เพราะไปกันได้ดีกับบ้านสมัยวิกตอเรียพื้นที่กว้างขวางในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ที่เขาเป็นเจ้าของร่วมกับภรรยา Marisa Kula Mercer ซึ่งเป็นนักออกแบบสวน และลูก 3 คน เจ้าของบ้านคนเดิมขัดผิวถังพักน้ำซึ่งเป็นไม้ แล้วทาสีโกลเด้นโอ๊กที่เคยฮิตในยุคเรแกน แถมแต่งด้วยนอตจนดูไม่ได้ “เจมส์ขัดแต่งใหม่จนสวย” เจสสิก้า เฮลเกอร์สัน นักออกแบบและเพื่อนของ 2 สามีภรรยาบอก “เป็นประกายเลย”

     บ้านทั้งบ้านก็เป็นประกายเช่นกัน บ้านนี้สร้างตั้งแต่ปี 1890 และเพิ่งผ่านการปรับปรุงข้างในใหม่แบบค่อยๆ ทำทีละนิดมาตลอด 12 ปี ในช่วง 12 ปีนั้น 2 สามีภรรยาให้เจสสิก้ากับบริษัทของเธอเข้ามาช่วยจินตนาการบ้านของครอบครัวเสียใหม่ แต่ยังคุมโทนบ้านแบบควีนแอนน์ไว้เหมือนเดิม เจมส์บอกว่า “เราไม่ได้จัดเต็มแบบซื้อบ้านมาแล้วรื้อข้างในออกหมด” และยังบอกอีกว่าที่เขากับมาริสา คูลา เมอร์เซอร์ตัดสินใจซื้อบ้านนี้ก็เพราะหลงเสน่ห์องค์ประกอบดั้งเดิมของบ้าน “แม้แต่รอยขีดข่วนผมก็รัก” ตัวบ้านตั้งอยู่บนที่ดินผืนใหญ่ร่วม 1 เอเคอร์ ซึ่งแต่เดิมเป็นสวนเฮเซลนัตและมีต้นสนดักลาสอายุ 300 ปีอยู่หลายต้น จึงเป็นฉากหลังที่สงบสวยงามสำหรับสวนอังกฤษเล่นเลเยอร์ที่ออกแบบโดยมาริสา (เธอเคยไปเรียนที่ Great Dixter House & Gardens ที่อีสต์ซัสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ ต้นไม้ที่นำมาปลูกไม่ว่าจะเป็นเมาน์เทนฟลีซ สปอตทิดโจ-พายวีด หรือคัลเวอร์สรูต ต่างเจริญเติบโตดีในบริเวณบ้าน)

 

 

     หลังจากเข้ามาอยู่ได้ 5 ปี ครอบครัวเมอร์เซอร์รู้สึกว่าต้องการอะไรจากบ้านหลังนี้มากกว่าเดิม “เราอยากได้ประโยชน์จากข้อดีของงานออกแบบสมัยใหม่บ้าง อย่างเช่นการเข้าถึงพื้นที่กลางแจ้งได้ง่าย” เจมส์บอก “เลย์เอาต์เดิมของบ้านไม่มีอะไรแบบนั้นเลย” เจมส์ซึ่งกำลังจะออกอัลบั้มใหม่ร่วมกับวงของเขาในปีนี้แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อยอมรับว่าเจสสิก้า “อัจฉริยะสุดๆ” ในการทำให้บ้านที่ปรับเลย์เอาต์ภายในใหม่ดูมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในตอนแรก 2 สามีภรรยาพยายามออกแบบห้องครัวของบ้านใหม่ด้วยตัวเอง แต่พบว่าเป็นงานยากจึงขอให้เจสสิก้ามาประเมินสถานการณ์ “ภายใน 10 นาที–อย่างกับฉากนั้นในเรื่อง A Beautiful Mind  เลย–เธอแค่มองดูทุกอย่างก็บอกได้ทันทีว่า ‘คุณต้องย้ายช่องประตู แล้วย้ายตู้เก็บของออกจากห้องรับประทานอาหาร’” มาริสาเล่า “ฉันกับเจมส์มองหน้ากัน แบบว่า ‘เราต้องทำงานกับเจสสิก้า เราจะจ้างเจสสิก้าตอนนี้เลย (เราบอกเธอว่า) ‘คุณมองปัญหาทุกอย่างออกภายในไม่กี่นาที!’”

     ประเด็นใหญ่ที่สุดที่ทั้งสามต้องเผชิญตั้งแต่แรกคือการรักษาบูรณภาพของบ้านไว้ มาริสาบอกว่า “ทักษะของเจสสิก้าคือการทำให้ห้องพวกนี้น่าอยู่ แต่ยังมีความรู้สึกแบบบ้านวิกตอเรีย ซึ่งไม่ใช่ของง่ายเลย” ทีมงานของเจสสิก้าขยายห้องครัวออกไปถึงเฉลียงติดมุ้งลวดบางส่วนเพื่อเพิ่มพื้นที่ แต่ไม่ได้ขยายออกไปจนสุด Mira Eng-Goetz หัวหน้าดีไซเนอร์บอกว่า “บ้านเก่าสมัยวิกตอเรียไม่ได้มีห้องครัวใหญ่โตมโหฬาร” เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ “ต้องรู้สึกว่า ‘ห้องนี้เป็นของบ้านนี้ เหมาะกับตรงนี้’” นอกจากนี้ทีมงานยังย้อนเวลาได้สำเร็จ ด้วยการใช้ของตกแต่งที่มีเสน่ห์ย้อนยุค อย่างเช่นไฟแอนทีก (บางดวงเป็นโคมแก้วเรืองแสง) กระเบื้องกรุผนังสีครีม และเตา Lacanche ในซุ้มผนังที่เจมส์บอกว่า “ได้อารมณ์คล้ายๆ เตาผิงเก่า...เกือบจะเหมือนมุมสบายข้างเตาผิงเลย” ไม่มีอะไรใหญ่เกินงาม รวมทั้งเคาน์เตอร์กลางห้องครัว ซึ่งเป็นแบบมีขาตั้งเหมือนตู้เก็บของ และเจสสิก้าบอกว่า “รู้สึกว่าสัดส่วนลงตัวดี”

