FASHION
ย้อนรอยประวัติศาสตร์อานม้าของ Hermès กว่า 181 ปี!แรงผลักดันงานดีไซน์ของแบรนด์ฝรั่งเศสที่หรูหราที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก |
ล่วงเลยมา 181 ปี อุปกรณ์สำหรับขี่ม้า ซึ่งเป็นจุดกำเนิดและประวัติศาสตร์ของแบรนด์ยังคงทำหน้าที่กระจายแรงบันดาลใจไปสู่งานดีไซน์ชิ้นแล้ว ชิ้นเล่า ตอกย้ำความเป็น Hermès จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าจนถึงวันนี้
“ม้าเป็นมากกว่าลูกค้ารายแรกของแอร์เมส มันยังเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันในงานดีไซน์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นอานม้าหรืออุปกรณ์ขี่ม้าอื่นๆ” แอร์เมสกล่าวยกย่องสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม น่าชื่นชม และผูกพันกับมนุษยชาติมายาวนาน ตอนที่ Thierry Hermès นำเสนออานม้าและอุปกรณ์ขี่ม้าเมื่อราวสองร้อยกว่าปีก่อนนั้น การขี่ม้าและรถม้าเป็นวิธีการเดินทางทางบกที่รวดเร็วมากที่สุด ท้องถนนทั่วทั้งกรุงปารีสและหัวเมืองใหญ่ของยุโรปคลาคล่ำไปด้วยม้าและรถม้า การผลิตอุปกรณ์ขี่ม้าในสมัยนั้นก็คงไม่ต่างอะไรจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในสมัยนี้นี่เอง “ครอบครัวของเราทำธุรกิจนี้มานานย้อนกลับไป 6 รุ่น เราถือว่าเราเป็นผู้สืบความรู้ เราไม่ได้เป็นผู้คิดค้นอะไรขึ้นมาใหม่ แต่นำมาผสมให้เหมาะกับความต้องการของยุคสมัย แน่นอนเราปรารถนาความเป็นเลิศและยังโหยหารายละเอียดของความสมบูรณ์แบบในเวลาเดียวกัน” Pierre-Alexis Dumas ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแอร์เมสบอกเล่ามุมมองของเขาที่มีต่อแบรนด์
แม้ว่าจุดกำเนิดของแบรนด์จะถูกนำกลับมาเล่าใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งก็ได้รับผลตอบรับดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้า “เราถือว่าเราอยู่ในโลกของสินค้าลักชัวรีมากกว่าโลกของแฟชั่น” ปิแอร์-อเล็กซิสกล่าวย้ำทำให้เราเห็นภาพรวมของแบรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผนกอุปกรณ์ขี่ม้า เครื่องเรือน หรือน้ำหอม ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแผนกเรดี้ทูแวร์และแผนกผลิตกระเป๋า/รองเท้าที่คนทั่วไปเข้าถึง พูดง่ายๆ ก็คือเหล่าอานม้าทั้งหลายสำคัญพอๆ กับกระเป๋า Kelly และ Birkin ใบดังที่ผู้คนทั่วโลกต้องการครอบครอง เป็นที่รู้กันดีว่ากีฬาขี่ม้าคือแรงบันดาลใจสำคัญของรันเวย์แอร์เมส ชัดเจนมากก็ที่รันเวย์สปริง/ซัมเมอร์ 2011 ของ Jean Paul Gaultier ที่เขาเชิดชูประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ด้วยการให้ Karlie Kloss เปิดโชว์ในชุดบอดี้สูทหนังสีดำสนิทถือแส้สำหรับขี่ม้า ชวนให้นึกถึงความรุ่งเรืองของสมัยล่าสัตว์บนหลังม้าในอดีต เท่านั้นยังไม่พอยังมีโชว์การขี่ม้าประกอบจังหวะดนตรีเป็นแบ็กอัพด้วย ช่วยสร้างบรรยากาศให้โชว์ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเสื้อผ้ายิ่งขึ้น ดีเทลที่น่าสนใจก็คือเหล็กขวางปากม้านั้นถูกปรับให้เป็นเข็มขัดเส้นสวยในขณะที่เชือกหนังสำหรับคาดบังเหียนคลี่คลายมาเป็นสายบราสุดเซ็กซี่ แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ที่ผสมกันอย่างลงตัวกับประวัติศาสตร์ของแบรนด์
“ผมมองว่าแอร์เมสเป็นเหมือนโอเอซิส และเราเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมอันสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างงานฝีมือกับการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน” ปิแอร์-อเล็กซิสให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ 181 ปีของแบรนด์ที่เป็นเหมือนโอเอซิสของความรู้และการดีไซน์ที่ไม่มีวันจบสิ้น และการให้ความเคารพนับถือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ทุกคนโดยเฉพาะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ทั้งหลาย (ตั้งแต่ Jean Paul Gaultier, Christophe Lemaire, Véronique Nichanian, Nadège Vanhee-Cybulski) ที่เข้าใจจิตวิญญาณของแบรนด์อย่างลึกซึ้งจนทำให้งานออกแบบมีความโดดเด่น ดูปุ๊บก็รู้ทันทีว่าเป็นเสื้อผ้าของแอร์เมส สปริง/ซัมเมอร์ 2018 นี้ก็เช่นกัน เป็นคอลเล็กชั่นที่นาเดจนำเสนอความสดใสของสีสันและในลุคที่ 40 และ 46 ได้นำลายผ้าพันคอวินเทจ Grand Manège ที่เป็นลายพิมพ์โกลนม้าสลับกับริบบิ้นที่โดดเด่นมากของแบรนด์มาทำในโทนสีอ่อนหวานแบบม่วงไลแล็ก ส้มพีช และนู้ด รวมถึงสร้อยคอหนังลูกวัวรุ่น Plastron ที่หยิบเอาโลหะเคลือบเงินรูปทรงบังเหียนของอานม้ามาอยู่บนหนังที่เย็บตะเข็บ 2 ด้านแบบอานม้า
