great-movies-without-oscar
LIFESTYLE

8 ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมแห่งปี 2021 แต่กลับโดนออสการ์มองข้าม และไม่ได้เข้าชิงรางวัลแม้แต่สาขาเดียว

ส่องลิสต์ภาพยนตร์ทั้ง 8 เรื่องที่หลุดโผเข้าชิงรางวัลออสการ์ที่ใครหลายคนต่างก็ล้วนเสียดาย

       ถึงแม้ Academy Awards หรือออสการ์ จะเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดแห่งโลกภาพยนตร์ เพราะการที่ภาพยนตร์ทุกเรื่องได้รางวัลหรือเข้าชิงย่อมการันตีถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยม และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ตามในทางตรงกันข้าม การที่ไม่ได้เข้าชิงเลยสักสาขาก็ไม่ได้หมายความว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะล้มเหลว เพราะต่อให้ไม่มีรางวัลใดมาการันตี แต่งานศิลปะย่อมเป็นศิลปะเสมอ ไม่มีสิ่งใดมาลดทอนคุณค่าของมันลงได้

       นอกจากนั้นต้องยอมรับว่ารางวัลออสการ์ยังไม่ได้เปิดกว้างสำหรับภาพยนตร์จากทั่วโลก แต่ยังเน้นไปที่ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกา และเป็นที่รู้จักในวงกว้างเสียมากกว่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แทบทุกปีจะมีภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซหลุดโผ และไม่ได้เข้าชิงแม้แต่สาขาเดียว ซึ่ง Academy Awards ครั้งที่ 94 ก็เช่นเดียวกัน ที่ทำให้ทั้ง 8 ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมแห่งปี 2021 ถูกออสการ์มองข้าม แต่ก็ควรค่าที่จะหามารับชมสักครั้ง 

The Green Knight-without-Oscar

ภาพ: New Yorker

 

1. The Green Knight

       เป็นที่รู้กันในหมู่นักดูหนังว่าภาพยนตร์ที่แปะป้ายยี่ห้อ A24 แทบจะเป็นการการันตีคุณภาพ และจะไม่ทำให้ผิดหวัง ซึ่ง 'The Green Knight' ก็เป็นหนึ่งในนั้น 

       ถึงแม้ตำนานอัศวินโต๊ะกลม กษัตริย์ Arthur และดาบ Excalibur จะเป็นเรื่องราวยอดนิยมที่มีการหยิบยกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแล้วครั้งเล่าจนผู้คนอาจจะรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ The Green Knight นั้นแตกต่างออกไป ซึ่ง David Lowery หัวเรือใหญ่ที่นั่งแท่นกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำการปรุงแต่งรสชาติ เติมสีสันใหม่ให้กับมันด้วยการนำ Sir Gawain หลานชายผู้ไม่เอาไหนของกษัตริย์อาเธอร์มาเป็นตัวละครหลัก The Green Knight จึงเป็นเรื่องราวอัศวินโต๊ะกลมที่แตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเคารพตำนานพื้นบ้านเรื่องนี้ ผลลัพธ์คือรสชาติใหม่ที่ยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับการแสดงของ Dev Patel ในบท Sir Gawain ที่คู่ควรกับคำชม ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์แม้แต่สาขาเดียว

The Card Counter-without-Oscar

ภาพ: IMDb

 

2. The Card Counter

       ผู้กำกับอย่าง Paul Schrader มักนำเสนอภาพความแตกสลายของชายวัยกลางคนได้อย่างไร้ที่ติ ดังนั้น 'The Card Counter' จึงภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวการแก้แค้นของอดีตทหารผ่านศึกที่ถือว่าเข้าทางเขาที่สุด และก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนั้นเมื่อมาผสมรวมกับฝีมือการแสดงระดับขึ้นหิ้งของ Oscar Isaac ที่รับบทนำ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะรางวัลออสการ์ในปีนี้ไม่มีพื้นที่ว่างให้พวกเขาเลย

 



WATCH




The Last Duel-without-Oscar

ภาพ: IMDb

 
3. The Last Duel

       ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ 'The Last Duel' เป็นภาพยนตร์ที่ถูกหลายสถาบันภาพยนตร์ รวมถึง Academy Awards มองข้ามน่าจะเป็นเพราะการขาดทุนในแง่ของรายได้ ที่กวาดไปเพียง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้าง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากเรื่องนี้แล้วก็แทบนึกเหตุผลอื่นไม่ออก เพราะนี่คืออีกหนึ่งผลงานระดับมาสเตอร์พีซของผู้กำกับปูชณียบุคคลแห่งฮอลลีวู้ดอย่าง Ridley Scott ผู้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่า ‘ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า’ เป็นอย่างไร โดยในวัย 84 ปี เขายังคงหยิบยกเรื่องราวของ King Charles VI มาบอกเล่าได้อย่างเฉียบคม 

