Hermès เดินหน้าลงทุนเพิ่มศักยภาพการผลิตในฝรั่งเศส พร้อมวางหมุดหมายใหม่สำหรับโรงงานเครื่องหนัง

Hermès ลงทุนเพิ่มศักยภาพการผลิตโดยการจ้างงานและวางโครงการสำหรับโรงงานเครื่องหนังแห่งใหม่ เพื่อรองรับความสำเร็จของคอลเล็กชั่นเครื่องหนัง โดยโรงงานแห่งใหม่ล่าสุดนี้นับเป็นสถานที่ผลิตเครื่องหนังแห่งที่ 26 ของแบรนด์ จะเปิดทำการในปี 2027 ณ เมือง Charleville-Mézières เขต Ardennes ซึ่งมีเป้าหมายในการจ้างช่างฝีมือกว่า 250 คนและให้รับการฝึกอบรมทักษะการทำเครื่องหนังอันประณีตเฉพาะตัวของ Hermès เพื่อรังสรรค์กระเป๋าที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

โมเดลการผลิตช่างฝีมือที่ส่งเสริมการพัฒนาระยะยาวภายในภูมิภาค

โรงงาน Maroquinerie de Charleville-Mézières เป็นสถานที่ผลิตแห่งที่สามในเครือข่ายเครื่องหนังและเครื่องอานของ Hermès ในเขต Ardennes ต่อจาก Maroquinerie de Bogny-sur-Meuse ที่เปิดในปี 2004 และ Maroquinerie de la Sormonne ที่เปิดในปี 2003 โดยโรงเรียนฝึกทักษะ École Hermès des savoir-faire ที่ตั้งขึ้นในเมือง Charleville-Mézuères ตั้งแต่ปี 2021 ได้ทำหน้าที่ฝึกอบรมช่างฝีมือในภูมิภาค รวมถึงดูแลการสอบรับรองคุณวุฒิด้านงานเครื่องหนังและงานตัดเย็บทั้งในระดับ CAP และ CQP

Hermès ยังร่วมมือกับสำนักงานจัดหางาน France Travail ในการสรรหาช่างฝีมือผ่านโรงเรียน École Hermès des savoir-faire ซึ่งการมีอยู่ของสถานที่ผลิตทั้ง 3 แห่งในบริเวณใกล้เคียงกันช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะเฉพาะของ Hermès และถ่ายทอดวัฒนธรรมการทำงานของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเย็บแบบอานม้า การขัดเงา การปักตกแต่ง เป็นต้น โดยการลงทุนนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Hermès ในการส่งเสริมการจ้างงานในท้องถิ่น สนับสนุนการฝึกอบรมฝีมืออาชีพระดับสูง และร่วมขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาคในระยะยาว

โครงการที่สืบสานมรดกอุตสาหกรรมดั้งเดิม อันตอบโจทย์เป้าหมายด้าน CSR ของ Hermès

ตัวโครงการจะพัฒนาโดยใช้พื้นที่ของโรงงานอุตสาหกรรมเก่า Deville อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Charleville-Mézières และเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมของภูมิภาค โดยจะปรับปรุงและอนุรักษ์โครงสร้างเดิมไว้ พร้อมสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อรองรับการผลิตและการดำเนินงาน โดยโรงงานใหม่นี้ได้รับการออกแบบโดย Coldefy & Associés สถาปนิกผู้อยู่เบื้องหลังโรงงาน Maroquinerie de la Sormonne ตัวอาคารจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก อาคารเดิมที่มีหน้าจั่วโดดเด่นจะใช้เป็นสำนักงานและโรงอาหาร ส่วนอาคารต่อขยายจะเป็นพื้นที่สำหรับงานตัด งานเย็บ และงานจัดการด้านลอจิสติกส์ของโรงงาน โดยเชื่อมต่อกันด้วยโถงทางเข้าขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่ทั้งหมดของโรงงานจะครอบคลุมประมาณ 5,800 ตารางเมตร โดยอาคารต่อขยายหันหน้าไปทาทิศเหนือ-ใต้ เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้าสู่พื้นที่ทำงาน ส่วนของวัสดุ Hermès เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น โครงไม้ ฉนวนจากฟาง ผนังภายนอกจากอิฐ และฉาบผนังด้วยดินธรรมชาติ นอกจากนี้ อาคารยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เกือบ 1,400 ตารางเมตร และเชื่อมต่อกับระบบพลังงานความร้อนในเขตชุมชนซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน ทำให้สามารถขอรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับ E4C2 ได้

การฟื้นฟูภูมิทัศน์อุตสาหกรรมเก่าให้คืนกลับสู่ธรรมชาติ

โครงการนี้ยังมีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนด้วยการปรับปรุงพื้นที่โรงงานเก่าซึ่งถูกปูซีเมนต์ทั้งหมด ให้กลับมามีระบบนิเวศตามธรรมชาติ โดยจะทำให้พื้นที่เกือบ 8,000 ตารางเมตรสามารถดูดซึมน้ำได้ บริเวณตอนใต้ของพื้นที่จะจัดทำลานจอดรถขนาด 1,500 ตารางเมตรจำนวน 205 คัน โดยใช้วัสดุพื้นผิวที่ดูดซึมน้ำได้ ส่วนอีก 6,500 ตารางเมตรที่เหลือจะถูกปรับให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งและปลูกพืชพรรณพื้นถิ่นจากแม่น้ำ Meuse และชนิดพืชที่เหมาะกับดินในพื้นที่ ซึ่งสวนนี้จะเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้สูง เช่น ต้นหลิว ต้นลินเดน ต้นด๊อกวู้ด ป็อปลาร์ขาว และต้นแอลเดอร์ รวมถึงพุ่มไม้หลากชนิดที่ให้ร่มเงาและสร้างภูมิทัศน์เขียวขจีทั่วพื้นที่ รวมถึงบริเวณลานจอดรถทั้งหมดจะช่วยรื้อฟื้นสภาพแวดล้อมริมฝั่งแม่น้ำ Meuse ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

Hermès ตัวละครสำคัญในการผลักดันการจ้างงานและการสืบสานฝีมือช่างแห่ง Ardennes

ด้วยการก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ใน Charleville-Mézières Hermès ได้ตอกย้ำบทบาทในฐานะแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีส่วนร่วมในการสร้างงานอาชีพ และอนุรักษ์ทักษะฝีมือช่างในภูมิภาค Ardennes ให้คงอยู่สืบไป ซึ่งปัจจุบัน Hermès มีโรงงานผลิตเครื่องหนังทั้งสิ้น 23 แห่ง ตั้งอยู่ในฝรั่งเศสทั้งหมดและยังมีอีก 3 แห่งที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ ที่ L'lsle-d'Espagnac (Charente), Loupes (Gironde) และ Colombelles (Normandy) ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสรรหาและฝึกอบรมช่างฝีมือเพื่อรองรับการเปิดดำเนินงานในอนาคต

Photo: Courtesy of Hermès

(สามารถตามไปอ่านบทความ 'รวมทุกลุคจาก Hermès Fall/Winter 2025 : The Second Chapter ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน' ได้ที่นี่)

TAGS : Hermès