อีกหนึ่งความน่าสนใจก็คือการตีความและนำเสนอกลิ่นน้ำหอมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกีฬาขี่ม้าอย่าง Galop d’Hermès ที่ออกในปี 2016 มองแว่บแรกก็นึกถึงม้าทันทีด้วยดีไซน์ขวดแก้วใสรูปทรงโกลนม้าพร้อมสายห้อยหนังสีน้ำตาล ส่วนกลิ่นนั้นสื่อถึงความอิสระของผู้หญิงด้วยกลิ่นหนังและดอกกุหลาบที่ปรับให้สดใสและบางเบาราวกับสายลมเย็นที่ปะทะผิวระหว่างควบม้าในชนบท ไม่ใช่แค่การหวนกลับไปหารากเหง้าทุกครั้งเท่านั้น แต่การผลักดันให้กีฬาขี่ม้ากลับมาอยู่ ในความสนใจก็เป็นอีกสิ่งที่แอร์เมสพยายามส่งเสริมอย่างต่อเนื่องผ่านมหกรรม Saut Hermès ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนมีนาคม โดยเปิดจำหน่ายบัตรให้คนเข้ามาชมการแข่งม้าในงานมีการแข่งขันขี่ม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางระดับ CSI 5* ซึ่งเป็นระดับสูงสุดและเป็นระดับมืออาชีพของฝรั่งเศส มีการแสดงของลูกม้า จำหน่ายหนังสือเกี่ยวกับม้าต่างๆ มี การออกร้านเล็กๆ จำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่นที่เกี่ยวกับการขี่ม้าให้คนเลือกซื้อใน บรรยากาศสบายๆ และแปลกใหม่
Marion Larochette, Director of Hermès Eques- trian เล่าถึงที่มาของงานว่า “พอ Grand Palais เปิดหลังจากปิดปรับปรุงไปช่วง หนึ่งเราก็เลยจัดงานนี้ขึ้น เพราะในอดีตก็เคยมีการจัดการแข่งขันขี่ม้าที่นี่อยู่แล้ว” งานครั้งนี้จึงเป็นการรื้อฟื้นจิตวิญญาณเดิมของสถานที่พร้อมกับรำลึกถึงจุดกำเนิดของแบรนด์ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ “เราต้องรู้จักอดีต เพื่อมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันและมองไปถึงอนาคตข้างหน้า บางสิ่งบางอย่างสามารถยืนหยัดอยู่ได้นับร้อยปี ในขณะที่บางอย่างมีอายุแค่เพียงสองปีเท่านั้น” พร้อมกันนั้นเธอยังมาคุยให้ฟังถึงแรงบันดาลใจหลักที่ขับเคลื่อนแอร์เมสมาโดยตลอด
Marion Larochette, Director of Hermès Eques- trian
V: รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับกีฬาขี่ม้า
M: ฉันคุ้นเคยกับกีฬาขี่ม้าเป็นอย่างดีเพราะขี่มาตั้งแต่เด็ก เป็นกีฬาชนิดเดียวที่ฉันรู้สึกว่าต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ การจะบังคับม้าให้กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางได้ต้องอาศัยความเชื่อใจกันอย่างมาก ปกติแล้วม้าจะมองเห็นเกือบ 360 องศา แต่ในการกระโดดม้าจะถูกปิดตาด้านหลังให้มองเห็นแต่ด้านหน้า ดังนั้นความเชื่อใจในคนขี่จึงสำคัญมาก
V: การทำอานม้าแต่ละครั้งใช้เวลานานแค่ไหน ปีหนึ่งๆ ช่างทำได้กี่ชิ้น
M: เราใช้ช่างเพียงคนเดียวทำตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ซึ่งมันมีความยากและมีหลายขั้นตอน เขาคนนั้นต้องรู้ขั้นตอนทุกอย่างและมีทักษะเป็นเลิศ ตั้งแต่การขึ้นรูป การตัดหนัง การเย็บอานม้าหนึ่งชิ้นใช้เวลา 30 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ปีนี้เราทำได้ประมาณ 500 ชิ้น
V: ส่วนที่ยากที่สุดของการทำอานม้า
M: การเชื่อมระหว่างสองเลเยอร์ คือส่วนที่คนนั่งกับส่วนกลางด้วยการเย็บมือทั้งหมด ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างมาก
V: ปกติคุณใส่ชุดอะไรเวลาขี่ม้า
M: ฉันมักจะใส่เสื้อโปโลกับกางเกงขี่ม้าในเวลาที่ไม่เป็นทางการ แต่หน้าหนาวฉันจะใส่ดาวน์แจ็กเกตเพิ่มความอบอุ่น และแน่นอนทุกชิ้นต้องเป็นแอร์เมส
V: Saut Hermès ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง
M: ตั๋วหมดเร็วมาก! จริงๆ แล้วเราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์นี้ แต่เมื่อที่นั่งมีจำกัดเราเลยมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์และเว็บไซต์ แม้ว่าความรู้สึกจะไม่เหมือนไปดูในกร็องปาเลส์ แต่เราก็พยายามถ่ายทอดบรรยากาศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
V: วางแผนอย่างไรต่อไป
M: ตั้งใจจะสานต่อโปรเจกต์นี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเรารักงานนี้มาก เราอยากบอกเล่าความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างแอร์เมสกับม้า ผลตอบรับที่ผ่านมาทำให้เราดีใจเพราะมีนักขี่ม้ามาเข้าร่วมแข่งขันมากมาย
WATCH