The Suicide Squad-without-Oscar

ภาพ: IMDb

 

4. The Suicide Squad

       แน่นอนว่ารสชาติในแบบฉบับ James Gunn ที่เปี่ยมไปทั้งลูกบ้า ความรุนแรง และคำหยาบคาย คงไม่ถูกจริตเหล่ากรรมการออสการ์เท่าไรนัก ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจนักที่ 'The Suicide Squad' จะไม่ได้เข้าชิงในสาขาใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบรรดาภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ปี 2021 เรื่อง The Suicide Squad คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีคุณภาพโดดเด่นที่สุด อย่างน้อยก็น่าจะได้เข้าชิงรางวัลสาขาด้านเทคนิคบ้าง แต่ดูเหมือนว่ากรรมการออสการ์จะไม่คิดเช่นนั้น

Pig-without-Oscar

ภาพ: NYT

 

5. Pig

       ในที่สุดก็หลุดพ้นจากภาพการเป็นดาราหนังเกรดบีและมีมแห่งฮอลลีวู้ด กลับเข้าสู่ทำเนียบนักแสดงคุณภาพได้เสียทีสำหรับ Nicolas Cage และก็คงไม่ผิดนักที่จะบอกว่า 'Pig' คือภาพยนตร์ที่ทำให้เขาฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์แบบ เรียกได้ว่าตลอดความยาว 92 นาที นิโคลัสได้ระเบิดฝีมือการแสดงระดับมาสเตอร์พีซออกมาแบบไม่มียั้ง เขาคือหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจากนั้นเรื่องราวและประเด็นที่ Pig ต้องการจะนำเสนอก็มีความเฉียบคมล้ำลึก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์แม้แต่สาขาเดียว

 

Memoria-without-Oscar

ภาพ: IMDb

 

6. Memoria

       ที่หยิบยกภาพยนตร์เรื่องนี้มาอยู่ในลิสต์ไม่ใช่เพราะว่ามี เจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล นั่งแท่น แต่เป็นเพราะ 'Memoria' คือภาพยนตร์คุณภาพเยี่ยมด้วยตัวของมันเอง ด้วยลีลาการเล่าอันเนิบช้า ทิ้งช่องว่างให้ผู้ชมได้ตีความ อันเป็นลายเซ็นประจำตัวของเจ้ย และยังคงอยู่ในมาตรฐานระดับสูงเช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของเขา ผสมเข้ากับการแสดงอันไร้ที่ติของ Tilda Swinton จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่รางวัลออสการ์ปีนี้ไม่มีที่ว่างให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

 

C'mon C'mon-without-Oscar

ภาพ: Town News

 

7. C'mon C'mon

       Joaquin Phoenix ขึ้นแท่นเป็นนักแสดงกระบี่มือหนึ่งแห่งฮอลลีวู้ดเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่เขาทำให้ทั่วโลกตื่นตะลึงกับบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Joker และคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปเมื่อ 3 ปีก่อน เขาก็กลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง 'C'mon C'mon' ที่ถึงแม้จะตรงกันข้ามกับ Joker โดยสิ้นเชิง ไม่หวือหวา หนักแน่น และรุนแรง แต่ C'mon C'mon ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในทางของตัวเอง ผู้กำกับ Mike Mills บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคุณอากับหลานชายที่ต้องร่วมเดินทางข้ามประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างละเมียดละไม และอบอุ่นหัวใจ ส่วนวาคีนก็ทำหน้าที่เป็นเครื่องปรุงที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมากลมกล่อมอย่างที่สุด นอกจากนั้นด้านงานภาพที่ถ่ายทำออกมาเป็นโทนขาวดำทั้งเรื่องก็น่าชื่นชมไม่แพ้กัน ทำให้ C'mon C'mon น่าสนใจขึ้นไปอีกระดับ ถึงแม้ว่ากรรมการออสการ์จะไม่ลงคะแนนให้ก็ตาม

Titane-without-Oscar

ภาพ: I-Scmp

 

8. Titane

       ทั้งๆ ที่ 'Titane' คือภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์ Cannes Film Festival ครั้งที่ผ่านมา แต่การที่ไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เลยแม้แต่สาขาเดียวก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้นักวิจารณ์หนังทั่วโลกจะยกย่องภาพยนตร์เรื่องนี้มากเพียงใด แต่การที่ Titane มาในแนว Body Horror ที่จัดเต็มทั้งความรุนแรง และความสยองขั้นเลือดสาด (ไม่นับพล็อตที่แหวกแนวสุดโต่ง ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับรถยนต์) ซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกับรสนิยมกรรมการออสการ์โดยสิ้นเชิง ก็แทบจะเป็นการปิดประตูสู่ Academy Awards ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อดเสียดายไม่ได้อยู่ดี

เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH