LIFESTYLE

5 ตำนานการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างตัวเอกกับวายร้ายอันน่าจดจำจากโลกภาพยนตร์

การเชือดเฉือนบทบาทของเหล่านักแสดงมากฝีมือระหว่างตัวเอกและวายร้ายที่เข้มข้นจนคาดเดาไม่ได้

       จุดขายของภาพยนตร์หลายเรื่องโดยเฉพาะแนวอาชญากรรมระทึกขวัญคือการสร้างตัวละครวายร้ายให้มีเสน่ห์ ฉลาดหลักแหลม เพื่อให้เป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับฝ่ายตัวเอก ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องมาปะทะบทบาทหักเหลี่ยมเฉือนคมกันในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ผู้ชมจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ เมื่อมีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม การหักเหลี่ยมเฉือนคมที่เข้มข้นคาดเดาไม่ได้มาผสมผสานกับฝีมือการแสดงที่เหลือร้ายของเหล่านักแสดง ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพยนตร์น่าติดตามที่สามารถตรึงผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างอยู่หมัด แน่นอนว่าในโลกภาพยนตร์มีการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างตัวเอกกับวายร้ายมากมายหลายครั้ง แต่ในบทความนี้จะขอหยิบยก 5 ครั้งที่น่าจดจำไม่รู้ลืมมากล่าวถึง

Heat (1995)

Heat (1995)

       ถึงจะเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก แต่เมื่อไรที่พวกเขาอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน หรือในเฟรมเดียวกัน ก็รับประกันได้เลยว่าผลงานที่ออกมาจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน สำหรับ 2 นักแสดงรุ่นใหญ่แห่งวงการอย่าง Al Pacino และ Robert De Niro หนึ่งในบทพิสูจน์สำคัญคือ 'Heat' ภาพยนตร์ปล้นอาชญากรรมจากปี 1995 ผลงานการกำกับของ Michael Mann โดยนอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่สุดเข้มข้นแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Heat ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ระดับตำนานตลอดกาลคือการเชือดเฉือนบทบาทกันระหว่างตัวละคร Vincent Hanna ตำรวจตงฉินจอมบ้าเดือด ไม่เคยกลัวใคร ซึ่งรับบทบาทโดย Al Pacino และ Neil McCauley จอมโจรสมองเพชร ซึ่งรับบทโดย Robert De Niro ถึงแม้ว่าตลอดความยาว 170 นาทีของเรื่องจะมีฉากที่ทั้งสองตัวละครเผชิญหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งมันคือซีนที่ทุกคนจดจำได้ นอกจากนั้นด้วยบทและการวางปมที่เข้มข้น ผู้ชมจึงรู้สึกว่าตัวละครทั้งสองเชือดเฉือนคมกันอยู่ตลอดเวลาที่เรื่องดำเนินไป 

Se7en (1995)

Se7en (1995)

       ไม่ใช่การเชือดเฉือน 1 ต่อ 1 เหมือนกับเรื่องอื่นๆ แต่ถึงจะเป็น 2 รุม 1 ก็ไม่ได้ทำให้ฝ่ายไหนเสียเปรียบแต่อย่างใด เนื่องจากตัวละคร John Doe ผู้ร้ายที่นำแสดงโดย Kevin Spacey นั้นร้ายกาจอย่างมาก ครบเครื่องทั้งความเฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ ปั่นประสาท จนตัวละครเจ้าหน้าที่ตำรวจ Mills กับ Somerset ที่นำแสดงโดย Brad Pitt และ Morgan Freeman ต้องเจอกับงานหนักไม่ใช่น้อย เพราะแม้ว่าทั้งเรื่องตัวละคร John Doe จะโผล่หน้าออกมาให้เห็นน้อยมาก แต่ความน่ากลัวของเขาที่แสดงผ่านการกระทำก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ามีเขาคอยจ้องมองตลอดทั้งเรื่องโดยไม่ต้องปรากฎ การเชือดเฉือนกันระหว่างผู้ล่ากับผู้ถูกล่าคือสิ่งที่ทำให้ 'Se7en' กลายเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้งตลอดกาล โดยเฉพาะตอนจบของเรื่องที่ไม่ว่าใครก็คงจดจำได้อย่างไม่รู้ลืม



WATCH




Catch Me If You Can (2002)

Catch Me If You Can (2002)