 

 

 

     ห้องที่มากับบ้านและขนาดกว้างใหญ่มากคือห้องนอนใหญ่ซึ่งมีห้องน้ำในตัว ห้องนี้ถูกกั้นแบ่งเป็นห้องแต่งตัวที่มีความเป็นสัดเป็นส่วน มาริสาบอกว่า “ตอนเราซื้อบ้านห้องนี้กว้างแล้วก็โล่ง มีแค่ตู้บานเลื่อนแบบหีบเพลงยุค 1970 ยาวตลอดผนัง” เจมส์กล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ดีมากเลย เรามีพื้นที่เก็บของแบบบิลต์อินอย่างดี หลังจากมีแต่ราวแขวนเสื้อผ้าเปิดโล่งมาหลายปี” ห้องแต่งตัวที่สร้างขึ้นใหม่นี้ตกแต่งด้วยโต๊ะเครื่องแป้งปูหินอ่อนกาลากัตตา วิโอลา ผนังทำเป็นซุ้มมีลวดลายตกแต่ง ดูน่าจะเหมาะกับควีนแอนน์ผู้โปรดการแต่งองค์ทรงเครื่อง มิรา อิง-เกิตซ์บอกว่า “สถาปัตยกรรมวิกตอเรียเปิดช่องให้กับการประดับประดาจริงๆ”

     เจสสิก้าออกแบบห้องคาราโอเกะให้กับบ้าน (มาริสาบอกติดตลกว่า “คาราโอเกะคือกิจกรรมสำคัญของคนวัยกลางคนในพอร์ตแลนด์”) โดยนำลูกเล่นทางสถาปัตยกรรมที่ทำให้นึกถึงตัวต่อไม้ (Jenga) เข้ามาใช้ “ห้องนี้เป็นโจทย์ยากจริงๆ เพราะตอนแรกเพดานห้องไปทางนั้นทีทางนี้ที” เจสสิก้าทำมือให้ดูว่าเพดานซิกแซ็กอย่างไร “สะเปะสะปะไปหมด เราก็เลยอยากทำให้มันสะอาดตาขึ้น” เธอเล่า “เราปล่อยให้มันเป็นไป แต่หยุดความสะเปะสะปะไว้แค่บนเพดาน” ด้วยการวาดบัวฝ้าสีเขียวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสะอาดตาเพิ่มเข้ามา ภายในห้องคาราโอเกะตกแต่งด้วยโซฟาสั่งทำพิเศษแบบบิลต์อิน ปูด้วยเบาะกว้าง 42 นิ้ว หรือกว้างกว่าที่นอนแบบทวินถึง 4 นิ้ว เจสสิก้าให้ทีมงานทำขอบหน้าต่างปูกระเบื้องไว้หลังโซฟา สำหรับจัดวางต้นไม้ดอกไม้ มาริสาบอกว่า “เธอหาทางออกได้อย่างสง่างามมากๆ สำหรับมุมพิลึกตรงนั้น”

 

 

     พูดถึงความพิลึก บางครั้งเจมส์ก็ชอบเล่นอะไรเพี้ยนๆ เหมือนกัน เขาดัดแปลงคอกม้าเก่าของบ้านให้เป็นสตูดิโออัดเสียง แต่ไม้กระดานที่ใช้ปูพื้นเรียงไม่เสมอกัน เจมส์จึงใช้เชือกยัดลงไปให้พื้นเรียบขึ้น (เขาพูดถึงที่มาของการแก้ปัญหาว่า “เราใช้ไม้คร่าวเก่ามาปูพื้น ทำอย่างไรมันก็เรียงไม่ได้ระดับ”) เพิงในสวนของมาริสาก็เป็นฝีมือเจมส์ ซึ่งได้แบบมาจากภาพในแค็ตตาล็อกห้าง Sears รุ่นวินเทจ แต่โปรเจกต์ดีไอวายที่ชวนฉงนสนเท่ห์ที่สุดของเขานั้นแขกผู้มาเยือนต้องเพ่งมองใกล้ๆ จึงจะเห็น มันคือแมงมุมพลาสติกที่เจมส์ใช้กาวร้อนติดกับบัวฐานโคมไฟ แล้วทาสีทับให้ดูเหมือนแมงมุมถูกขังอยู่ในนั้น “ตอนนี้ดูเหมือนมันอยู่คู่กับบ้านนี้มาตลอด” มาริสาบอก “เขาทำของแปลกๆ แบบนี้อยู่เรื่อย”

 

(สามารถอ่านเรื่อง Vogue Living | เปิดบ้านของ Paloma Elsesser ซูเปอร์โมเดลผู้รักในการสะสมและการเดินทาง! ได้ที่นี่)