ในยุคที่วันหยุดสุดสัปดาห์มีค่ามากกว่าอะไรทั้งหมด เป็นทั้งวันพักผ่อน วันแห่งแรงบันดาลใจ วันที่ได้ไปหาบาร์ใหม่ๆนั่งจิบเครื่องดื่ม วันครอบครัว และเป็นวันที่หลายๆคนได้ผละจากชุดยูนิฟอร์มแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดเก่ง มาแต่งให้เป็นตัวเองมากที่สุด เสาร์-อาทิตย์ จึงไม่ใช่แค่ 2 วันแต่เป็น 48 ชั่วโมงแห่งความสุขที่โว้กอยากแนะนำให้ขับรถออกไปลัดเลาะตามตรอกซอกซอย ทำอะไรอย่างที่ใจต้องการโดยไม่ต้องติดอยู่ในกรอบเดิมๆ ถ้ายังไม่รู้จะไปไหนดี ลองให้คัมภีร์ 48 Hours with Mercedes-Benz by Vogue เป็นไกด์ให้ รับรองว่าจะทำให้ 48 ชั่วโมงของสาวๆ กลายเป็นช่วงเวลาที่ต้องจดจำ

   

หากคุณเป็นคนเมืองที่ซีเรียสกับการทำงานและการใช้ชีวิต การเลือกบาร์สำหรับปาร์ตี้ก็คงต้องซีเรียสเช่นกัน เพราะบรรยากาศที่ดีจะยิ่งเสริมกับรสชาติของเครื่องดื่มในแก้ว และโมเม้นต์ดีๆก็เป็นช่วงเวลาของการหลีกหนีซ่อนตัวจากวันหนักๆ เราจึงจะพาไปรู้จัก 5 บาร์ ต่างคาแรกเตอร์ ต่างสไตล์ แอบกระซิบว่าบาร์สุดท้ายเป็นบาร์โปรดของบรรณาธิการแฟชั่นของโว้กประเทศไทย พร้อมแล้วไปเจอ Favourite 5 Not your Average Bar ที่น่าจะไปทำความรู้จักสักครั้งหนึ่งกันเลยดีกว่า

1 / 5

2 / 5

3 / 5

4 / 5

5 / 5

Tropic City

ทรอปิคอลบาร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากทั้งฝั่งแคริเบียน ฮาวาน่า แต่ไม่ทิ้งความมินิมัลแบบสวีดิชในดีเทลบางอย่าง รวมถึงความเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแถบบ้านเราอีกด้วย โฟกัสที่การใช้เหล้ารัมและผลไม้เมืองร้อนเป็นตัวขับเคลื่อน เชครวมเข้ากับเทคนิคเฉพาะตัวบางอย่าง ภายใต้การควบคุมทิศทางจากสองบาร์เทนเดอร์หนุ่มชาวสวีดิช Sebastian และ Philip ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงค็อกเทลบาร์มามากกว่า 10 ปี ซึ่งชั่วโมงบินของทั้งคู่ก็ชัดเจนอยู่ในทุกแก้วที่ครีเอท

 

 

เมนูแนะนำของ Tropic City ก็ต้องยกให้เป็นเมนูที่มีส่วนผสมของผลไม้ ยิ่งเป็นการชงที่เชคออกมาจากบาร์เทนเดอร์ที่รู้จักควบคุมบาลานซ์ของความหวาน ความขม ปริมาณน้ำ และดีกรีที่เลือกใช้ด้วยแล้ว ค็อกเทลแต่ละแก้วของที่นี่จึงครบรส สดชื่น และแรง! ขอยกตัวอย่าง ‘KL to BKK’ ที่นำเอาสัปปะรดสดมาหมักกับกานพลู และเคี่ยวจนงวดได้เป็นไซรัปเข้มข้นหอมหวานเคล้ากลิ่นสไปซ์ เมื่อนำมาจับคู่ผสมกับ Dark rum และ Campari แล้ว ทั้งเข้ากันได้ดีพร้อมตัดรสกันไปในตัวอย่างพอเหมาะพอเจาะ แต่ค็อกเทลรสชาติพลุ่งพล่านไม่ใช่ตัวชูโรงหลักของที่นี่แต่เพียงอย่างเดียว บรรยากาศสนุกๆ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะคืออีกครึ่งหลักสำคัญที่ทำให้ Tropic City แห่งนี้สามารถพาคุณหลบพักจากโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องหิ้วกระเป๋าเดินทางไปไหน ขอแค่จับแก้วในมือให้มั่นแล้วท่องเมืองเขตร้อนผ่านดริ้งค์ไปด้วยกัน! 

 

 

Vogue sips : ค็อกเทลที่นี่ไม่มีแบ่งแยกเพศ เพราะแต่ละคนก็มีความชอบที่ต่างกัน แต่ครั้นจะบอกให้เลือกจากเบสสปิริตที่ตัวเองชอบเป็นหลัก ก็ไม่ง่ายอีก เพราะหลายแก้วของที่นี่สลับซับซ้อนเกินกว่าจะบ่งบอกได้ชัดว่าเป็นเบสอะไรกันแน่ เอาเป็นว่าถูกใจชื่อเมนูไหนก็เริ่มต้นที่เมนูนั้นได้เลย ดีหมด

672/65 ซ.เจริญกรุง28

โทร : 091 870 9825

อังคาร, เสาร์ - อาทิตย์ 19:00 - 01:00

FB : tropiccitybkk

Vesper

เวสเปอร์ เป็นค็อกเทลบาร์ที่จริงจังในการนำเสนอเมนูเครื่องดื่มของตัวเองอย่างแท้จริง พวกเขารู้ลึกถึงรสชาติของค็อกเทลทุกแก้ว บาร์ตกแต่งด้วยด้วยแรงบันดาลใจจากบาร์สไตล์ยูโรเปียน เครื่องดื่มที่ทางร้านเลือกนำเสนอคือคลาสสิคค็อกเทลหลายตัว และยังมีอีกหลายแก้วที่ทางร้านคิดค้นการจับคู่ผสมผสานแล้วนำมาคน เขย่า เผา สโมค จนได้เป็นดริ้งค์ที่ไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะเมนูจากเล่ม The Art แก้วเด่นๆ ที่ดื่มได้ทั้งชายหญิงต้องเมนู Automat มิกซ์ขึ้นมาจากไอเดียของช่วงเวลาที่ต่างกัน อารมณ์ของความมืดความสว่าง คู่ตรงข้ามที่อยู่ร่วมกันได้ มีความละมุน หอมคาโมมายและซินนามอน ซ่อนเปรี้ยวซ่อนขม จิบแล้วสดชื่น เหมาะเป็นแก้วแห่งการเริ่มค่ำคืน

1 / 6

2 / 6

3 / 6

4 / 6

5 / 6

6 / 6


Vogue sips : อย่าให้ชื่อสวยใส The White Trumpet Flower ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพเพ้นต์สีน้ำมันของ Georgia O'Keefe จากเมนูในเล่ม The Art Book ทำให้คุณคิดว่าแก้วนี้ไร้เดียงสา เพราะในความนวลของครีม หวานนำเบาๆ แต่เปรี้ยวปลายสดชื่น หอมกลิ่นข้าวไรซ์เบอร์รี่และมะลิชัดเจนนั้น แฝงไว้ด้วยดีกรีเกินชื่อไปไม่น้อย แต่รับรองว่าดื่มง่าย เหมาะกับการเริ่มต้นค่ำคืนแบบสมูทราวกับกลีบดอกไม้สีขาว..ที่มีพิษ

 

 

 10/15 ซ.คอนแวนต์ สีลม

โทร : 02 235 2777

ทุกวัน 17:30 - 01:00

FB : vesperbkk

 

 

Sugarray You’ve Just Been Poisoned

1 / 3

2 / 3

3 / 3

บาร์ที่เปิดวันไม่ติดกัน ชื่อยาวจำยาก แถมยังซ่อนตัวอยู่บนชั้นสองในเวิ้งบ้านเอกมัยที่ดูเงียบๆ นั่นล่ะ ‘Sugarray’ บาร์สไตล์ speakeasy ที่ความพิถีพิถันในการชงค็อกเทลสำคัญพอๆ กับการเซอร์วิส ช่วยครีเอทมู้ดและโทนของเครื่องดื่มให้เข้ากับนักดื่มแต่ละคน ด้วยความคติประจำใจบาร์เทนเดอร์ของที่นี่ว่า จะตั้งใจชงให้ทุกแก้วเปรียบดังแก้วแรกและแก้วสุดท้ายที่จะได้ทำเพื่อให้ทุกแก้วนั้นออกมาดีที่สุด ความใส่ใจดีเทลเหล่านี้เองที่ทำให้ Sugarray มีแฟนประจำแวะเวียนกลับมาตลอด และยังสร้างความประทับใจให้คนที่เพิ่งมาครั้งแรกจนต้องผันตัวกลายมาเป็นแฟนประจำได้อย่างง่ายดาย

 

 

ค็อกเทลของที่นี่ บาร์เทนเดอร์ต่อ ขอนิยามว่าเป็น fine drink เพราะทุกองค์ประกอบ ถูกเลือกสรรมาแล้วอย่างดีเพื่อมิกซ์ออกมาเป็นดริ้งค์พร้อมดื่มสำหรับแต่ละคน อย่าง Insomnia Negroni แก้วนี้ กับการทวิสต์คลาสสิกค็อกเทลที่หลายคนชื่นชอบอย่าง Negroni ให้ลุ่มลึกเลเยอร์รสชาติเพิ่มไปอีกขั้น ด้วยการเอาเมล็ดกาแฟคั่วมา infuse กับ Negroni ปล่อยให้น้ำแข็งละลายช้าๆ จิบรสที่มีลูกล่อลูกชนขมปนหวานแล้วตบกลับมาที่ขมอีกครั้ง พร้อมได้กลิ่นกาแฟอ่อนๆ ไปพลาง บรรยากาศของที่นี่คล้ายห้องแล็ปที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ ดูลึกลับแต่ก็เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ และมีความเป็นกันเองทำให้ที่นี่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่คิดว่าสาวโว้กน่าจะชอบ

 

Vogue sips : ช่วง festive ปลายปีใกล้เข้ามาทุกที จึงขอแนะนำค็อกเทลที่มีกลิ่นอายของวันคริสต์มาสต์อย่าง Lady December กลิ่นส้มมา กลิ่นแอปเปิ้ล-เรซิ่น-ซินนามอนไซรัปที่ตะโกนความเป็นคริสมาสต์ชัดเจน 


เอกมัย 21 (ซอยแจ่มจันทร์)

โทร : 090 656 0711

พุธ - อาทิตย์ 20:00 - 02:00

FB : Sugarraybkk

 

Kǔ / Ku bar

ก่อนจะเริ่มดื่มค็อกเทลสักแก้วที่ Ku bar (ออกเสียงว่า ‘ขู’แบบขึ้นสูง) จะเรียก Ku bar ว่าเป็นสไตล์ speakeasy ก็ดูจะเหมาะสม เป็นไปตามคาแรกเตอร์เจ้าของร้าน “บาร์เทนเดอร์ก้อง” เรียบง่ายได้ใจความ มีความเป๊ะในความไม่เป๊ะ พูดน้อยทำจริง ชงดริ้งค์เองกับมือแทบทุกแก้ว และที่สำคัญค็อกเทลแต่ละแก้วของที่นี่บาลานซ์ดีแน่นอนเสมอต้นเสมอปลาย เข้ากับบรรยากาศดิบแต่นุ่มนวลของตึกเก่ากึ่งเปลือยกลางฝั่งพระนครแห่งนี้

1 / 5

2 / 5

3 / 5

4 / 5

5 / 5

ที่นี่มีเมนูค็อกเทลแบบไม่ซ้ำใคร จากแรงบันดาลใจในการชอบทำอาหารของตัวบาร์เทนเดอร์ก้องเองและจากหนังสือเค้าที่อ่าน โดยเฉพาะหนังสือของนักเขียนยอดนักดื่มอย่าง ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ที่ทำให้เค้าเริ่มสนใจอยากทำความรู้จักกับเครื่องดื่มที่เรียกว่าค็อกเทลมากขึ้น และเมื่อนำความสนใจทั้งสองด้านมาเชครวมกันกับประสบการณ์การที่สั่งสมมาจากการทำงานใน speakeasy bar ที่นิวยอร์คกว่า 5 ปี เมื่อมีโอกาสบนสเปซที่เป็นของตัวเองจริงๆ เขาจึงได้เสิร์ฟเมนูที่เขาทดลองขึ้นเองกับมือ ยกตัวอย่าง ’เฉาก๊วย’ เมนูล่าสุด ที่ถึงแม้ชื่อจะคุ้นหูแต่รสชาติหอมหญ้าเฉาก๊วยแบบแยบยลใต้กลิ่นลาเวนเดอร์อีกชั้นนั้น มันพาเราไปไกลกว่าเจลลี่สีดำที่เราคุ้นเคย ก่อนจะจบรสด้วยความเผ็ดร้อนในลำคอจากดีปลี

แต่หากไม่อยากดื่มด่ำความครีเอทีฟเท่าไหร่ คุณสามารถรีเควซท์คลาสสิคค็อกเทลได้ รวมไปถึงเนเชอรัลไวน์ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญขอแนะนำให้โทรมาจองที่นั่งก่อนมาทุกครั้ง เพราะบาร์ขนาด 20 ที่นั่งนี้ ไม่รับคนเกินจำนวนที่นั่ง และไม่อนุญาตให้ยืนเกาะตามบาร์เช่นกัน นี่เองที่ทำให้การมานั่งดื่มที่ Ku bar รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายและไม่วุ่นวาย

 

 

 Vogue sips : อยากให้สาวๆ ได้ลองค็อกเทลเบส Vodka แก้วที่ชื่อว่า Lychee เพราะดื่มง่าย เข้าใจไม่ยาก ออกเปรี้ยวนุ่มและไม่หวานเรื่อยเปื่อย หอมดอกเก๊กฮวยอ่อนๆ สดชื่น

Let’s talk

จับเข่าคุยกับเจ้าของ Ku bar / บาร์เทนเดอร์ ก้อง - อนุภาส เปรมานุวัติ

“แรงบันดาลใจในการผสมเครื่องดื่มของผมมาจากอะไรไทยๆ จึงทดลองใช้วัตถุดิบของไทยมาลองทำไปเรื่อยๆ พบว่ามันมีอะไรเจ๋งๆเต็มไปหมด ไม่แพ้กับวัตถุดิบของประเทศอื่นเลย”

 

อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของ Ku bar

เริ่มมาจากการที่อยากมีอะไรที่เป็นของตัวเองจริงๆ ในตอนแรกก็ไม่ได้แพลนไว้ว่าจะต้องเปิดเป็นบาร์ แต่เพราะเคยทำงานอยู่ใน speakeasy bar ชื่อ Angle’s Share ที่ฝั่ง East Village ในนิวยอร์กมาก่อน เมื่อมีโอกาสได้สเปซนี้มาเพราะเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเพื่อน ค่าเซ้งไม่มี ค่าเช่าโอเค เลยคิดอยากลองทำ Ku bar ขึ้นมาดู เท่าที่กำลังและความสามารถของตัวเองมีอยู่

แรงบันดาลใจในการคิดเครื่องดื่มใหม่ๆ

น่าจะมาจากการที่ชอบทำอาหาร ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับอะไรไทยๆ และวัตถุดิบที่พบเจอได้รอบตัว เลยคิดว่าเราน่าจะทดลองใช้วัตถุดิบไทยๆ ที่อย่างน้อยเราก็คุ้นเคยและสามารถหาข้อมูลได้มากกว่า แถมมีเยอะแยะเต็มไปหมด เห็นอะไรใหม่ๆ ในฤดูกาลนั้นก็หยิบมาลองทำไปเรื่อยๆ ไม่มีแบบแผนตายตัว


วัตถุดิบอะไรของไทยที่ชอบเอามาใข้ในการทำเครื่องดื่ม เพราะอะไร

มะตูมแห้ง เป็นแก้วที่อยู่ในเมนูแรกๆของร้าน และก็ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้ จำได้ว่าสมัยเด็กๆ พ่อมักจะมีกาชามะตูมอยู่ข้างตัวเสมอ ทำให้ตัวเองได้ดื่มไปพร้อมๆ กับคุณพ่อด้วย เลยกลายมาเป็นเครื่องดื่มอย่างหนึ่งที่ชอบ


วัตถุดิบอะไรที่รู้สึกว่าท้าทาย และอยากเอามาลองทำอันต่อไป

หญ้าเฉาก๊วยกับลาเวนเดอร์ ซึ่งลองผิดลองถูกจนได้เป็นเครื่องดื่มที่พอใจแล้ว พร้อมใส่ลงเป็นเมนูใหม่ของบาร์

วางแพลน ku bar ในปี 2018 หรืออนาคตอันใกล้จะเป็นอย่างไร


อยากมีอาหารง่ายๆ เสิร์ฟในบาร์เพิ่มขึ้น เป็นพวกสแนคทานเล่นทานง่าย จะเป็นอาหารไทยก็ได้หรือไม่ไทยก็ได้ ซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะลงมือทำเอง หรือหาคนถนัดมาช่วยทำในส่วนนี้

 

469 ถ.พระสุเมน ชั้น3 (บนร้าน Brown Sugar)

โทร : 02 067 6731

พฤหัสบดี - อาทิตย์ 19:00 - 00:00

FB : ku.bangkok

FooJohn

 

ขอแนะนำว่าก่อนจะมาถึงบาร์แห่งนี้ควรเติมสีปากให้แน่น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับบรรยากาศแสงสีสลัวอันยัวยวนชวนให้เคลิบเคลิ้มไปกับสไตล์การตกแต่งแบบวินเทจผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก ซึ่งที่นี่เองเป็นบาร์โปรดของจงกล พลาฤทธิ์ บรรณาธิการแฟชั่นของโว้กประเทศไทย

 

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

 “ ไปบ่อยมาก ชอบในความผสมผสานของบรรยากาศ ที่ FooJohn มีไวน์แบบฝรั่งเศสแต่ตกแต่งด้วยกลิ่นอายแบบจีนเซี่ยงไฮ้ บาร์ที่นี่สบายๆ ดนตรีแจ๊สและบอสซาโนว่าช่วยส่งให้บทสนทนาสนุกขึ้น ที่ห้ามพลาดคือเครปทั้งคาวและหวาน เหมาะพาเพื่อนหรือคนพิเศษไปนั่งชิลล์”

 

 

หากอยากนั่งจิบไวน์อาบแสงสลัวสีแดงก่ำอย่างบรรณาธิการแฟชั่นของเราต้องที่ Foudejoie ชั้น 1 ของ FooJohn เพียงแค่ก้าวเข้ามาในร้านก็ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในฉากหนังของผู้กำกับหว่องกาไวไปโดยปริยาย ที่เหลือก็เพียงสั่งไวน์ราคาดีมาจิบกับชีสและโคลด์คัทหรือเครป และจากบรรยากาศบาร์สไตล์บิสโทรยุค '70 เดินต่อขึ้นด้านบนผ่านกำแพงกระจกเงาก็จะพบกับค็อกเทลบาร์หลังม่านกำมะหยี่ ในธีมยุคต้องห้าม prohibition era ที่ชั้นนี้ นอกจากจะเสิร์ฟค็อกเทลคลาสสิกที่ได้แรงบันดาลใจจากสูตร The Savoy Cocktail Book หลายแก้วก็ถูกทวิสต์ด้วยวัตถุดิบไทยๆ


เท่านั้นยังไม่พอในตึก FooJohn ที่ดูเหมือนไม่ใหญ่อะไรมากมายนี้ บนชั้น 3 ยังเป็นร้าน SpareParts Smokehouse ที่กินพื้นที่ไปถึง rooftop เสิร์ฟอาหารจานย่างและรมควันแบบเน้นอิ่มเน้นสะใจเน้นแชร์ เหมาะกับการมาเป็นกลุ่มแกงค์ แต่ความจริงแล้วไม่ว่าคุณจะอยากนั่งที่ชั้นไหนก็ตาม คุณก็สามารถสั่งทั้งอาหารและเครื่องดื่มได้จากทุกชั้นใน FouJohn

Vogue sips : ทาปากด้วยลิปสติกสีแดงเบอร์กันดีเนื้อซาติน เลือกนั่งที่ชั้น 1 พร้อมไวน์แดงในมือ ในวันที่อยากนั่งชิลสบายๆ กับตัวเองและคนรู้ใจ 





831 ตึก FooJohn ซ.เจริญกรุง31

โทร : 087 593 9973, 095 060 6286

พุธ - อาทิตย์ 18:00 - 00:00

FB : foojohnbkk