       โดยปกติแล้วความเสียเปรียบของภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องจริงคือจะไม่สามารถแต่งเติมให้เข้มข้นได้เท่ากับเรื่องจากจินตนาการ แต่ 'Catch Me If You Can' กลับพลิกความเสียเปรียบตรงนี้ให้กลายเป็นความได้เปรียบ เนื่องจากวีรกรรมที่ตัวละคร Frank Abagnale ได้สร้างไว้นั้นแสบสันยิ่งกว่าเรื่องแต่งเสียอีก

       Frank Abagnale คือจอมโจรต้มตุ๋นที่พร้อมจะหลอกทุกคนที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะสายการบิน โรงพยาบาล ศาล หรือ แม้แต้ FBI นำแสดงโดย Leonardo DiCaprio นักแสดงหนุ่มพราวเสน่ห์ และในเมื่อโดนหยามเกียรติ FBI ก็ไม่ยอมง่ายๆ จึงมีตัวละครหมาบ้ากัดไม่ปล่อยอย่าง Carl Hanratty ที่จะทำทุกอย่างเพื่อลาก Frank ไปนอนซังเต ซึ่งนำแสดงโดย Tom Hanks ด้วยความที่ตัวละครทั้งคู่ต่างก็ฉลาดเป็นกรด ดังนั้นการหักเหลี่ยมเฉือนคมที่เกิดขึ้นในเรื่องจึงสนุกสนาน หักไปพลิกมาจนผู้ชมไม่สามารถคาดเดาได้ถูก สมกับชื่อเรื่อง 'Catch Me If You Can จับให้ได้ถ้านายแน่จริง'

The Departed (2006)

The Departed (2006)

       Infernal Affairs หรือ 2 คน 2 คม ภาพยนตร์สัญชาติฮ่องกงเรื่องนี้คือหนึ่งในเรื่องที่ขึ้นชื่อเรื่องการเชือดเฉือนบทบาทระหว่างตัวดีกับตัวร้ายมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นโจรที่ปลอมตัวเป็นตำรวจ ส่วนอีกฝ่ายคือตำรวจปลอมตัวเป็นโจร ดังนั้นความเข้มข้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องสงสัย และเมื่อ Infernal Affairs ถูกซื้อลิขสิทธิ์โดยฮอลลีวูด และได้ยอดผู้กำกับในตำนานอย่าง Martin Scorsese สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ออกมาในชื่อ 'The Departed' ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะถือเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับต้นฉบับ และด้วยฝีมือการแสดงของ Leonardo DiCaprio กับ Matt Demon การเชือดเฉือนก็ยังคงเป็นจุดเด่นให้แฟนๆ ประทับใจ

T2 Trainspotting (2017)

T2 Trainspotting (2017)

       ภาพยนตร์ภาคต่อของตำนาน 'Trainspotting' จากปี 1996 โดยใช้ตัวละครเซ็ตเดิม โลเคชั่นเดิม เปลี่ยนไปแค่ห้วงเวลา จึงทำให้ปมความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครต่างๆ ในเรื่องแข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นผู้กำกับจึงสามารถบรรเลงเนื้อเรื่องได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องปูให้เสียเวลา หนึ่งในการเชือดเฉือนบทบาทที่ผู้ชมทุกคนน่าจะจำได้คือระหว่างตัวละคร Mark Renton ชายผู้กลับมาที่บ้านเกิดในประเทศสกอตแลนด์อีกครั้งหลังจากทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง และหายตัวไปนับ 10 ปี นำแสดงโดย Ewan McGregor กับ Begbie เพื่อนเก่าของ Renton ที่มีความแค้นฝังใจที่ต้องสะสางซึ่งนำแสดงโดย Robert Carlyle

       อย่างที่กล่าวไปว่าปมขัดแย้งของทั้งคู่นั้นแข็งแรงอยู่แล้วจาก Trainspotting ภาคแรก ดังนั้นเมื่อไม่ต้องเสียเวลาปู การเชือดเฉือน สะสางปมความแค้นที่เกิดขึ้นในภาคนี้จึงระทึกสะใจ ทำเอาผู้ชมลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ เป็นอารมณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากการดูภาพยนตร์แฟรนไชส์ Trainspotting

ภาพ : Fr.web.img3.acsta, Telegraph, 4.bp.blogspot, I0.wp, Images.mubicdn
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH